อยากลงทุน “หุ้นยาง” ต้องดูอะไร ?
มีประเด็นไหนให้ติดตามบ้างในช่วงนี้ ??
สวัสดีครับเพื่อนๆ หุ้นพอร์ตระเบิด ทุกท่าน เชื่อว่าสมาชิกของเราก็น่าจะได้เห็นกันแล้วว่าจากผลของ Covid-19 ที่แพร่ระบาดขึ้นทั้งปีพ.ศ. 2563 ที่ผ่านมานั้น กลับทำให้ “หุ้นกลุ่มยาง” มีความคึกคักเป็นพิเศษ
ด้วยอานิสงส์ของราคายางอันพุ่งสูงจนทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปีเพราะ Demand ที่ล้นทะลัก จากภาพรวมของอุตสาหกรรมต่างๆที่ฟื้นตัวขึ้น และปัญหาน้ำท่วมของประเทศผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของโลก
ซึ่งเพื่อนๆทราบหรือไม่ครับว่าประเทศไทยของเรา ก็คือหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำยางรายใหญ่ที่สุดในโลก
และวันนี้พวกเรา หุ้นพอร์ตระเบิด จะพาทุกคนไปดูหลักวิเคราะห์ง่ายๆกันดีกว่าครับว่าถ้าอยากลงทุนใน “หุ้นยาง” ต้องดูอะไรบ้าง ? เผื่อมีใครกำลังสนใจในความร้อนแรงของอุตสาหกรรมนี้
โดยอย่างแรกที่เราจะต้องไปทราบกันก็คือวงจรธุรกิจของหุ้นกลุ่มยาง ซึ่งก็จะประกอบไปด้วย 3 ธุรกิจด้วยกันได้แก่
ธุรกิจต้นน้ำ
น้ำยางข้น (ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก)
ธุรกิจกลางน้ำ
ยางแผ่น, ยางแท่ง (ส่วนใหญ่ถูกนำไปผลิตเป็นยางรถยนต์)
ธุรกิจปลายน้ำ
ถุงมือยาง รวมไปถึงสินค้าอื่นๆที่ทำจากยาง
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของบ้านเราก็จะมีอยู่อย่างเช่น TRUBB, NER, NDR, และบริษัท แม่-ลูกรายใหญ่อย่าง STA & STGT ที่มีธุรกิจเกี่ยวกับยางครบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ปกติแล้ว “ราคาขาย” ของสินค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมยางนั้นส่วนใหญ่จะถูกตั้งโดยใช้ราคาที่อ้างอิงจาก ตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าในประเทศสิงคโปร์(SICOM) จากระบบการซื้อขายที่ได้มาตรฐานระดับสากล และ Volume การซื้อขายที่สูง
เดี๋ยวต่อมาเราไปดูหุ้นยางแต่ละตัวกันเลยครับว่าใครทำอะไร ? และมีประเด็นไหนน่าติดตามบ้าง
STA (บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี)
บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับยางพาราแบบครบสงจรของไทยที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก ซึ่งมีสินค้าหลักคือเป็นยางแท่ง ยางแผ่น และน้ำยางข้นนั่นเอง รวมไปถึงถุงมือยางผ่านบริษัทย่อยอย่าง STGT
โดยความเคลื่อนไหวทางธุรกิจในปีพ.ศ. 2564 นี้ของ STA ก็คือการขยายโรงงาน & เครื่องจักร เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตน้ำยางข้น เพิ่มอีก 1.8 แสนตันต่อปีตาม Demand ของน้ำยางที่คิดว่ายังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และอีกเรื่องหนึ่งก็คงจะเป็นแผนการขอใบอนุญาตปลูกและใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดกัญชงจากต่างประเทศต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ถูกเลื่อนออกไปเพราะ STA ต้องการดูความชัดเจนจากกลุ่มผู้ประกอบการปลายน้ำก่อน
💰งบการเงินของ STA
ปี 2562 รายได้ 60,602.38 ล้านบาท
ขาดทุน 148.54 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 75,879.46 ล้านบาท
กำไร 9,531.21 ล้านบาท
(ล่าสุด) ไตรมาส 1/64
รายได้ 31,664.19 ล้านบาท
กำไร 5,958.50 ล้านบาท
NER (บมจ. นอร์ทอีส รับเบอ)
ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมทั้ง 3 ชนิดได้แก่ ยางแผ่นรมควัน(RSS), ยางแท่ง(STR) และ ยางผสม(Mixtures Rubber) มีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์
ส่วนทางด้าน NER นั้นก็กำลังขยายกำลังการผลิตอยู่เช่นเดียวกันกับผู้ประกอบเจ้าอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ทางบริษัทยิ่งประหยัดต้นทุนในการผลิตได้มากขึ้นเรื่อยๆสิ่งที่เรียกว่าการประหยัดต่อขนาดหรือ Economies of Scale นั่นเอง
นอกจากนี้ NER ก็ยังมีธุรกิจอื่นๆคือ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจากก๊าซชีวภาพ(ขนาด 3 เมกกะวัตต์) ที่ดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือบจ. เอ็น. อี. พาวเวอร์ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาเสริมทั้งรายได้ & ความยั่งยืนให้กับบริษัทในระยะยาว
💰งบการเงินของ NER
ปี 2562 รายได้ 13,020.51 ล้านบาท
กำไร 538.88 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 16,364.49 ล้านบาท
กำไร 858.68 ล้านบาท
(ล่าสุด) ไตรมาส 1/64
รายได้ 4,990.50 ล้านบาท
กำไร 366.50 ล้านบาท
TRUBB (บมจ. ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป)
ผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับยางพาราแบบครบวงจรตั้งแต่การปลูกสวนยาง, ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบ & สินค้าจากยางพารารวมไปถึงการเป็นนายหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับแนวโน้มของ TRUBB ในไตรมาส 2/64 ก็ยังสดใสคล้ายๆกับเพื่อนๆในกลุ่มยางเลยนะครับ จากทั้งปริมาณออเดอร์น้ำยาง รวมไปถึงการผลักดันบริษัทย่อยอย่างบมจ. เวิลด์เฟล็กซ์ ผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดจากน้ำยางธรรมชาติ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai
💰งบการเงินของ TRUBB
ปี 2562 รายได้ 6,871.12 ล้านบาท
ขาดทุน 351.72 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 6,966.29 ล้านบาท
กำไร 24.16 ล้านบาท
(ล่าสุด) ไตรมาส 1/64
รายได้ 2,259.53 ล้านบาท
กำไร 132.92 ล้านบาท
NDR (บมจ. เอ็น.ดี.รับเบอร์)
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยางนอก & ยางในรถจักรยานยนต์ ที่ล่าสุดได้ต่อยอดธุรกิจด้วยการเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน35% ของบจ. อีทราน (ไทยแลนด์) เพื่อผลิตรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าเพื่อตอบรับเทรนด์ของ EV ที่กำลังมาแรง
โดยปัจจุบันโรงงานอยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักรและทดสอบการผลิตด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1,800 คันต่อปี ซึ่งมีแผนเตรียมส่งมอบรถให้ได้ 100 คันภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และเป้าหมายต่อไปก็คือการขยายสู่ตลาดต่างประเทศเช่น อินโดนิเซีย & เวียดนาม เป็นต้น
💰งบการเงินของ NDR
ปี 2562 รายได้ 857.26 ล้านบาท
ขาดทุน 19.54 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 778.87 ล้านบาท
กำไร 45.26 ล้านบาท
(ล่าสุด) ไตรมาส 1/64
รายได้ 200.91 ล้านบาท
กำไร 10.80 ล้านบาท
เรียกได้ว่ามีกำไรที่เติบโตและแนวโน้มสดใสกันยกแผงเลยนะครับจากปัจจัยบวกระยะสั้นอย่างถุงมือยางธรรมชาติ & ถุงมือยางสังเคราะห์ ที่เข้ามากระตุ้น Demand ของน้ำยางให้พุ่งสูง
แต่ในด้านปัจจัยระยะยาวของหุ้นกลุ่มนี้ก็ต้องไปจับตาดูเทรนด์ของรถยนต์ & จักรยานยนต์ ว่ามีแนวโน้มที่จะเติบโตไปได้อีกไหมในอนาคต ? เพราะถ้าตัดถุงมือยางออกแล้ว “อุตสาหกรรมยานยนต์” ก็จะยังเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลกับหุ้นกลุ่มนี้มากที่สุด
สำหรับในวันนี้พวกเรา หุ้นพอร์ตระเบิด ก็คงจะมีหุ้นเด่นในกลุ่มยางให้เพื่อนๆทำความเข้าใจ และทำความรู้จักกันไปเรียบร้อยแล้ว
แล้วอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราผลิตคอนเทนต์ดีๆกันต่อไปด้วยนะครับทุกคน
สวัสดีครับ...
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.08 %
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
- 23
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
