30 พ.ค. 2021 เวลา 13:50 • นิยาย เรื่องสั้น
#จันทร์เจ้าขาตอนพิเศษ,
#ที่มาตัวละครสมิงไพรหนุ่ม
(30/5/2021)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
1
ช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ซึมเศร้า เล็กน้อยของผมครับ..
ก็เนื่องมาจากสำนักพิมพ์ ผู้ทำภาพประกอบ รวมถึง ผู้จัดจำหน่าย มีความเห็นตรงกัน ว่า ..
ผมน่าจะต้องเลื่อนโครงการนิยายจันทร์เจ้าขา เล่มแรก.. ออกไปจนกว่า สถานการณ์ Covid จะดีขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นปลายปี 2021 หรือ Q1 2022
3
หนุ่มๆ เลยพาผมออกท่องทะเล ตลอดจนช่วยผมทำงาน และให้ผมได้ร้องเพลงในแอพ หนึ่ง..เพื่อฟื้นฟูกำลังใจ ให้มีแรงกลับมาเขียนต่อครับ..
5
ซึ่งจนถึงในขณะนี้ ผมรู้สึกดีขึ้นมากครับ❤️😇
5
ดังนั้น ในค่ำคืนนี้..ผมเลยขออนุญาตส่งตอนพิเศษของสมิงไพรหนุ่ม ให้เพื่อนๆได้อ่านกันอย่างเพลิดเพลินนะครับ❤️🎶💙🎵
สุขสันต์อาทิตย์นะครับ ทุกคน ❤️🎹🎶🎵
..
..
ความเดิมตอนที่แล้ว:
นัตมหาคีรี ได้เร่งยกทัพอสูรติดตามหมายบดขยี้สมิงไพรหนุ่ม และมะตีฮะน้อย ..
แต่ด้วยกลศึกอันแยบยลที่ผูกร้อยเรียงกัน ของสมิงไพรหนุ่ม น้องชายร่วมสาบานของแม่ทัพโบตูระ..
ในกลศึกปิงฝ่าหยวนจีได้ และกลศึกล่อช้างป่า..ราชปัญญา.. จึงสามารถทำลายพลหอก และเผาเหล่าอสูรทหารราบจำนวนมาก..
จนทำให้นัตมหาคีรี ตกหลุมกลศึกล่อช้างป่า ราชปัญญา บันดาลโทสะ..แตกทัพออกตามไล่สมิงไพรหนุ่ม อย่างปราศจากกระบวน..
สมิงไพรหนุ่มจึงได้อัญเชิญปัญจสิขเทพบุตรให้ช่วยพาศิษย์รักมะตีฮะ แยกออกจากตน และพาไปพบกับมารดาของนาง..
ในขณะที่ตน และเหล่าหุ่นพยนต์ ได้หลอกล่อนัตมหาคีรี ให้ตามไปอีกทาง..
..
..
#บริเวณริมหน้าผาบนยอดเขาเขตไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรี
ในเช้าวันที่3ของการแยกจากกันของสมิงไพรหนุ่มและศิษย์..
สมิงไพรนั่งเอนหลังชันเข่าพิงก้อนหินใหญ่ริมหน้าผา ..
พลางพ่นระบายลมหายใจ พร้อมกับควันจากมวนยาสูบ..
ควันสีขาวนั้น ลอยตัวขึ้นอย่างช้าๆ และแผ่ขยาย..
ลอยวนเวียน ..อยู่รอบๆ ..
จนดูคล้ายว่าควัน นั้น คือความกังวลใจ ..และความทุกข์ทั้งหลาย ที่ถูกปลดปล่อยออกมา ..
แต่ก็ยังมีสายใยที่ยังขบคิดติดเชื่อมโยง อยู่กับหัวใจ
ควันจากใบยาสูบ..ที่ลอยอ้อยอิ่ง อยู่ในขณะนี้..จึงยังไม่เลือน หายไป เช่นปกติ
..
..
สมิงไพรหนุ่มทอดสายตามองหมอกเบื้องล่าง และทัศนียภาพโดยรอบ อย่างใช้ความคิด ..
อีกครั้ง..
จากนั้น จึงค่อยๆจรดปลายแท่งถ่าน บรรจงลากเส้นเขียนบนผืนผ้า..
“ถึงเจ้า ..มะตีฮะศิษย์รัก”
..
..
“เป็นจริงดังที่อาจารย์คาดการณ์ไว้ เจ้าอสูรตนนี้..ช่าง”
สมิงไพรหนุ่มกัดริมฝีปากบางของตนเองเบาๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบกรวดทรายบนฟื้น ขึ้นมากวาดปัดลบข้อความ ..แล้วบรรจงเขียนใหม่ว่า..
“เจ้าอสูรหัวล้าน กว้าง เตียนโล่ง สะท้อนแสงอาทิตย์แล แสงจันทร์ ตนนี้
ช่างมีความมุ่งมั่น พยาบาทแรงกล้า ..เหมือนเช่นหัวล้านเหม็นเขียวของมัน ที่โชยกลิ่นอบอวล ลอยตีขึ้นมาถึงยอดเขา..ทำให้อาจารย์ต้องกลั้นหายใจอยู่เนืองๆ ”
สมิงไพรหนุ่ม ทำท่าย่นจมูก กลั้นลมหายใจ.. ก่อนที่จะหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี แล้วเขียนต่อ ว่า..
“ เพลานี้ ได้ล่วงเข้ามาจนถึงเช้าวันใหม่..ของวันที่ 3 แล้ว
.. แต่ เจ้าอสูรตนนี้ ก็ยังนำทัพไล่ตามอาจารย์มิได้หยุดหย่อน..
ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ซึ่งถึงแม้ว่า อาจารย์ ได้ใช้กลศึกทำลายเหล่าทหารอสูรของมันไปกว่าครึ่งในตลอดสองวันนี้..
แต่พวกมัน ก็หาได้ลดละ ความตั้งใจไม่..
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ต้องขอบใจเจ้าอีกครั้ง..มะตีฮะ..”
ประกายแห่งความมีชีวิตชีวา สนุกสนาน ปรากฏวูบหนึ่งในแววตาของสมิงไพรหนุ่ม เมื่อเขียนชื่อศิษย์รักมะตีฮะ..
จากนั้นสมิงไพรหนุ่มจึงพลิกผืนผ้ากลับอีกด้านแล้วบรรจงเขียนข้อความต่อ..ว่า
“ด้วยว่าในวันแรก เหล่าหุ่นพยนต์ของเจ้า ได้ล่อพวกมันเข้าสู่เขตทุ่งหญ้าสูง..
ทำให้พวกมันชะล่าใจ จนตั้งแถวพลอสูรธนู ขึ้นอีกครั้ง..
จากนั้น พวกมันก็พากันระดมยิงมายังพวกเราถึง 7 ชุดธนู..ต่อเนื่องกัน ..ราวห่าฝน..
แต่บรรดาหุ่นพยนต์ ของเจ้าได้พาอาจารย์ดำดิน หลบภัยธนูทั้ง 7 ชุดนั้น..ด้วยมนต์เดโชดำดิน..”
สมิงไพรหนุ่มหันไปยิ้มสนุกให้เหล่าหุ่นพยนต์ พลางฝนแท่งเขียนกับศีรษะหุ่นพยนต์ตนหนึ่ง .. ก่อนที่จะนำกลับมาเขียนต่อ ว่า..
“จนเมื่อธนูศึก ..สงบลง พวกเราจึงโผล่ขึ้นมาจากดิน
และหุ่นพยนต์ของเจ้าได้นำธนูที่ปักอยู่จำนวนมากเหล่านั้น.. นำมาเสกมนต์กำกับให้หัวธนูกลายร่างเป็นฝูงหนูจำนวนมหาศาล ส่วนบริเวณขนนกปลายธนูก็เป็นหางที่ติดไฟ..
จากนั้นเหล่าหุ่นพยนต์จึงสั่งให้พวกเหล่าหนูไฟ วิ่งกลับไปหายังเจ้านายของพวกมัน..
ซึ่งเปลวไฟที่ลามทั่วทุ่งหญ้า จนถึงลามเผาไหม้เหล่าพลธนู ..ของเจ้าอสูรหัวล้าน..
ทำให้อาจารย์ และเหล่าหุ่นพยนต์ของเจ้า พอมีเวลาหนีขึ้นมาถึงยอดเขา จนนั่งเขียนจดหมายถึงเจ้า..ได้ในเวลานี้”
สมิงไพรหนุ่ม กวาดสายตามองเหล่าหุ่นพยนต์ พลางถอนหายใจยาว.. ก่อนที่จะก้มลงกลับไปเขียนข้อความสุดท้าย ถึงศิษย์รัก ว่า..
“มะตีฮะ เอ๋ย.. “
“เห็นทีครานี้ อาจารย์มิอาจจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า ได้เสียแล้ว..ด้วยว่า เหล่าทัพอสูรได้ล้อมภูเขานี้ และค่อยๆขยับเคลื่อนทัพปีนป่ายขึ้นมา จวนจะถึงพวกเราในเวลาอันใกล้นี้แล้ว..”
“หาก เจ้าได้รับจดหมายนี้..
อาจารย์คงจะไปรอพบเจ้าอยู่กับพี่โบตูระ แล้ว..”
“อาจารย์ อยากจะอยู่สอนวิชาอ่านเขียน และวิชาต่างๆให้เจ้าได้มากกว่านี้ แต่.. มันคงจะเป็นไปไม่ได้..เสียแล้ว”
“อาจารย์อยากบอกเจ้าว่า
เจ้าคือ ความรักและความภูมิใจของ อาจารย์อยู่เสมอ..
ขอเจ้าจงรักษาชีวิต และใช้ชีวิต ให้มีความสุข สงบ..
ต่อไปเถิด ..มะตีฮะ
อาจารย์จะเฝ้ามอง และอำนวยพรให้เจ้า เสมอไป..”
..
..
สมิงไพรหนุ่ม นิ่งค้างมองจดหมายที่ตนเขียน ..
อยู่ครู่หนึ่ง..
ก่อนจะนำมวนยาในมือของตนจี้เผาจดหมายฉบับนั้น..
แล้วเหยียดแขนขึ้น เหวี่ยงจดหมายที่กำลังไหม้ไฟ โยนลงหน้าผาทิ้งไป...
“ร๊อดๆๆๆ ร๊อดๆๆ ร๊อดๆ”
เหล่าหุ่นพยนต์ตกใจร้องเสียงดังระงม เมื่อเห็นจดหมายไหม้ไฟ ฉบับนั้นร่วงลงสู่เบื้องล่าง..
สมิงไพรหนุ่มหัวเราะขึ้น เบาๆ เมื่อเห็นอาการตกใจ สงสัย แปลกใจของเหล่าหุ่นพยนต์ .. จากนั้นจึงโบกมือ ขึ้นปราม แล้วพูดบอกเหล่าหุ่นพยนต์ทั้งหลาย ว่า..
“จงนั่งลง และสงบ ฟังข้าก่อนเถิด เหล่าหุ่นพยนต์ทั้งหลาย ฮะฮะ ฮะ..”
“ข้าเอง เห็นว่าจดหมายฉบับนี้ มีเนื้อหาอันไม่เป็นมงคล คล้ายการลาไปตาย..
ข้าจึงเผาบังสุกุล เคราะห์ไปกับจดหมายนี้เสีย..
ขอพวกเจ้า อย่าตกใจเลย
นอกจากนี้ ข้าเองก็นึกได้ว่า..
..
..
ข้า เพิ่งสอนมะตีฮะ สะกดคำได้ถึงคำว่า มุ่งมั่น ..
ซึ่งเนื้อความในจดหมาย มะตีฮะ คงจะใช้เวลานานอีกหลายปีกว่าจะเข้าใจ.. เนื้อความทั้งหมด..ฮะฮะ ฮะ
ข้าเลยตัดสินใจว่า พวกเรา ต้องมีชีวิตรอดกลับไปเจอ มะตีฮะกันอีก จะเป็นการดีที่สุด..ฮะฮะ ฮะ ใช่มั้ยพวกเรา..”
เหล่าหุ่นพยักหน้าตอบสมิงไพรหนุ่ม อย่างเข้าใจ และพร้อมใจกันชูมือขึ้น ..ส่งเสียงร้องดัง พร้อมกัน ว่า..
“ร๊อดๆ ฮะฮะฮะ ร๊อด ร๊อดๆ ฮะฮะ ฮะ..”
..
..
ทันใดนั้นเอง นัตมหาคีรี และเหล่าทหารอสูรก็พากันเดินออกมาจากความมืด ปรากฏตัวยืนล้อมสมิงไพรหนุ่ม และเหล่าหุ่นพยนต์ พร้อมกับเสียงหัวเราะอันดัง
“ฮ่าฮ่า ฮ่า พวกเจ้า ช่างคิดช่างฝันกันเสียจริงนะ ว่าพวกเจ้าจะรอด..
มาลองดูกันสักหน่อยเถิด ว่า เจ้าจะรอดไปได้อย่างไร ในเมื่อด้านหน้าพวกเจ้าคือ ทัพไร้พ่ายของมหาคีรี และด้านหลังคือ ผาเหวลึก..ฮ่าฮ่า ฮ่า..”
สมิงไพรหนุ่ม เผลอยิ้มออกมา ก่อนที่จะเอาข้างหนึ่งกุมพวงตะกรุดที่ห้อยอยู่กับสร้อยคอของตน แล้วพูดขึ้นว่า..
“เมื่อเหล่าอสูรเข้าใกล้เขตประตูเมืองบังบด บนยอดเขาแห่งนี้ ..
กระผม ก็รู้ในทันที ว่า เมื่อนั้น ปัญจสิขเทพบุตร และเหล่าคนธรรพ์จะต้องมาเฝ้าระวัง และปกป้องประตูแห่งนี้ เช่นกัน..
ขอรับ..
ดังนั้น ขอท่านปัญจสิขเทพบุตรจงปรากฏตัว และช่วยพากระผม กลับไปยังอีกฝั่งประตูในอีกกาลเวลาที่ท่านได้พา กระผมเข้ามาด้วยเถิด ขอรับ ท่านปัญจสิขเทพบุตร ..”
สิ้นเสียงของสมิงไพรหนุ่ม ก็ปรากฏเสียงตอบดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ว่า..
“ความปรารถนาของเจ้าในครั้งนี้ มันมากเกินกว่า ที่ข้าจะตามใจ ตอบสนองเจ้าได้จริงๆ เจ้าสมิงไพรหนุ่ม..”
สมิงไพรหนุ่มพยักหน้ายิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะเดินถอยหลังไปยังบริเวณหน้าผา ..พลางกระตุก ตะกรุดมหาระงับ 2 ดอกออกมาจากสร้อยคอของตน แล้วยื่นไปข้างหน้า พร้อมกับเอ่ยตอบปัญจสิขเทพบุตร ว่า..
“กระผมเข้าใจความลำบากใจของท่านปัญจสิขเทพบุตร ในข้อนี้เป็นอย่างดี ขอรับ
สิ่งที่ปรากฏในมือ กระผมในเวลานี้ คือ ตะกรุดมหาระงับ ที่กระผมได้รับตกทอดมาจากบิดาขอรับ..
ภายในตะกรุดนี้ประกอบด้วยแผ่นจารอักขระทองคำ ตลอดจนใบระงับ และผงคลีดินจากป่าหิมพานต์ ขอรับ..
อันหน่อแห่งมักกะลีผลที่ ท่านปัญจสิขเทพบุตรได้รับไปแล้วเมื่อคราก่อนนั้น..
ย่อมมิอาจจะงอก ฤา เติบโตได้เลยหากขาดผงคลีดิน แห่งป่าหิมพานต์ นี้ขอรับ..
กระผมจึงขอมอบถวายตะกรุดเครื่องบูชานี้ แก่ท่านปัญจสิขเทพบุตร ณ.บัดนี้..
ขอท่านปัญจสิขเทพบุตรจะโปรดเมตตา สมิงไพรผู้นี้ด้วยเถิดนะขอรับ..”
ทันทีที่กล่าวจบ สมิงไพรหนุ่มก็ยืนอยู่บริเวณริมหน้าผา และแกะตะกรุดดอกหนึ่งออก.. ยื่นเทผงคลีดินแห่งป่าหิมพานต์ ลงสู่บริเวณพื้นดินที่เหล่าหุ่นพยนต์ ยืนล้อมป้องกันสมิงไพรหนุ่มอยู่..
ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของสมิงไพรหนุ่มชูตะกรุดขึ้น แล้วก้าวถอยหลังทิ้งตัวเองให้ร่วงหล่นจากหน้าผา พร้อมกับเสียงตะโกน ว่า..
“ลาก่อน เหล่าหุ่นพยนต์..
แล ศัตรูทั้งหลาย
ซะ คือ เลอะ เน่ สิ ยา บะ นา ข้าสมิงไพร ยินดีที่ได้รู้จักนะขอรับ..”
..
..
“โหวยย ช้าก่อน เจ้าสมิงไพรหนุ่ม..”
ปัญจสิขเทพบุตรก็ปรากฏร่าง พร้อมกับคนธรรพ์ซ้าย ขวา และรีบพุ่งตัวตามลงไปช่วยสมิงไพรหนุ่ม..อย่างรวดเร็ว..
และท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายนั้น.. เหล่าหุ่นพยนต์ก็ตะโกนเสียงร้องอย่าง ฮึกเหิม สนุกสนาน ดังระงม
“ร๊อดๆๆ ร๊อดดดดด!!”
ในขณะที่พื้นดินที่ถูกผงคลีแห่งป่าหิมพานต์ ปกคลุมตรงบริเวณที่เหล่าหุ่นพยนต์ยืนอยู่.. ก็เกิดอาการสั่นสะเทือน.. ดันแผ่นดินส่วนนั้นให้แยกออก เกิดเป็นภูเขาสูงซ้อนกัน..
พาพื้นดินของเหล่าหุ่นพยนต์ให้สูงขึ้น ราวกับเสาหินแยกออกจากกองทัพอสูร..
ส่วนรากต้นไม้ ที่สัมผัสผงคลีดินนั้น ก็ทำให้ต้นไม้เปลี่ยนรูปร่าง เป็นต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้า เกิดเป็นกำแพงต้นไม้หนาทึบป้องกันเหล่าหุ่นพยนต์
และรากของต้นไม้เหล่านั้น ก็ชอนไช พื้นดินบริเวณที่กองทัพอสูรยืนอยู่ ให้แตกแยก ทรุดตัวจน เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ดึงให้นัตมหาคีรีและเหล่าอสูร ร่วงหล่น ตกลงไป พร้อมกับเสียงโหยหวนยาวนาน..
..
..
#สยามประเทศในป่าเขตเมืองลครในปีพุทธศักราช2426,
เสียงยอดไม้และกิ่งไม้ ของต้นไม้สูงในป่าเมืองลคร ที่รองรับร่างที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ดังเกรียวกราวยาวนาน ต่อเนื่อง..
ก่อนที่จะมีเสียงดัง ตุบใหญ่ตามมา แล้วทุกอย่าง ก็เงียบเสียงลง..
พรานดำ ที่เงี่ยหูฟังอย่างจดจ่อจึง หันไปถามแม่ศรีไพร เสือดาวสมิงว่า..
“แม่ศรีไพร เจ้าคิดว่า นั่นคือ เสียงอันใดกัน..รึ?!?”
เสือดาวสมิงหันมายิ้มแยกเขี้ยวกับพรานดำ แล้วตอบว่า..
“ขอท่านพี่สมิงดำ โปรดอย่ากังวลไปเถิด.. ข้าชินกับเสียงในลักษณะนี้ เสียแล้วเจ้าค่ะ..
มันคือเสียงวานรโง่ตัวใหญ่ ที่พลาดพลัดตกลงมาจากต้นไม้จากป่าหิมพานต์ น่ะเจ้าค่ะ..
ลองตกลงมาจากความสูงขนาดนั้น แล้วเงียบเสียงไป..เช่นนี้
ป่านนี้ คงจะคอหักตาย แล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่ ฮะฮะ..
ขอเชิญท่านพี่สมิงดำ มาร่วมล้อมวง กินร่างคุณหนูแก้วกับข้าเถิดเจ้าค่ะ..”
พรานดำส่ายหน้าอย่างขัดใจ แล้วจึงพูดกับบรรดาเหล่าเสือสมิงตรงหน้า ว่า..
“ข้า อุตส่าห์ย้ำกับพ่อเสือเฒ่า และแม่ศรีไพรนักหนา ว่า.. ข้าติดตามเฝ้าค้นหาร่างและเลือดของเจ้าหญิงผกันคยี ผู้มีสายเลือดผสม แห่งนาคในพระธาตุมุเตา ที่ถูกพาหลบหนีมายังสยาม.. แล้วปกปิดเปลี่ยนชื่อเป็น คุณหนูกร..
แต่พ่อเฒ่า กับแม่ศรีไพร กลับเห็นแก่ความหิวโหย กัดกินร่างของคุณหนูแก้ว ผู้เป็นนางกำนัลส่วนพระองค์
ขอพ่อเฒ่ากับแม่ศรีไพร จงไปหาทางแก้ไขกันเอาเถิด..
นี่ก็เริ่มจะมืดแล้ว ข้าจักต้องกลับเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย..
แล้วพบกันอีกในอีก 2 วันนับจากนี้ ..ที่จุดนัดหมายเถิด...”
พูดจบพรานดำ ก็ยกมือไหว้เสือโคร่งสมิงเฒ่า แล้วหันหลังเดิน มุ่งกลับไปยังหมู่บ้าน..
..
..
สมิงไพรหนุ่มค่อยๆลืมตา นอนนิ่งสักพักหนึ่ง แล้วจึงรำพึงขึ้นเบาๆ ว่า
“ผกันคยี นี่เจ้าหลบหนีเงามัจจุราชแห่งราชสำนัก มาพึ่งสยาม เองรึนี่..”
สมิงไพรหนุ่ม หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ และคำรำพึงเบาๆ อีกครั้ง
“คุณ..หนู..กร”
..
..
จบบทที่ 2 ตอนที่ 9 เพียงเท่านี้
#เกร็ดเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มอรรถรสและจินตนาการเท่านั้น..
-ศ.ดร.นพ.เทพนมให้ข้อมูลว่าบันทึกไว้เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2547 โดยพบมนุษย์ต่างดาวในถ้ำ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ซึ่งตัวสูง 70 เซนติเมตร ตาสีแดง โดยบุคคลที่ยืนอยู่ในภาพคือ นายปราโมช ประสพโชคมณี ผู้ร่วมติดตามจานบินและมนุษย์ต่างดาว พร้อมกันนั้นยังบรรยายอีกว่าในภาพมีลูกกลมๆ ที่ชาวตะวันตกเรียกว่า ORB ลอยอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเชื่อว่าเป็นพลังชีวิตหรือดวงวิญญาณของมนุษย์ต่างดาว
1
หรือนี่จะคือ เหล่าหุ่นพยนต์ 😅
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
30/5/2021
-

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา