14 มิ.ย. 2021 เวลา 05:38 • การศึกษา
พ่อแม่ต้องเก่งแค่ไหน??
ถึงกล้าใจใจ ทำโฮมสคูล ??
โฮมสคูล การเรียนรู้โดยครอบครัว
ช่วงนี้เราอาจเห็น มีการเเชร์โพสกันบ่อยๆ
ว่าด้วยแบบเรียนของเด็กสมัยนี้
ผู้ปกครองพูดเป็นเสียงเดียว
“ เอาอะไรมาให้เด็กเรียน”
“ มันจะยาก ซับซ้อน ไปไหน”
“ แค่การบ้าน ยังไม่มีปัญญาสอนลูกเล้ย “
5555
คำถามคือ เรื่องที่เรียนๆกัน เด็กต้องรู้จริงๆรึเปล่า?
มันจำเป็นในการใช้ชีวิตมั้ย?
คือถ้าเราประเมินตัวเองจากแบบเรียนสมัยนี้
เราก็อาจท้อใจ
และถ้าเราเอาตัวเองไปเทียบกับครูที่โรงเรียน
เราก็อาจกังวลว่าตัวเอง ไม่เก่งพอ
ดีพอมั้ย?
เก่งพอมั้ย?
เรามักให้ความสนใจกับสิ่งที่เราขาด
เห็นใครมีอะไร เป็นอะไร
ก็จะเอาเปรียบเทียบกับตัวเอง
นึกถึงภาพเด็กญี่ปุ่น พักเที่ยง
เด็กๆ เปิดกล่องข้าวออกมา
บางคนตื่นเต้นกล่องของตัวเอง
ว่าวันนี้มีอะไรบ้าง
แต่บางคน ชะเง้อดูของเพื่อน
ว้าว! น่ากินจัง
หันมาดูของตัวเอง
ก็เศร้าอีก
ว๊า ! เราไม่มีแบบนั้น
แท้จริงแล้ว
หากลองมองกลับมาที่จุดแข็ง
มองสิ่งที่เรามี
แล้วดูว่า เอามาทำประโยชน์
มันดีกับเรายังงัย
มันจะทำให้หัวใจพองโตขึ้นเยอะเลยนะคะ
วันนี้ครูป้อมชวนเพื่อนๆมา
สำรวจความพร้อมในการจัดโฮมสคูล
มีลูก หรือไม่มีลูก
รับรองว่าสิ่งที่คุณจะได้จากนี้
ดีต่อใจทุกคน
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร
เพราะมันคือ การสำรวจด้านบวกในตัวเองค่ะ
รู้ 4 H
ก็ทำโฮมสคูลได้
ใช่ค่ะ แค่ 4 เรื่อง
เรามาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
1. Health สุขภาพร่างกาย
ความรู้และประสบการณ์ด้านสุขภาพ
การทำความสะอาดตัวเอง
การออกกำลังกาย
ฝึกกล้ามเนื้อมัดต่างๆ
การเลือกอาหารดี มีประโยชน์
พ่อแม่ แทบทุกคน เชี่ยวชาญเรื่องนี้
เรารู้ว่าอะไรดีกับลูก
ลูกเราแพ้อาหารอะไร
อาจไม่ได้รู้มากมาย
ก็พากันเรียนรู้ไปพร้อมกันเลยค่ะ
กิน อยู่ อย่างไรให้เราแข็งแรง
ใครที่มีโรคประจำตัว
ก็ถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์เกี่ยวกับโรคให้เด็กได้
ไม่ต้องคิดว่า เราไม่แข็งแรง จะสอนอย่างไร
นี่คือเรื่องที่เด็กๆควรรู้ค่ะ
2. Heart เรื่องของอารมณ์ จิตใจ
สำรวจตัวเองค่ะ ว่าอีคิวเราเป็นไง
จุดแข็ง จุดอ่อนคืออะไร
เพราะเด็กๆ สังเกตเราตลอดเวลา
บางทีเราไม่รู้ตัว
และเราก็เป็นเบ้าหลอมชั้นเยี่ยมเสียด้วย
เรื่องของทักษะการควบคุมตัวเอง
การเข้าใจตัวเอง
ไปหรือไม่ไปโรงเรียน
พ่อแม่ก็ป็นต้นแบบอยู่ดี
ถ้าพ่อแม่เป็นแบบไหน
ลูกก็มักเป็นเช่นนั้น
วัยที่วางพื้นฐานชีวิต คือ
วัยอนุบาล
ซึ่ง ลูก ให้ความสำคัญกับพ่อแม่ที่สุด
ถึงส่งไปโรงเรียน
พ่อแม่ก็คือคีย์สำคัญอยู่ดีนั่นแหละค่ะ
มาถึงตรงนี้บางคนเริ่ม เครียด!!
🤣🤣🤣
ถ้าเราอ่อนตรงนี้หล่ะ
นี่ยังปรี๊ดแตกใส่ลูกอยู่เลย
ครูก็เป็นคนค่ะ
เค้าก็ฝึกมา
นั่นแปลว่า ถ้าเราโฟกัส
อยากพัฒนาเรื่องนี้
เราก็ฝึกได้ค่ะ
ถ้ามันเป็นจุดอ่อนของคุณ ลองหาทางจัดการดูดีมั้ยคะ
ถ้าเราจัดการได้ เราก็สอนลูกต่อได้ค่ะ
ดีซะอีก ลูกเห็นความตั้งใจและพยายามของเรา
ถ้าพ่อแม่เปลี่ยนได้
ลูกก็เปลี่ยนได้ค่ะ
3. Hands การลงมือทำ
ชุดความคิดของเด็กยุคใหม่
เราใส่ใจในการพัฒนาเรื่องของทัศนคติ
ในการ “ ลงมือทำ”
กล้าคิด กล้าลอง เพื่อความสำเร็จ
ชวนกันทดลองทำอะไรใหม่ๆ
ลองผิด ลองถูก ลุยๆ ค่ะ
ลองดูว่าเรามีงานอดิเรกอะไร
ที่เราชอบทำ
พาลูกลองทำ
อาจเรียนรู้เรื่องใหม่ๆไปพร้อมๆกัน
เพื่อนๆต้องเปิดใจ ว่าอะไรใหม่ๆ
ผลลัพธ์อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ
แต่เรากำลัง ใส่มุมมองต่อการทำงานให้ลูกว่า
ลองทำก่อน แล้วสำรวจ วิเคราะห์
ค่อยๆพัฒนาไปจนสำเร็จได้ค่ะ
รึสิ่งที่ชวนลูกทำ คุณอาจชำนาญอยู่แล้ว
แบบนี้ยิ่งง่าย
ทักษะเฉพาะทางแบบนี้
เด็กๆยิ่งภูมิใจค่ะ
4. Head ความรู้
ซึ่งกำหนดว่า
ในการอนุญาตจัดตั้งโฮมสคูล
คุณต้องมีวุฒิ ม.6 หรือเทียบเท่า
เราก็เริ่มที่วิชาหรือทักษะที่เราเก่งค่ะ
วิชาที่เราอ่อนนั้น
หาคนเก่งมาเป็นผู้ช่วยค่ะ
ครูป้อมเก่งภาษาอังกฤษ
ก็ยังจ้างครูต่างชาติเลย เพราะ
อยากได้สำเนียงฝรั่ง
ส่วนคณิตที่แม่อ่อนแอ
แม่หาติวเตอร์มาช่วย
ให้คนเก่งทำงานให้ค่ะ
ดีที่เราเลือกได้เอง สบายใจ คุ้มค่า
บางคนเข้าใจว่า ต้องเรียนสูงๆถึงสอนลูกได้
เพราะหลายครอบครัวที่ทำโฮมสคูลเดียวนี้
เป็นพ่อแม่ที่เรียนสูงๆกันทั้งนั้น
ทั้งที่เรียนในระบบมาตลอด
ประสบความสำเร็จในจุดสูงสุดทางการศึกษา
อะไรน๊า ? ที่เป็นแรงจูงใจ
ให้เลือกโฮมสคูล
ฝากเพื่อนๆติดตามกันต่อไป
ครูป้อมมีคำตอบให้ ในบทความต่อๆไป
แน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา