28 พ.ค. 2021 เวลา 04:44 • ธุรกิจ
เรียนไม่สูง ไม่ได้จบปริญญา ก็ทำธุรกิจสำเร็จได้
วุฒิการศึกษาที่สูงก็สำคัญต่อชีวิต แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ถึงแม้ว่าจะเป็นการเสียโอกาส แต่ก็ใช่ว่าจะล้มเหลวในชีวิต ทุกคนสามารถมีความหวัง เดินหน้าต่อไปและไม่ยอมแพ้ มุ่งมั่นสร้างธุรกิจของตัวเองได้ เพื่ออนาคตของตัวเองเหมือนดัง 4 คน จากเรื่องเล่าบันดาลใจ Inspirational
1. อภิสิทธิ์ คงสิน : วุฒิการศึกษา ป.6 เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มชานมไข่มุก Maru Cha
หนุ่มเมืองนครสวรรค์ ที่เรียนจบแค่ชั้น ป.6 แต่สร้างธุรกิจชา ราคา 19 บาท ธุรกิจโตขยายสาขา 650 สาขาทั่วประเทศ
ในสมัยเด็ก ครอบครัวคุณอภิสิทธิ์มีฐานะยากจน จึงได้เข้ามาหางานทำในกรุงเทพ หวังที่จะสมัครเป็นพนักงาน แต่ไม่มีใครรับเพราะวุฒิการศึกษาที่จบเพียงชั้น ป. 6 และรูปลักษณ์ที่มีรอยสักที่แขน ทำให้ไม่มีโอกาสในการทำงานเป็นพนักงาน เพราะส่วนใหญ่ในบริษัทจะรับสมัครคนที่มีวุฒิตั้งแต่ ม.3 ขึ้นไป ทำให้เขารู้สึกได้เลยว่าชีวิตมันไม่ได้ง่าย
สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์ทำได้ในตอนนั้น คือการเป็นลูกจ้างตามร้านต่าง ๆ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านส้มตำ ร้านลูกชิ้น ร้านปลาเผา เป็นงานที่มีให้ทำ หาอะไรได้ก็ต้องทำไว้ก่อน เพราะเลือกงานเองไม่ได้
ทุกครั้งที่คุณอภิสิทธิ์กลับบ้าน จะถูกคนสบประมาทว่า “เรียนก็ไม่จบ เรียนแค่ ป.6 ไม่มีอนาคตจะไปทำงานอะไรได้” จากคำพูดเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขายอมแพ้ แต่เขาเลือกที่จะอ่านหนังสือ และหาความรู้จาก Youtube เพราะเชื่อว่าถ้าตัวเองอยากประสบความสำเร็จ ต้องเรียนรู้กับคนที่มีความคิดเชิงบวก หรือฟังคนที่ประความสำเร็จ เพื่อผลักดันที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และบอกตัวเองว่าจะไม่กลับไปจนอีก
กว่าจะเปลี่ยนตัวเองได้ คุณอภิสิทธิ์ต้องฝึกฝนการขาย จนได้ประสบการณ์ขายของมาหลายอย่าง เช่น ขายส้มตำ ขายไก่ทอด ขายเครื่องดื่ม ขายปลาเผา ขายหมูจุ่ม จากที่ขายอาหารได้กำไรวันละ 100 บาท ก็พัฒนาให้ได้กำไรวันละ 1,000 บาท ถึงแม้ว่าจะเป็นการพัฒนาอย่างช้าๆ แต่เขาก็คาดหวังไว้ว่าจุดหมายในวันข้างหน้า คือการเติบโตและประสบความสำเร็จ
ธุรกิจชาขมไช่มุก ทำให้เปลี่ยนชีวิต!
เมื่อมีประสบการณ์จากการทำธุรกิจมาหลายอย่าง ทำให้รู้ว่าธุรกิจเครื่องดื่มขายได้ง่าย และใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก คุณอภิสิทธิ์จึงได้วางแผนทำธุรกิจชาชื่อว่า Maru Cha จุดเริ่มต้นในการขาย คุณอภิสิทธิ์ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อต้มไข่มุกและเตรียมการขาย เปิดร้าน 9 โมง ขายจนถึง 4 ทุ่ม ทำแบบนี้ทุกวัน จนเริ่มที่จะประสบความสำเร็จ
กลยุทธ์ทางการขาย คือ เป็นชานมไข่มุกที่มีสีสันดึงดูด มีโลโก้แมวน่ารัก ส่วนรสชาติก็ทำให้ถูกปากคนไทย ขายในราคาแก้วละ 19 บาท เพื่อให้คนทุกกลุ่มวัยสนใจ และซื้อกินได้ง่าย สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 8 ล้านบาทต่อเดือน
ปัจจุบันธุรกิจ Maru Cha สามารถเติบโตและขยายสาขาไปกว่า 650 สาขาทั้วประเทศ และตั้งเป้าหมายว่าจะพาธุรกิจไปเติบโตในตลาดอาเซียนอีกด้วย
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/D_eGnv60xN4
2. ชวพจน์ ชูหิรัญ : วุฒิการศึกษา ม.3 เจ้าของธุรกิจหมูปิ้งเฮียนพ
นักสู้ชีวิตจาก จ.นครสวรรค์ ที่เรียนจบแค่ชั้น ม.3 มาเป็นลูกจ้างในกรุงเทพฯ เจอวิกฤตเศรษฐกิจพัง ใช้ชีวิตอย่างคนไร้บ้านมากว่า 20 ปี พลิกชีวิตด้วยธุรกิจหมูปิ้ง
คุณชวพจน์ เริ่มเข้ามาหางานในกรุงเทพฯ เมื่ออายุ 17 ปี เริ่มทำงานก่อสร้างเป็นช่างทาสี ต่อมาได้สมัครเป็นพนักงาน ที่มีค่าแรงงานเพียง 70 บาท/วัน ทำนานกว่า 10 ปี ในช่วงนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ทำให้เขาถูกเลิกจ้างออกจากงาน ทำให้เขารู้สึกว่าหมดโอกาส เพราะไม่รู้จะไปทำงานอะไรต่อ เนื่องจากอายุก็มาก การศึกษาก็ไม่ได้สูงต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิต
หลังจากที่คุณชวพจน์ตกงาน เขาตัดสินใจที่จะมาเป็นพ่อค้า เช่น ขายไอศกรีม ขายเสื้อผ้าเด็ก แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แม้ว่าสิ่งที่ทำได้ในตอนนั้นคือการเป็นพนักงานรปภ. และหารายได้เพิ่มจากการขับรถแท็กซี่ แต่ก็ไม่มีรายได้มากพอ ทำให้บ้านที่ผ่อนส่งอยู่ถูกยึด เขาไม่มีบ้านพักให้หลับนอน ทำให้จำเป็นจะต้องไปนอนที่ร้านอาหารของน้องสาว และให้กำลังใจกับตัวเองว่าสักวันหนึ่งจะต้องดีขึ้น
จุดเริ่มต้นของการขายหมูปิ้ง
ในวันหนึ่งมีคนแนะนำให้คุณชวพจน์ มาขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่หน้าโรงพักตำรวจ ในขณะนั้นเองน้องสาวคนเล็กของเขาได้สูตรทำหมูปิ้งมาจากกลุ่มแม่บ้านโรงพักตำรวจ จึงมาขายหมูปิ้ง เธอให้คุณชวพจน์เสียบเนื้อหมูส่งวันละ 5 กิโลกรัม ทำให้เขาและน้องสาวมีรายได้ในการขายหมูปิ้ง เพราะฉะนั้นทุก ๆ วัน คุณชวพจน์จะต้องขับวินมอเตอร์ไซค์ และมาเสียบเนื้อหมูในเวลาว่างจากคิวมอเตอร์ไซค์ และทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีคนสนใจรับซื้อหมูปิ้งไปขายต่อ รับซื้อทีละ 1,000 ไม้ เพราะว่าขายดี ทำให้เริ่มมีรายได้เข้ามามาก
1
วิกฤตสู่โอกาส เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต
ในปี 2554 เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ในกลุ่มคนที่เคยทำหมูขายอยู่ด้วยกัน เขาปิดเลิกขายหมูปิ้งกันหมด มีเพียงแต่คุณชวพจน์ที่ยังเดินหน้าขายต่อไป ทำให้เขาได้ลูกค้ามากขึ้น และยังได้คนงานเสียบหมูเพิ่มอีกด้วย เนื่องจากคนงานไม่มีงานทำ เลยย้ายที่มาทำงานด้วย
หลังจากผ่านเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้คุณชวพจน์รู้ว่าตัวเองขายดีมาก เพราะมาดูเงินเก็บพบว่ามีเงินกว่า 3 ล้านบาท นี่คือจุดเปลี่ยนของชีวิต ทำให้เขาตัดสินใจเปิดโรงงานเป็นของตัวเองขึ้นมา โดยจดทะเบียนโรงงานอย่างถูกต้องและสร้างมาตรฐานเนื้อหมูเสียบไม้ ที่ได้รับ อย. เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น พร้อมกับสร้างโอกาสทางการค้าให้เหนือกว่าธุรกิจหมูปิ้งเจ้าอื่น ๆ ได้ จนสามารถสร้างยอดขาย 100 ล้านบาทต่อปี
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม :https://youtu.be/PkyXT5HPjv4
3. ใจกล้า กาดำดวน : วุฒิการศึกษา ป.6 เจ้าของธุรกิจกาแฟ สะบายดีคอฟฟี่
หนุ่มจ.สกลนคร ที่เรียนจบแค่ชั้น ป.6 เคยถูกหลอกลงเรือประมงไปทำงานต่างถิ่นอยู่ครึ่งปี ต้องใช้ชีวิตต่อสู้ดิ้นรนและไม่ยอมแพ้ นำความรู้จากประสบการณ์มาปรับใช้ จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจขายส่งกาแฟให้กับประเทศเพื่อนบ้าน สร้างยอดขายกว่า 300 ล้านบาทต่อปี
คุณใจกล้า กล่าวว่าชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างจน และลำบากมาก รายได้ของครอบครัวมาจากการรับจ้าง เข่น เลี้ยงควาย เกี่ยวข้าว และความสุขเดียวของชีวิตในตอนนั้นคือวันที่มีข้าวให้กิน
หลังจากที่คุณใจกล้า เรียนจบ ป.6 จึงเดินทางนั่งรถไฟไปกรุงเทพฯ ด้วยความหวังที่ว่าชีวิตต้องดีขึ้น และได้งานทำเป็นกรรมกรก่อสร้างที่ได้ค่าแรงงานวันละ 70 บาท (15 วัน เงินออก 1 ครั้ง) ทุกครั้งที่เขาได้เงินจะรู้สึกตื่นตันหัวใจ เพราะเงินที่เขาหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงนี้ สามารถส่งไปให้ครอบครัวของเขาได้
จนกระทั้งวันหนึ่งคุณใจกล้า ถูกหลอกลงเรือประมงไปต่างแดน จากการเชิญชวนให้ไปทำงานโรงงานขนมปัง แต่ถูกวางยาให้หลับ ตื่นมาอีกทีอยู่ท่ามกลางทะเล ต้องพลัดพลาดจากครอบครัวไปอยู่ประเทศเมียนมา และอินโดนีเซียกว่า 6 เดือน สิ่งที่เขาจะทำได้คือ การเอาชีวิตรอดกลับมาให้ถึงเมืองไทย
หลังจากที่ได้กลับมาที่ประเทศไทย คุณใจกล้าได้ตัดสินใจมาทำธุรกิจขายตรง เพราะเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จได้ ใช้เวลานานกว่า 5 ปี ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในปีที่ 6 เริ่มมีรายได้ที่มากขึ้น และอยู่กับธุรกิจขายตรงกว่า 10 ปี
ต่อมาคุณคุณใจกล้า ได้ออกจากธุรกิจขายตรง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดของธุรกิจ ทำให้เขามาทำธุรกิจของตัวเอง เป็นธุรกิจขายส่งกาแฟ ในประเทศลาว โดยใช้ประสบการณ์ทั้งหมดของธุรกิจขายตรงชีวิตมาพัฒนาธุรกิจ ด้วยการไปทำสปอนเซอร์ร้านค้า และการขายส่งทำให้ธุรกิจของเขาเติบโต จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจขายส่งกาแฟให้กับประเทศเพื่อนบ้าน สร้างยอดขายกว่า 300 ล้านบาทต่อปี
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม :https://youtu.be/PAahe7tLqLw
4. พรศักดิ์ พวงไพโรจน์ : วุฒิการศึกษา ไม่ได้เรียน เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือตาต้อ
คุณพรศักดิ์ หรือชื่อตาต้อ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่ท่าน้ำวัดหอมเกร็ด เมนูเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูเด้งให้เยอะล้นชาม และขายดี ในราคาเพียง 20 บาท เป็นร้านดังขึ้นชื่อจนชาวต่างชาติต้องมากิน
จุดเริ่มต้น คุณพรศักดิ์ ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่มาช่วยคุณพ่อขายก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่วัยรุ่น แต่ตอนนี้เป็นพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวมานานกว่า 20 ปี ปัจจุบันขายอยู่ที่ย่านท่าน้ำวัดหอมเกร็ด จุดเด่นของร้านเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือโบราณลำสุดท้ายในย่านแม่น้ำท่าจีน ที่มีลีลาเด็ดในการขาย พูดคุยสนุกจนมัดใจลูกค้ารุ่นต่อรุ่น
เมนูก๋วยเตี๋ยว เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูเด้ง แห้ง/น้ำ/ยำ และเย็นตาโฟ ที่ให้หมูเด้งเยอะมากจนล้นชาม ในราคาเริ่มต้นเพียง 20 บาท คุณพรศักดิ์ ไม่ขายราคาแพง เพราะอยากให้ลูกค้าทานได้เยอะ ๆ ขายได้วันละ 200 กว่าชาม
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม :https://youtu.be/gv4c-kq8HRc
#inspirational #ฺีBusiness #อายุน้อยร้อยล้านNEWS #อายุน้อยร้อยล้าน #นักสู้ #100NEWS
โฆษณา