Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
KWANMANIE
•
ติดตาม
27 พ.ค. 2021 เวลา 09:35 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
คนดูหนังไทยหลายคนอาจมีความคาดหวังในภาพยนตร์ไทยแนวสยองขวัญเรื่องล่าสุดอย่าง Ghost Lab: ฉีกกฎทดลองผี ไม่ใช่แค่เป็นผลงานจากค่าย GDH x Netflix เท่านั้น หากแต่เป็นผลงานการกำกับของ กอล์ฟ-ปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่เคยประสบความสำเร็จจากการกำกับภาพยนตร์แนวเดียวกันอย่าง บอดี้ ศพ19, สี่แพร่ง, และ ห้าแพร่ง มาแล้ว ทั้งนี้เพราะ เมื่อหลายปีก่อน บอดี้ ศพ19, สี่แพร่ง, และ ห้าแพร่ง ถือเป็นหนังผีไทยที่สนุกและล้ำกว่าหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ณ ตอนนั้
เราสามารถพูดได้ว่า แนวสยองขวัญคือแนวถนัดและแนวแจ้งเกิดของ GTH (ชื่อค่าย ณ ตอนนั้น) แต่สำหรับวันนี้… สำหรับ Ghost Lab เรื่องนี้… เราคิดว่า ค่อนข้างถอยหลัง ชนิดที่ว่า นอนดูบน Netflix ที่บ้าน ยังรู้สึกเสียดายเวลา (2 ช.ม. ที่เราเสียสละไปดูเรื่องนี้ คือดึงมาจากเวลาที่ปกติเราควรใช้ดู ซีรีส์เกาหลีที่ชอบที่ชอบ ได้ 2 ep.)
== GHOST LAB เหมือนเอาเด็กสายศิลป์มาทำแล็บวิทย์ ==
เรื่องย่อ Ghost Lab ตามที่ Netflix บรรยายไว้ก็คือ เป็นเรื่องหมอหนุ่มสองคน วี (ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร) และ กล้า (ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต) ที่หมกมุ่นกับการทำวิจัยและหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ว่าผีมีจริง (ย้ำ… ตัวเอกเป็นหมอ และพยายามหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ว่าผีมีจริง)
ซึ่งพล็อตมันทำให้เรานึกถึงหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง Flatliners (2017) ที่เล่าเรื่องกลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่ทำให้หัวใจตัวเองหยุดเต้นชั่วขณะเพื่อทำการทดลองและหาคำตอบเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย แต่เราไม่ได้ดูเรื่องนั้น เลยยังพูดถึงไม่ได้มาก แปะไว้ก่อน
เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องตัวเอกเป็นหมอหรือเป็นเด็กสายวิทย์แล้วมาหมกมุ่นเรื่องผี แต่เราคิดว่า สิ่งที่ตัวเอกใน Ghost Lab ทำเพื่อการวิจัยในหนังมันยังไม่ค่อยวิทย์มากพอ
ไม่แน่ใจว่าคนเขียนบทมีสายวิทย์บ้างมั้ยหรือได้ปรึกษาคนสายวิทย์มามากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่ดูจากหนัง หนังมันเหมือนเอาคนสายศิลป์มาทำแล็บ เหมือนเอาเด็กศิลป์มาเขียนบทหนังให้มีความวิทย์ ๆ แล้วมันแตะได้แค่วิทย์ระดับประถม-ม.ต้น เช่น การตั้งสมมติฐาน การหาตัวแปร หรือกระทั่งพยายามจัดไฟลัมให้กับผี ฯลฯ แล้วไอเดียส่วนใหญ่ก็ตั้งบนพื้นฐานของอารมณ์ความรู้สึกเหมือนหนังผีทั่วไป เช่น ผีโผล่มาให้เห็นเพราะผีห่วง/ผีแค้น นอกเหนือจากนั้น การทดลองก็ทำแบบทั่วไปเหมือนรายการล่าท้าผีทั่วไป เช่น พยายามตั้งกล้องจับภาพผี ตรวจวัดอุณภูมิโดยรอบ ฯลฯ สั้น ๆ ก็คือ ถ้าจะทำแค่นี้ ไม่ต้องวางตัวเอกให้เป็นหมอระดับท็อปรุ่นก็ได้
== จุดเริ่มต้นมาจากอนาคต แต่จุดจบวกกลับไปสมัยแรกเริ่มพุทธกาล ==
เป็นที่น่าเสียดายที่ถึงแม้หนังไทยหลายเรื่องจะมีไอเดียแปลกใหม่แค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็ไม่ไปไหนหรือแป้กในตอนจบ เพราะมันมักจะวนกลับมาที่ความนิทานก่อนนอนแทรกคติสอนใจหรือรายการสไตล์คนเมืองพุทธ
Ghost Lab เปิดเรื่องมาด้วยความฝัน ความมุ่งมั่น และความทะเยอทะยานของตัวเอกที่อยากจะพิสูจน์ให้โลกรู้ว่าผีมีจริงและตนเองได้ขึ้นปกนิตยสารวิทยาศาสตร์ระดับโลก เช่นเดียวกับซีรีส์ Start-Up ของเกาหลีที่ตัวเอกมีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่ดูเหมือนจะลม ๆ แล้ง ๆ ในช่วงเริ่มต้น
ในขณะที่หนังหรือซีรีส์ของต่างประเทศพยายามผลักดันให้คนดูหรือผู้คนในประเทศทำตามความฝันหรือเดินหน้าเพื่อความสำเร็จนั้น หนังไทยของเรา ณ ที่นี้ก็คือ Ghost Lab กลับเบรคจินตนาการของคนดูว่า เป็นไปไม่ได้หรอก พอเถอะ เลิกหมกมุ่นกับความฝันตัวเองเถอะ กลับไปดูแลครอบครัวคุณเถอะ…
โดยครึ่งหลังนี่เห็นได้ชัดเลยว่า พระพุทธศาสนาเริ่มเข้ามาครอบงำละ ไหนจะแม่ของหนึ่งตัวเอกคร่ำครวญเรื่องบาปแห่งการฆ่าตัวตายบ้างล่ะ หรือความตั้งใจใส่พระองค์โตทองอร่ามเข้ามาในซีนที่ตัวเอกเดินผ่านบ้างล่ะ ฯลฯ
เข้าใจว่า Ghost Lab มีเจตนาที่ดีที่จะสอนใจคนดูว่า การหมกมุ่นกับงานหรือเรื่องใดใดของตัวเองมากเกินไป อาจทำให้เสียการเสียงาน เช่น ผ่าตัดคนไข้ผิดพลาด หรืออาจละเลยคนรอบข้าง เช่น แม่หรือคนรัก ที่ตัวเอกเพิ่งมาคิดถึงเมื่องานวิจัยของพวกเขามันถลำลึกจนสายเกินแก้ แต่สตอรี่แบบนี้มัน cliché ไปแล้วหรือเปล่า และทำให้ตัวละครหญิงทุกคนในเรื่อง (ซึ่งแต่ละคนก็บทน้อยนิดกันอยู่แล้ว แม้แต่ ณิชา-ณัฏฐณิชา ที่เล่นเป็น ใหม่ แฟนสาวของกล้า) เป็นได้แค่ตัวถ่วงความสำเร็จหรือเป็นบ่วงให้พวกเขาห่วงสำหรับซีนดราม่าของหนังแค่นั้นหรือเปล่า
อีกอย่าง เราคิดว่าถ้าจะจบแบบฟ้ามีตาแบบนี้ สู้ไปจบให้ตัวเอกหมกมุ่นหรือคลั่งวิจัยจนเป็นบ้า ประสาทหลอน หรือมโนไปเองว่าเจอผี แล้วขายการแสดงของสองพระเอกที่ค่ายดันนักดันหนาไปให้สุดไปเลยเสีย ยังจะน่าผิดหวังน้อยกว่า
แต่ตั้งแต่ประมาณ 10 นาทีแรกที่หนังให้สองตัวเอกเห็นผีไฟครอกเหมือนกัน ก็ดูออกแล้วล่ะว่า หนังไม่ยอมลงที่ตัวละครคิดไปเองหรอก หนังปักธงที่ผลลัพธ์ไปแล้วว่า “ผีมีจริง”
ดังนั้น ในเมื่อหนังก็เลือกที่จะยืนพื้นมาแล้วว่า ผีมีจริงและเป็นพลังงานลี้ลับเหนือธรรมชาติ และชื่อเรื่องก็เล่นใช้คำว่า “lab” ชัดเจน ทำไมหนังไม่ลอง sci-fi ไปให้ไกลกว่านี้ไปเลยล่ะ ประมาณว่าการทดลองของพวกเขาประสบความสำเร็จจริง พวกเขาพิสูจน์ได้จริง ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือเครื่องมือเทคโนโลยีใดใดก็ว่าไปตามแต่จินตนาการ เหมือน Back to the Future ที่รถกระป๋องคันหนึ่งพาเดินทางข้ามเวลาได้จริง หรือ Inception ที่เข้าไปในความฝันของคนได้จริง เพื่อที่ Ghost Lab: ฉีกกฎทดลองผี จะได้ฉีกกฎหนังไทยแบบเดิม ๆ และพาหนังไทยล้ำออกไปได้จริง ๆ
สุดท้าย เมื่อมันเป็นมาซะแบบนี้ Ghost Lab ของ GDH ที่ตั้งใจสร้างผลงานมาขายเด็กรุ่นใหม่ และมี trailer ที่น่าดูชม ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผู้ใหญ่รุ่นเก่าที่เริ่มต้นสอนเด็กให้ฝันใหญ่ ให้ความหวัง แต่สุดท้ายก็จำกัด เบรค หรือตีกรอบเด็ก ๆ ไว้ หรือทำลายความฝัน 10 ปี 20 ปีของเด็ก ด้วยคำว่า ความกตัญญู, ไร้สาระ, เป็นไปไม่ได้, เพ้อเจ้อ ฯลฯ ซึ่งทำให้ประเทศเราไม่ไปไหนอีกเช่นกัน ทั้งวงการภาพยนตร์เอง และตัวประชากรเอง โดยส่วนตัว เราจึงรู้สึกผิดหวังและเสียเวลากับหนังเรื่องนี้
แต่ถ้าใครอยากจะพิสูจน์ ร่วมทดลอง หรือดูผลงานการแสดงของดาราที่คุณชื่นชอบ ก็สามารถเปิดดู Ghost Lab ได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทาง Netflix เท่านั้น
อ่านรีวิวเต็ม
อ่านเพิ่มเติม
kwanmanie.com
รีวิว Ghost Lab: ฉีกกฎทดลองผี
นายแพทย์หนุ่มสองคนหมกมุ่นกับการทำวิจัยและหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ว่าผีมีจริง จนถลำลึกเกินกว่าแก้ไขได้…
=====
ช่องทางการติดตาม Kwanmanie >>>
Website:
https://www.kwanmanie.com
Facebook:
https://www.facebook.com/kwanmanie
Instagram:
https://www.instagram.com/kwanmanie
Twitter:
https://www.twitter.com/kwanmanie
YouTube:
https://www.youtube.com/kwanmanie
Blockdit:
https://www.blockdit.com/kwanmanie
ช่องทางการติดต่อ Kwanmanie >>>
Email:
contact@kwanmanie.com
LINE: @kwanmanie
=====
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย