19 มิ.ย. 2021 เวลา 02:30 • ปรัชญา
#เวลา … มุมมอง … และ อายุ
สิ่งที่ผันแปรไปเรื่อยๆในชีวิตเรา คือ เวลา มุมมอง และ อายุ
มาดูกันค่ะ ว่าสิ่งต่างๆได้เปลี่ยนไปอย่างไรตามช่วงอายุ โดยขออ้างอิงจากประสบการณ์และความรู้สึกของตัวเอง
ลองอ่านดูว่าตรงกับคุณผู้อ่านบ้างไหมคะ?
Image by Free-Photos from Pixabay
➡️ อายุ 1-10 ปี
เวลาดูเหมือนจะเดินไปอย่างเชื่องช้า กว่าจะเลื่อนชั้น จาก ป.1 ไปเป็น ป.2 จาก ป.2 ไปเป็น ป.3 เราต้องเฝ้ารอเวลานั้นอย่างเนิ่นนาน ดูเหมือนว่าแต่ละวันมีมากกว่า 24 ชั่วโมง และแต่ละเดือนมีมากกว่า 30 วัน
ในวัยเด็กเราไม่ได้สนใจคนอื่นมากนัก นอกจากคนในครอบครัวของเรา มากสุดก็ญาติพี่น้อง สิ่งที่เราโฟกัสก็จะมีเพียง วันนี้จะเล่นอะไรดี หรือ เมื่อไหร่จะถึงปิดเทอม เรียกได้ว่าความสนุกสนานคือเป้าหมายของทุกอย่าง
Image by StockSnap from Pixabay
เรามองพวกรุ่นพี่มัธยมและคิดว่าพวกเขาช่างดูเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน เราอยากจะโตแบบนั้นบ้าง เมื่อไหร่จะถึงเวลานั้นสักที
➡️ อายุ 11-20 ปี
เวลาเริ่มเดินเร็วขึ้นอีกนิดเมื่อถึงช่วงใกล้สอบ เพราะรู้สึกว่าเวลาดูเหมือนไม่เคยพอในการทบทวน ไม่เคยรู้สึกว่าพร้อมสำหรับสอบเลยสักครั้ง และเวลาก็กลับมาเดินช้าเหมือนเดิมเมื่อเฝ้ารอให้ถึงวันสุดสัปดาห์ที่จะได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ
Image by serrano1004 from Pixabay
ในช่วงวัยรุ่น ยิ่งเพื่อนมีเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น ฝูงเพื่อนมักเฮโลกันไปตามที่ต่างๆที่วัยรุ่นเขาไปกัน ทำอะไรต่างๆที่วัยรุ่นเขาทำกัน แม้แต่ไปเรียนพิเศษ ก็เพราะว่าเพื่อนๆเขาไปกัน แต่งตัวก็แบบที่วัยรุ่นเขาแต่งกัน เหมือนว่าทุกอย่างจะต้องอยู่ในกระแสที่เรียกว่า อินเทรนด์
เมื่อเข้ามายืนอยู่ตรงจุดของ “พี่มัธยม” เรากลับไม่ได้รู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่สักนิด ไม่เหมือนตอนเด็กที่เคยคิดไว้ เรายังคงเป็นเรา เหมือนเดิม
1
อะไรคือความเป็นตัวเอง เรายังไม่เข้าใจ อะไรคือสิ่งดีๆในตัวเรา เราก็ยังมองไม่เห็น เพราะความมั่นใจในตัวเองยังไม่ถูกเติมเต็ม เราแคร์กับทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นพูด เรากลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบเรา
ความสนุกสนานยังคงเป็นแกนหลักของแต่ละวัน ชีวิตจะเริงร่าในท่ามกลางเพื่อนฝูง แต่เมื่อใดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า กลับรู้สึกว่าตัวลีบเล็ก ไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย แม้แต่การทานข้าวคนเดียว ก็รู้สึกเป็นอะไรที่ประหลาดสิ้นดี
เวลาที่เห็นคนใส่ชุดทำงาน เรามองดูว่าเขาแก่ ดูมีวัยวุฒิยังไงชอบกล นี่แหละคือผู้ใหญ่ที่ไม่วัยรุ่นเอาซะเลย
➡️ อายุ 21-30 ปี
เวลาเดินเร็วขึ้นอีกหน่อย ทั้งวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกวันดูเหมือนมีเรื่องอะไรให้ทำอยู่แทบจะตลอดเวลา ทั้งงาน ทั้งสังสรรค์กับเพื่อนเก่าและเพื่อนที่ทำงาน
เป็นช่วงชีวิตที่มีสีสันที่สุดช่วงหนึ่ง ความอิสระเสรีในการใช้ชีวิตมีอย่างท่วมท้น เราเปิดให้ผู้คนมากมายเข้ามาอยู่ในชีวิตของเรา และเราก็สนุกกับมันอย่างเต็มที่
Image by Free-Photos from Pixabay
ชีวิตที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง ทำให้เราตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ๆเสมอ เหมือนมีอาหารจานใหม่ๆมาให้เราได้ลิ้มลองอยู่ตลอด
เราเริ่มที่จะทำตามใจตัวเองแทนที่จะต้องตามเพื่อนพ้องอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะปฏิเสธใครอย่างตรงไปตรงมา
ความมั่นใจที่มีครึ่งๆกลางๆนี้ ก็ทำให้เรายังไม่เป็นตัวของตัวเองมากนัก เรายังคงแคร์กับคำพูดของผู้คนรอบข้าง เราอยากจะเป็นที่รักของทุกคน
และเราก็ได้เรียนรู้ถึงจิตใจของคนมากขึ้น เรารู้ว่าความจริงใจและไม่จริงใจต่างกันอย่างไร เราหาวิธีรับมือกับคนในรูปแบบต่างๆ และความรักก็ดูเหมือนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
มาถึงตอนนี้เราก็ยังไม่เห็นรู้สึกว่าเราเป็นผู้ใหญ่ตรงไหน ไม่เหมือนภาพที่เคยคิด แต่ในขณะเดียวกันก็มองพวกเด็กในชุดนักเรียน นักศึกษา ว่าช่างเป็นเพียงเด็กน้อยซะจริงๆ
เรามองคนที่มีครอบครัว มีลูกเล็กเด็กแดง ว่าพวกเขาดูแก่กันจัง และคงมีชีวิตที่ทุกอย่างคงจะต้องสงบ ราบเรียบ แต่สมบูรณ์
➡️ อายุ 31-40 ปี
เวลายังคงทำความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาระหน้าที่การงาน และ ภาระในครอบครัวของตัวเอง กินเอาเวลาไปแทบจนหมดสิ้น
สิ่งที่เคยคิดไว้ว่าทุกอย่างคงอยู่ในช่วงเวลาที่สงบ ราบเรียบ และสมบูรณ์ ถ้าเป็นคำภาษาอังกฤษ คงจะเรียกว่า “Settle” … แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
Image by serrano1004 from Pixabay
ชีวิตยังคงยุ่งเหยิงและวุ่นวาย ทุกสิ่งภายนอกอาจดูเหมือนผู้ใหญ่ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย แต่ในใจกลับเป็นเด็กน้อย ที่ยังร้อนรนอยู่ตลอดเวลา คำว่า “Peace of Mind” หรือ ความสงบในใจ เป็นสิ่งที่เรายังหาไม่เจอ
แต่ในขณะเดียวกัน ชีวิตช่วงวัยนี้ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจที่เปี่ยมล้น อะไรที่เคยคิดว่าทำไม่ได้ ก็ทำได้ การทานข้าวคนเดียวเป็นเรื่องปกติที่ไม่รู้สึกว่ามันแปลกตรงไหน
ความเป็นตัวของตัวเองได้ฉายออกมามากขึ้นจนเรียกว่าตัวตน การใส่ใจในคำพูดของคนอื่นลดน้อยลงไป เพราะเรารู้ว่ามันก็แค่คำพูดคน และเราก็ไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะเป็นที่รักของคนทุกคน เพราะมันเป็นไปไม่ได้
เรียกได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่เรารู้สึกมีความมั่นใจในตัวเองมากที่สุด มีความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด คล้ายๆกับว่าเราเพิ่งได้ค้นพบสองสิ่งนี้เป็นครั้งแรกของชีวิต
และเมื่อเรามองไปยังคนที่มีอายุ 40 ขึ้นไป เราก็รู้สึกว่ามันคงจะเชื่องช้าและน่าเบื่อ และที่สำคัญคือ แก่
➡️ อายุ 40-50 ปี
ห๊ะ … อะไรนะ เผลอแป๊บเดียวมาถึงวัยกลางคน!! เรามักจะได้ยินคนแก่พูดอยู่บ่อยๆว่า เวลาเดินเร็วมากๆ ปีๆหนึ่งแป๊บเดียวก็กลายเป็นอีกปีแล้ว
เราไม่เคยเข้าใจ เวลาอะไรจะเดินเร็วขนาดนั้น แต่มาถึงตอนนี้เวลาเดินเร็วจริงๆ ดูสิ! เผลอแป๊บๆ เหมือนว่ายังไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่เลย มาถึงครึ่งปีแล้ว!!
เวลาดูมีค่ามากขึ้น เมื่อเรารู้สึกว่าเวลามันน้อยลงๆ เราเริ่มคิดสร้าง value ให้กับเวลามากขึ้น ใช้เวลาในสิ่งที่เรารักมากขึ้น ใช้เวลากับคนที่เรารักมากขึ้น ใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น
1
ใช้ทุกนาทีให้มีสุข แทนที่จะไปจมกับเรื่องทุกข์ที่มันไม่มีประโยชน์อะไรกับใครทั้งสิ้น
1
ถ้าถามตอนนี้ว่ารู้สึกมีความสุขและพึงพอใจกับชีวิตช่วงไหนมากที่สุด ก็คงตอบว่าช่วงนี้แหละ
Image by StockSnap from Pixabay
Peace of Mind หรือ ความสงบในใจ ที่เคยหาไม่พบ ก็กลับเจออยู่ตรงกลางใจ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทาง สงบ … พอใจ … และเข้าใจ แต่ไม่ได้เชื่องช้าหรือน่าเบื่ออย่างที่เคยคิด
2
เราไม่มีความโหยหาในแสงสีและฝูงชน เราพอใจในความเงียบสงบ และเราก็นึกอิจฉาคนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
“Simple Life” คือสิ่งที่เราถวิลหาในตอนนี้ นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมพอคนมีอายุได้ระดับหนึ่ง มักจะอยากย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ความรู้สึกมันคงเป็นเช่นนี้เอง
แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ได้รู้สึกถึงความแก่ เราก็ยังรู้สึกว่าเราเป็นเราเหมือนก่อน แต่อยู่ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม และ มีมุมมองที่ดีกว่าเดิม
ตอนนี้เราพอจะเห็นภาพชีวิตช่วงอายุ 50+ อยู่ลางๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อถึงเวลาจริงๆแล้วจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่
เวลาคงเดินเร็วกว่าตอนนี้อีกหลายเท่า …
เราต้องเริ่มมองว่าเราอยากเป็นคนแก่แบบไหน?
Image by Susanne Pälmer from Pixabay
… เป็นคนแก่ที่ลูกหลานรัก … เราก็ควรสร้างความรัก ไม่ใช่ความกลัว กับพวกเขาตั้งแต่วันนี้
… เป็นคนแก่ที่มีสุขภาพดี … เราก็ควรสร้างความแข็งแรงแก่ร่างกายและจิตใจตั้งแต่วันนี้
… เป็นคนแก่ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส … เราก็ควรสร้างความสุขและพลังบวกจากข้างในตั้งแต่วันนี้
… เป็นคนแก่ที่ควรค่าแก่การจดจำ … เราก็ควรสร้างคุณประโยชน์และแบ่งปันตั้งแต่วันนี้
สิ่งที่เราจะเป็น คือสิ่งที่เราสร้างในปัจจุบัน
เวลาเดินไปเรื่อยๆ เวลาไม่เคยคอยใคร
และมุมมองของเราก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ลองวาดภาพของตัวเองตอนแก่ แล้วปรับมุมมองของตัวเราในตอนนี้ให้เป็นไปในทิศทางนั้น
เพื่อที่ในวันข้างหน้า เราจะได้เป็นคนแก่ตามมโนภาพของเรา ไม่ใช่คนแก่ที่เราไม่อยากเป็น
#สมองสองช้อน ขอบคุณทุกกำลังใจของผู้อ่านทุกคนนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา