Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
25 มิ.ย. 2021 เวลา 01:44 • นิยาย เรื่องสั้น
4.19. ทางเลือกของคนกล้า
ม้าเจ๊ก ม้าเลี้ยง ม้าต้าย สามอาชาแห่งเสเหลียง
อย่างไรก็ตาม ตัวมันยังอยู่ในสถานะของโจโฉ จึงสวมรอยตามบทบาท สั่งการให้แฮหัวป๋าใช้กองกำลังส่วนตัว ลอบสืบสวนเรื่องราวเชื่อมโยงจากหมันทองเป็นการลับ
ครั้งนี้ โชคดีนักที่มันเรียกหาองครักษ์สกุลโจจากปราสาทนกยูงทองแดง ซึ่งเป็นกองกำลังส่วนตัวมาซ้อนแผน ทำให้คนวงการการเมืองการทหารไม่ทันล่วงรู้ และก้าวต่อไปที่มันให้แฮหัวป๋าเป็นคนติดตามเรื่อง ก็พลอยเป็นเรื่องลับไปด้วยเช่นกัน
ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามปล่อยหมันทองให้เปิดเผยโฉมหน้าออกมาเช่นนี้ ความเชื่อมโยงย่อมเป็นไปได้ตั้งแต่คนในราชวัง เครือข่ายบัญชาการ ขุมกำลังลับ หรือแม้แต่เบาะแสที่คลาดเคลื่อน เพราะหมันทองเป็นหมากที่มีชนักติดหลัง ย่อมถูกปั่นหัวได้ง่ายดาย
มันอุตส่าห์สวมรอยเป็นโจโฉ หวังใช้อำนาจการทหารการปกครอง ดำเนินแผนการยึดครองแผ่นดิน มิคาดว่า ในยามนี้ กลับต้องมารับชะตากรรม โดนลอบสังหารแทน จนต้องลงมือตามหาตัวคนร้ายแทนโจโฉไปเสียแล้ว
…
กลับมาถึงเมืองเตียงอัน ม้าเท้ง-โจโฉได้ความว่า มีเพียงเตียวล่อที่ตกตาย บังเต๊กที่ถูกจับตัวได้ คนอื่นๆนอกนั้นก็หลบหนีไปได้หมดสิ้น จึงคลายความกังวล ยกย่องชมเชยผู้สร้างผลงาน ลบล้างความผิดพลาดที่เคยทำไว้ได้หมดสิ้น
หากแต่ภายในใจของม้าเท้ง กลับคิดเคืองเอียวสิ้ว กุนซือต้นคิดที่บังอาจฝ่าฝืนคำสั่งตนเอง ทำให้ลูกๆของตนเองตกอยู่ในอันตราย และไม่อาจเสาะหาค้นพบ รวมทั้ง ไม่อาจสร้างชื่อ กระทำการยึดเมืองฮันต๋งดั่งที่คาดคิดไว้
ดังนั้น เมื่อแฮหัวตุ้นสอบถามเรื่องแผนการรบขั้นต่อไป โจโฉ-ม้าเท้งจึงสวนคำ “เจ้ารบคืบหน้ามาถึงฮันต๋งเพียงนี้แล้ว ยังไม่พออีกหรือ ข้างหน้ายังมีหนทางกันดารลำบาก อากาศก็ยังหนาวเย็น จงรอให้พ้นหน้าหนาววิปริตนี้ก่อนเถิด เสฉวนคงไม่พ้นมือเราเป็นแน่ สั่งการให้แฮหัวเอี๋ยนและโจหองไปเฝ้าระวังเมืองฮันต๋งไว้ก่อนเถอะ”
ทางหนึ่ง สภาพอากาศยังคงเป็นฤดูหนาวจริง การเดินทัพย่อมยากลำบาก มณฑลเสฉวนของเล่าเจี้ยงกินพื้นที่กว้างใหญ่ มีเมืองใหญ่น้อยกระจายอยู่โดยรอบ รูปแบบการรบจะแตกต่างไปจากการบุกยึดเมืองฮันต๋งที่เป็นเมืองใหญ่และเมืองหลักแห่งเดียวเช่นนี้
อีกทางหนึ่ง ม้าเท้งต้องการรอฟังข่าวคราวของพวกม้าเฉียวด้วยความร้อนใจ จึงไม่รีบร้อนจะรุกคืบโดยเร็ว หากเกิดความผิดพลาดจนต้องสูญเสียลูกชายคนใดไปอีกในยามนี้ มันคงต้องเจ็บช้ำใจยิ่งนัก เพราะมันกำลังอยู่ในฐานะที่มีเปรียบเป็นที่สุด เพียงแต่ยังไม่อาจเปิดเผยความจริงเท่านั้น
“แค่อีกไม่นาน อดทนไว้หน่อย ลูกเรา” ม้าเท้งยืนหน้ากระโจมแม่ทัพ มองดูท้องฟ้าที่กำลังแปรปรวนมืดครึ้ม
…
เตียวหุย จูล่ง ติดตามเหล่าคนสกุลม้ามายังแหล่งกบดานชั่วคราวภายในชนเผ่าตี พันธมิตรพื้นเมืองของสกุลม้า ซึ่งมีพื้นที่อิทธิพลอยู่ในเทือกเขาป่าไพร การป้องกันแน่นหนา และความเป็นอยู่สุขสบายพอตัว
เนื่องจากม้าเลี้ยง ม้าเจ๊กยังไม่สะดวกจะเปิดเผยความลับของม้าเท้ง ม้าเฉียวจึงยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นต่อโจโฉที่มีชัยเหนือตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า และทางเลือกที่จะเป็นเป้าหมายที่มั่นต่อไป ก็คือ เล่าเจี้ยงแห่งเสฉวน หรือ เล่าปี่แห่งเกงจิ๋ว
ม้าเฉียวยังคงความเลือดร้อนไม่เสื่อมคลาย รีบสอบถามเบาะแสของบุคคลลึกลับทั้งสองที่มีป้ายแขวนคอรูปเมฆ เตียวหุยไม่อาจบ่ายเบี่ยง จึงเฉลยส่งไปว่า “เป็นเตียวเลี้ยว เตียวคับ สองขุนพลใต้ร่มธงของโจโฉลอบบุกเข้ามาก่อกวนเมืองฮันต๋ง”
พอกล่าวเช่นนี้ กลับทำให้พวกม้าเฉียวเชื่อถือได้ง่าย เพราะคิดอยู่แล้วว่าการลอบสังหารม้าเท้งในครั้งอดีตนั้นเป็นฝีมือของโจโฉแอบแฝงเข้ามาด้วยเช่นกัน การที่สองขุนพลแอบแทรกแซงเข้ามาทำลายแผนการ จึงมีความเป็นไปได้สูง
เตียวหุยจึงถือโอกาสกระชับความสัมพันธ์ เสนอให้ม้าเฉียวและพวกร่วมมือกับตนเอง ช่วงชิงเมืองเสฉวนจากเล่าเจี้ยงให้กับเล่าปี่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการต่อต้านทรราชย์โจโฉต่อไป ซึ่งกลับเป็นที่ถูกใจของม้าเลี้ยง ม้าเจ๊กที่มีวาระซ่อนเร้นอยู่ การสั่นคลอนอำนาจของเชื้อพระวงศ์เล่าเจี้ยงที่สั่งสมบารมีมายาวนาน จะทำให้การแทรกแซงจากฝ่ายอื่นๆ ทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
หากแต่ปัญหาที่น่ากังวลใจคือ ม้าหยุนลู่ที่ยังคงหมดสติ คล้ายถูกวางยาอยู่ และเตียวจูล่งที่ซึมเซาเหม่อลอย เตียวหุยจึงขันอาสานำตัวคนทั้งสองไปให้หมอฮัวโต๋รักษา คนตระกูลม้าไม่กล้าเสี่ยงที่จะสูญเสียน้องเล็กไปอีกครั้ง จึงต่อรองให้ ม้าเจ๊ก ม้าต้ายติดตามเตียวหุยไปด้วย ในช่วงเวลาที่ม้าเฉียว ม้าเลี้ยง พยายามติดต่อกับพรรคพวกที่แฝงตัวอยู่กับเล่าเจี้ยง เพื่อหาทางยึดครองที่มั่นแห่งใหม่ในแถบนี้
…
ขบวนรถม้าโดยสารสองคันมุ่งหน้าไปยังเมืองใหญ่ด้านตะวันออกอย่างเร่งรีบ ทั้งหมดสวมใส่ชุดแต่งกายรัดกุม และใช้ผ้าม่านปกปิดหน้าต่างมิดชิด เพื่อปกปิดร่องรอยเอกลักษณ์ ผู้โดยสารคันแรกเป็นเตียวหุยนั่งคู่กับจูล่ง ส่วนคันที่สองเป็นม้าเจ๊กนั่งกำกับดูแลม้าหยุนลู่ โดยมีม้าต้ายขี่ม้าระวังภัยอยู่ด้านข้างตามลำพัง
ทั้งหมดเคลื่อนที่ผ่านทางใหญ่มาจนถึงริมฝั่งไต้กัง ปากทางเข้าเมืองอ้วนเซียที่เพิ่งเกิดเรื่องโจโฉ เตียวสง ไปเมื่อไม่นานนี้อีกครั้ง ม้าเจ๊กนึกทบทวนเรื่องราวผ่านหน้าต่าง อยู่เพลินๆ ฉับพลัน เสียงระเบิดดังขึ้นที่ข้างทาง จนเกิดควันสีขาวฟุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ส่งกลิ่นฉุนเฉียวคล้ายเป็นยาสลบ
ยามกระทันหัน มันรีบใช้แขนเสื้อปิดบังจมูก หมายลดทอนความรุนแรงของพิษยาสลบ และเปิดช่องหน้าต่างด้านหน้าเพื่อสั่งความกับสารถีให้รีบเร่งบังคับรถม้าหนีออกไปจากเหตุการณ์ แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามกดเข้าที่ลำคอจนหมดสติไป
เมื่อตื่นขึ้น ตัวมันนอนหมดสติพร้อมกับม้าต้ายอยู่พื้นหญ้าข้างทางในตำแหน่งเดิมนั่นเองส่วนคนอื่นกับรถม้าหายสาบสูญไปหมดสิ้น พอนึกทบทวนเหตุการณ์ สิ่งที่จดจำได้ คือ ฝ่ามือของสารถีที่แข็งแกร่งเสมือนท่อนเหล็กเท่านั้น
มันจึงตรงเข้าปลุกม้าต้าย สิ่งที่ม้าต้ายจดจำได้ ก็ไม่แตกต่างกัน ฝ่ามือที่แข็งแกร่งดั่งท่อนเหล็กฝ่าทะลุม่านควันกดเข้าที่ลำคอเช่นกัน อย่างน้อย พวกมันยังพอวางใจว่า บุคคลเหล่านั้นมิใช่ศัตรู มิเช่นนั้น ชีวิตของมันทั้งสองคงปลิดปลงไปแล้ว จึงได้แต่ย้อนกลับไปแจ้งข่าวคราวกับม้าเฉียว ม้าเลี้ยงแทน
…
ห่างไกลออกไปหลายสิบลี้ อินทรีมือเหล็กในคราบสารถีรถม้า พยักเพยิดให้กับเหยี่ยวดำที่เป็นสารถีของรถม้าอีกคันหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังกระท่อมรังนกแห่งใหม่ของพวกมัน ที่อยู่ใจกลางแผ่นดินใหญ่ ใกล้เมืองอ้วนเซียนี่เอง
เป็นเตียวหุย นางแอ่นที่ส่งรหัสนัดแนะให้ดำเนินแผนกลบเกลื่อนร่องรอยจากพวกตระกูลม้าที่ติดตามมาด้วย ทั้งสองจึงปลอมตัวแทรกซึมเข้ามาเป็นสารถีรอท่าอยู่ และกระทำการได้อย่างง่ายดาย เพียงใช้ระเบิดควันเบี่ยงเบนความสนใจ และฝีมือที่เหนือกว่าอยู่หลายขั้นในการลงมือจัดการ
เตียวหุยขยับเคลื่อนกายอย่างว่องไว โยนตัวออกจากรถม้าออกมานั่งคู่กันกับเหยี่ยวดำโดยไม่ต้องหยุดรถ ปล่อยให้จูล่งที่ถูกมันกดจุดสลบหมดสติอยู่ภายในตามลำพัง แล้วค่อยกระโจนข้ามไปนั่งคู่กับจ้าวอินทรีที่รถม้าอีกคันหนึ่งด้วยความคล่องแคล่วว่องไว สมกับฉายานามนางแอ่น
“นานมากแล้วที่เจ้าไม่ได้เคลื่อนไหวในรูปแบบเช่นนี้ คงคิดถึงชีวิตวัยเยาว์ขึ้นมาแล้วกระมัง” อินทรีหยอกล้อในฐานะผู้อาวุโสกว่าที่คุ้นเคยกับลูกทีมของตนมาตั้งแต่เด็กๆ
“พอดีเป็นช่วงเวลาที่ข้าต้องไปพบหมอเพื่อปรับสภาพร่างกายประจำปีอยู่แล้ว แต่คราวนี้ กลับมีคนไข้สำคัญอีกสองรายให้ช่วยรักษาด้วย”
เตียวหุย-นางแอ่นเป็นอิสตรีปลอมแปลงมา จึงต้องจัดการกับปัญหาทางร่างกายด้วยการฝังเข็มดื่มยาสะกดรอบเดือนเอาไว้ ทำให้เตียวหุยต้องสร้างภาพลักษณ์ความเป็นคนขี้เมาติดเหล้าสุรา เพื่อกลบเกลื่อนกลิ่นตัวยา และยังคงต้องปลีกตัวไปพบหมอฮัวโต๋เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง
นางแอ่นอดแย้มยิ้มไม่ได้ นอกจากเหยี่ยวดำ น้องเล็กจอมอ้อนแล้ว ก็มีแต่จ้าวอินทรีที่มันให้ความเคารพอย่างสนิทใจ เพียงแต่ภาระหน้าที่ ทำให้ทั้งสามไม่ค่อยได้เจอหน้ากันบ่อยนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา สุดท้าย ถึงกับดึงแผ่นหน้ากากพิสดารออก เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง เป็นใบหน้าของหญิงสาวอายุสี่สิบเศษคนหนึ่ง เค้าหน้าคมเข้ม สวยงาม แต่ซีดขาว เพราะไม่ถูกแสงแดดมานาน
“ว่าแต่ พี่ใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” นางแอ่นรีบรายงานเรื่องราวของหัวขวานที่ย้อนอดีตกลับไปเป็นเตียวล่อให้ฟังโดยละเอียด พร้อมกับหยิบเอาแท่งโลหะสีเงินที่ยังเป็นปริศนาขึ้นมาให้พิจารณา
อินทรีมือเหล็กขบคิดตาม ในช่วงเวลานี้ เครื่องย้อนเวลามีเพียงมันครอบครองอยู่เพียงคนเดียว และซุกซ่อนอยู่ในสถานที่เร้นลับ นอกจากนกฮูกและหัวขวานแล้ว ก็ไม่คิดว่าจะมีใครค้นพบได้ ดังนั้น เรื่องนี้น่าจะมีเค้าความจริงอยู่หลายส่วน จึงแนะนำว่า “ไว้เจ้านำแท่งโลหะนี้ไปศึกษาร่วมกันกับหัวขวานเถิด แต่อย่าเพิ่งเล่าเรื่องราวนี้ให้ผู้อื่นรับฟัง เก็บความลับนี้ไว้แค่เราสองคนก่อน เพื่อป้องกันผลกระทบอื่นๆ”
อินทรียังทบทวนในใจต่อไป ระเบียบการขององค์กรระบุไว้ชัดเจน หากเกิดความเสี่ยงที่จะมีการใช้เครื่องย้อนเวลานอกเหนือไปจากแผนการแล้ว พวกมันต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำลายเครื่องทันที เพราะผลกระทบต่อเนื่องนั้น อาจจะเลวร้ายเกินกว่าคาดคิด
เมื่อฟังเรื่องราวของหัวขวานแล้ว นี่แหละคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องมีระเบียบการเช่นนี้ การแก้ไขอดีต เพียงเพื่อให้คนที่รู้จักกันกลุ่มเดียวได้ประโยชน์ แต่ที่จริง อาจจะทำให้ภาพประวัติศาสตร์จุดอื่นๆ กระทบต่อเนื่องกันไปหมด พอถึงเวลานี้ อินทรีอดรู้สึกเจ็บแปลบที่ช่องท้องไม่ได้ มันคงจะแก่ชราเกินไปแล้วกระมัง
…
เมื่อมาถึงกระท่อมรังนกใหม่ นกฮูก-ฮัวโต๋ ก็รีบจัดการนำจูล่งและม้าหยุนลู่ ไปดูแลรักษา โดยมีอินทรีและเหยี่ยวดำช่วยเป็นลูกมือให้อย่างใกล้ชิดแทนโงโพ้ ฮ่วมอาที่ออกไปหาสมุนไพรต่างเมือง ส่วนนางแอ่นนำเอาแท่งโลหะปริศนาปลีกตัวไปให้หัวขวานศึกษากันอีกห้องหนึ่งต่างหาก
แล้วตกเย็น ทั้งหมดค่อยมาร่วมวงประชุมในห้องโล่งกว้างที่เต็มไปด้วยขวดยา หีบห่อ และสมุนไพรแปลกตาบนหิ้งที่ติดตรึงอยู่กับฝาผนังมากมาย ซึ่งมีสมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์ที่เหลือรอดอยู่ ตั้งแต่ อินทรี นกฮูก นางแอ่น หัวขวาน และเหยี่ยวดำ ขาดเพียงกระตั้วและนกยูงเท่านั้น
กระท่อมรังนกแห่งใหม่แตกต่างจากแห่งแรกที่ดูคล้ายโรงเรียนฝึกหัดแพทย์อย่างสิ้นเชิง ที่นี่จะคล้ายกับกระท่อมชาวบ้านสามัญที่เรียบง่าย แต่ใหญ่โตกว้างขวาง กลมกลืนไปกับกระท่อมอื่นๆอีกหลายสิบหลังที่ตั้งกระจัดกระจายอยู่ในชุมชนแห่งนี้
นกฮูก ในฐานะหมอรักษาอาการคนป่วยทั้งสอง จึงเริ่มต้นก่อนอย่างรวบรัด “จูล่ง เพียงแต่ได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง คล้ายโดนโจมตีซ้ำที่ระบบสมอง ซึ่งเป็นจุดอ่อนอันเปราะบาง ข้าจึงฝังเข็มกระตุ้นปมประสาทให้ผ่อนคลายไว้แล้ว ทำซ้ำอีกไม่กี่วันก็จะหายดี หากแต่ม้าหยุนลู่กลับผิดกัน นางถูกเตียวล่อใช้ยาสลบที่รุนแรง ราวกับจงใจให้ระงับความเจ็บปวดเอาไว้ บาดแผลที่นางได้รับอยู่ที่ช่องท้อง”
กล่าวถึงตรงนี้ นกฮูกมีเค้าความอึดอัดใจซ่อนอยู่ ค่อยบรรจงหยิบเอาถุงหนังเล็กๆออกมาจากอกเสื้อ เทสิ่งของภายในออกมา เป็นแผ่นมันวาวแผ่นหนึ่ง ยากจะระบุว่าทำจากวัสดุใด แต่พวกปักษาสวรรค์คุ้นเคยกันดี
“เครื่องย้อนเวลา” หัวขวานอดอุทานไม่ได้ พลางมองไปยังจ้าวอินทรีที่เป็นผู้เก็บรักษาสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ตามภารกิจที่ได้รับ
“ถูกต้อง มีคนนำเครื่องนี้ใส่ไว้ในช่องท้องของม้าหยุนลู่ และเกรงว่านางจะเจ็บปวดเมื่อฟื้นตื่นมาแล้วขยับเขยื้อนร่างกาย จึงวางยาสลบอย่างรุนแรงสะกดเอาไว้” อินทรีกล่าวเสริม “คนผู้นี้รู้ว่า มีแต่หมอฮัวโต๋เท่านั้น จึงจะจัดการรักษาได้ จึงคล้ายเป็นการฝากพัสดุสิ่งของเพื่อส่งต่อกลับมาให้กับพวกเรา”
หัวขวานจ้องมองเครื่องย้อนเวลา พร้อมกับกล่าวเสริม “สิ่งนี้ถูกดัดแปลง และเชื่อมโยงกันด้วยวัสดุบางอย่าง ไม่ใช่เครื่องปกติที่พวกเราเคยใช้กัน เป็นการใช้วัสดุทดแทนจากธรรมชาติ หรือผลิตทดแทนด้วยวัสดุที่พอหาได้ในยุคสมัยนี้ แต่เนื้องานแบบนี้ ถึงกับเหนือกว่าที่ข้าคาดคิดได้เสียอีก ไม่เลว ไม่เลว”
อินทรีแอบจ้องมองหัวขวาน พลางสั่งการต่อ “หัวขวาน ลองเล่าเรื่องแท่งโลหะปริศนาให้พวกเราฟังกันด้วยสิ แล้วค่อยกลับมาสรุปวิเคราะห์ไปพร้อมกัน”
หัวขวานรับคำ พลางล้วงเอาแท่งโลหะขึ้นมาวางบนโต๊ะเบื้องหน้า หนึ่งชิ้น และ อีกหนึ่งชิ้นที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน กลับทำให้ทุกคนรอบโต๊ะตกตะลึง
มันค่อยเฉลยความ “สิ่งประดิษฐ์สิ่งนี้ เรียกว่า กระบอกปักษาอัคคี เป็นอาวุธพิสดารที่ข้าคิดว่าจะใช้เพื่อป้องกันตนเอง หรือมอบให้พวกเราไว้ใช้กันในยามจำเป็น แต่ข้าเพิ่งค้นคิดต้นแบบเสร็จสิ้นเมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง นึกไม่ถึง วันนี้ มันกลับกลายมาอยู่พร้อมกันตรงนี้สองชิ้นเสียแล้ว”
หัวขวานยังกล่าวต่อไปด้วยความคิดที่เป็นอัจฉริยะ “ข้าลองพิจารณาดูแล้ว ทั้งสองชิ้นนี้เป็นฝีมือของคนคนเดียวกันทำ นั่นก็คือตัวข้าเอง เมื่อผนวกเรื่องราวเข้ากับฝีมือการฝากพัสดุแบบพิสดารในร่างกายของม้าหยุนลู่ และสิ่งที่ส่งมาก็คือเครื่องย้อนเวลาที่ถูกปรับแต่งแก้ไขแบบตามมีตามเกิด ก็มีความเป็นไปได้ทางเดียว นั่นคือตัวข้าต้องย้อนเวลากลับไปในอดีตด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง แล้วจึงมีเวลามากเพียงพอที่จะไปปรับปรุงแก้ไขสิ่งประดิษฐ์ทั้งสองชิ้นนี้ให้สามารถใช้การได้อีกครั้งหนึ่งด้วยอุปกรณ์เท่าที่หาได้ในยุคโบราณ ซึ่งแน่นอนที่ว่า มันต้องไม่ใช่สถานการณ์ที่น่ายินดีอย่างแน่นอน”
อินทรีสบตากับนางแอ่นอย่างมีเลศนัย ค่อยกล่าวกับหัวขวานโดยตรง “ฉลาดมากที่เจ้าสรุปความเป็นไปได้เช่นนี้ แล้วเจ้าคิดว่า พวกเราสมควรจะทำเช่นไรต่อไป”
หัวขวานไม่ต้องขบคิดเนิ่นนาน รีบสวนคำกลับไป “รีบทำลายเครื่องย้อนเวลาทิ้ง และเก็บกระบอกทั้งสองนี้ไว้ใช้ในยามจำเป็น”
นกฮูกอดไม่ได้ต้องเตือนขึ้นว่า “หากทำลายเครื่องทิ้ง พวกเราก็จะกลับบ้านไม่ได้เลยนะ หรือว่า พวกท่านไม่คิดจะ...”
อินทรีพยักหน้า กล่าวสรุป “ใช่แล้ว พวกเราจำเป็นต้องทำลายเครื่องย้อนเวลาทิ้ง เพื่อกำจัดโอกาสที่จะมีคนนำไปใช้ในทางที่ผิด เหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และอาจจะเกิดเร็วกว่าที่คาดคิด” หยุดเล็กน้อย ค่อยเสริมขึ้น “มิเช่นนั้น เราต้องลงมือกำจัดคนที่รู้วิธีที่จะนำมันไปใช้ทั้งหมด”
นกฮูกมองหน้าสมาชิกพร้อมขบคิดตาม ทางเลือกแรกคือการทำลายเครื่องที่อยู่ตรงหน้าไปเสีย กับทางเลือกที่สองหมายถึงการกำจัดสมาชิกทุกคนในหน่วยปักษาสวรรค์ นั่นก็คือพวกมันที่ยังหลงเหลืออยู่ “โอ ไม่นะ”
ทุกคนในห้องไม่ได้ส่งเสียงใดๆเพิ่มเติม แต่สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่า งานนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดการโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องต่อประวัติศาสตร์และมนุษยชาติในอนาคต ไม่มีใครต้องการเป็นตัววายร้ายในการย้อนเวลาเปลี่ยนอดีต
จ้าวอินทรีถอนหายใจ ก่อนหยิบแผ่นบางนั้นขึ้นมาบีบทำลายทิ้งด้วยความแข็งแกร่งของถุงมือเหล็กที่สวมอยู่ “นี่คือเครื่องที่หนึ่ง”
มันพยักหน้าให้กับนกฮูก พร้อมกับยืนขึ้นเปิดเสื้อให้หมอใหญ่ได้ใช้มีดสั้นกรีดหน้าท้องด้านซ้ายของมัน และหยิบเอาแผ่นบางลักษณะคล้ายกันออกมาส่งให้ อินทรีสะกดความเจ็บปวด ตรวจสอบสิ่งของ แล้วแบมือออก กล่าวขึ้นดังๆ “และนี่คือเครื่องที่สอง”
คาดไม่ถึง จ้าวอินทรีถึงกับซุกซ่อนเครื่องย้อนเวลาไว้ในช่องท้องตนเองมาโดยตลอดเช่นกัน มิน่าที่บางครั้งอินทรีจึงเหมือนขยับกายไม่คล่องแคล่วนัก ที่แท้ก็เป็นเพราะบาดแผลภายในจากเครื่องย้อนเวลานั่นเอง
หากเครื่องย้อนเวลาทั้งสองเครื่องถูกทำลายทิ้ง ทุกคนได้แต่ต้องอาศัยอยู่ในยุคสมัยโบราณนี้ไปตลอดชีวิตแล้ว แม้จะดูใจหาย แต่ก็เป็นที่พึงกระทำเพื่ออุดมการณ์ของนายทหารแห่งกาลเวลา อย่างน้อยก็รักษามิให้ประวัติศาสตร์ยับเยินไปกว่านี้
นกฮูกก็ทำใจได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับคนอื่นๆ ตัดใจไม่มองเครื่องย้อนเวลาที่กำลังจะถูกบีบทิ้ง กลับกล่าวต่ออินทรีโดยตรง “พี่ใหญ่ ให้ข้าช่วยรักษาบาดแผลให้เถิด”
…
อินทรียังไม่ทันได้บีบทำลายเครื่องย้อนเวลา เสียงโครมดังสนั่นมาจากผนังด้านข้าง จนขวดยามากมายบนหิ้งแตกกระจัดกระจายไปทั่วห้อง บ้างก่อให้เกิดควันฟุ้ง บ้างเกิดระเบิดเบาๆเป็นทอดๆ ติดตามมาด้วยเสียงโครงสร้างของกระท่อมที่พังพินาศลงมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
เตียวเลื้ยว เตียวคับโผล่มาจากที่ใดไม่ทราบ ถึงกับรื้อพังเสากำแพงที่รับน้ำหนักกระท่อม จนหลังคาถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว กระท่อมพังทลายไปครึ่งค่อนหลัง เหยี่ยวดำไม่ทันคิดสิ่งใด ได้แต่ทำตามสัญชาตญาณ รีบล้มตัวปกป้องร่างของจ้าวอินทรี ผู้นำของหน่วยที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บช่องท้องอยู่ไว้ก่อน แผ่นไม้และเศษหญ้าที่ปลิวร่วงหล่นลงมาทับถม จนสมาชิกทั้งหลายหมดสติไปกันสิ้น
คงเหลือแต่หัวขวานที่หัวไวในศาสตร์เรื่องช่าง เรื่องกลไก รีบขดตัวลงใต้โต๊ะไม้ใกล้ตัวได้ทันเวลา เหมือนการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวตามความเคยชิน ปล่อยให้แผ่นไม้ปกป้องตนเองเอาไว้ และพยายามมองฝ่าฝุ่นควันเพื่อติดตามเหตุการณ์
เตียวหยุน-จูล่งเดินปรากฏกายออกมาจากห้องพักด้านในอีกทางหนึ่งที่ยังคงสภาพดีอยู่ พร้อมทวนไร้น้ำใจซึ่งเป็นอาวุธคู่มือ บุคลิกองอาจ ท่าทางดุดัน ไม่เหมือนคนเซื่องซึม มีปัญหา แสดงว่า ประมุขพรรคต้องวางแผนแสร้งลวง เพื่อเข้ามายังกระท่อมรังนกแห่งใหม่ตั้งแต่ต้นอย่างแน่นอน
มันสั่งการให้สมุนทั้งสอง ช่วยกันตรวจสถานการณ์ พบเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ล้มทับคนสูงวัยกว่าที่ใส่ถุงมือเหล็กอยู่ใต้กองเศษไม้ ห่างออกไปมีหมอฮัวโต๋ และหญิงสาวคว่ำหน้านอนหมดสติอยู่เช่นกัน จึงสั่งให้เตียวเลี้ยว เตียวคับ หาเชือกมามัดตัวเอาไว้เพื่อสอบสวนต่อไป เพราะมันยังไม่ต้องการทำร้ายฝ่ายตรงข้ามให้ถึงชีวิต
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ อาจจะเป็นการพลิกฟื้นชะตากรรมให้กับพรรคฟ้าเหลืองให้กลับสู่ความรุ่งโรจน์ได้อีกครั้งหนึ่ง มันในฐานะประมุขพรรคคนปัจจุบัน ย่อมจำเป็นต้องกระทำการอย่างรอบคอบที่สุด
กลุ่มคนเหล่านี้มีความเป็นมาลึกลับ เดี๋ยวเป็นคุณ ให้ความช่วยเหลือ เดี๋ยวเป็นโทษ ขัดขวางแผนการ ทำให้ยากจะคาดเดาความเป็นมิตรหรือศัตรู แต่สุดท้าย ก็เป็นเพียงแค่นกไม่กี่ตัวในกระท่อมเท่านั้น
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 4 - อาชาตะวันตก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย