28 มิ.ย. 2021 เวลา 23:42 • นิยาย เรื่องสั้น
4.22. สลับตัวคืนตำแหน่ง
โจผี ผู้สืบทอดสกุลโจ - ซิหลง อิกิ๋ม สองขุนพลพยัคฆ์
โจโฉที่หลบหนีคู่ปรับเก่ามาพร้อมกันกับนางซัวบุ้นกี และเด็กน้อยตังชง ควบขี่ม้าอย่างเร่งร้อนผ่านป่าละเมาะขึ้นมาทางทิศเหนือ จู่ๆกลับมีชายร่างใหญ่กระโจนออกมาจากข้างทาง พร้อมแสดงอาวุธ คงจะเป็นโจรป่าหวังปล้นชิงเสียแล้ว
หากแต่พอเห็นหน้ากันถนัด โจโฉกลับพบว่า ฝ่ายตรงข้ามคือเตียวคับ ขุนพลพยัคฆ์ในสังกัดของตนนั่นเอง พอสอบถามเรื่องราวกัน เตียวคับกลับอึกอักจนยอมรับว่า หนีค่ายทหารออกมาดื่มสุราจนขาดสติ และมารู้สึกตัวอยู่ในกลางป่าเช่นนี้ จึงเดินเท้าหาทางกลับคืนสู่กองทัพที่เมืองเตียงอัน แต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าม้า จึงคิดเจรจาขอซื้อมาใช้งาน
โจโฉไม่เชื่อว่าเตียวคับจะยอมซื้อขายม้ากับคนผ่านทางในที่เปลี่ยว คงหวังปล้นชิงตามวิสัยนักเลงเก่า แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่กล้ายอมรับ มันจึงไม่เปิดโปงให้เสียหน้า และยังไม่บอกกล่าวรายละเอียดฝั่งตนเอง เพียงแต่สั่งการให้เตียวคับอยู่ช่วยดำเนินแผนการที่เร่งด่วนกว่าเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น
มันต้องการให้เตียวคับออกหน้า ลอบนำตัวมันเข้าไปพบกับขุนพลพยัคฆ์อิกิ๋มที่กำลังดูแลเมืองอ้วนเซียเป็นการลับ เพื่อเป็นฐานที่มั่นในการวางแผนยึดตัวตนและตำแหน่งคืนจากหญิงร้ายชายเลว นางเปียนสีและม้าเท้ง ลำดับถัดไป คนที่โจโฉต้องการพบตัวโดยด่วน คือ กาเซี่ยง กุนซือปีศาจ ที่รักษาการณ์อยู่ในเมืองหลวงฮูโต๋ และเทียลิด กุนซือในเงามืดที่แฝงตัวอยู่ในคราบพ่อบ้านใหญ่สกุลโจ
เตียวคับที่ยังคงมีสถานะลับเป็นคนของพรรคฟ้าเหลือง ต้องชั่งใจอย่างหนักที่จะลงมือจัดการกับโจโฉที่กำลังสิ้นไร้หนทางกลางป่าเช่นนี้ หรือปล่อยไปตามสถานการณ์ถือโอกาสสร้างความดีความชอบทดแทนความผิดพลาดในอดีตไว้ก่อน
สุดท้าย เตียวคับยังเห็นแก่บุญคุณที่โจโฉอุตส่าห์เลี้ยงดูมานานหลายปี น้ำใจพระคุณเผื่อแผ่ทั่วถึงไม่เคยขาดหาย จึงเลือกหนทางที่สอง พาตัวเข้าพบอิกิ๋ม และขันอาสาปลอมตัวเป็นนายทหารชั้นผู้น้อย จัดทำเป็นขบวนบรรณาการส่งส่วยจากเมืองอ้วนเซีย ซุกซ่อนพวกโจโฉทั้งสาม ปะปนเข้าเมืองหลวงอย่างเปิดเผย และลักลอบเข้าพบกับกาเซี่ยงที่จวนที่พักได้โดยง่าย
การอธิบายความยาวเหยียดของโจโฉ ย่อมมีน้ำหนักมากพอสำหรับกาเซี่ยง กุนซือมากประสบการณ์ ให้เชื่อถือในเรื่องโจโฉตัวปลอม เพราะกาเซี่ยงเอง คือ กระตั้ว สมาชิกในหน่วยปักษาสวรรค์อยู่แล้ว ดังนั้น กาเซี่ยงจึงเพียงเออออตามน้ำ พลางครุ่นคิดหาทางแก้ไขให้โจโฉสลับเปลี่ยนคืนสู่ตำแหน่งโดยให้เกิดความวุ่นวายให้น้อยที่สุด
ตัวปัญหาหลักๆที่มันประเมิน จึงมีเพียงนางเปียนสีกับตัวม้าเท้งเองเท่านั้น แต่หากมันเดินหมากจัดการนางเปียนสีก่อน อาจจะทำให้ม้าเท้งไหวตัวทัน การพุ่งเป้าจัดการกับโจโฉตัวปลอมที่เป็นปัญหาใหญ่เสียก่อน น่าจะดีกว่า
ณ จุดนี้เอง โชคดีนักที่นางเปียนสีไม่เคยเปิดโปงสถานะของเตียวคับ หรือดาวอำพราง หนึ่งในขุมกำลังสัตตดาราออกไป ทำให้เตียวคับซึ่งอยู่ในที่ประชุมก่อการครั้งนี้ นึกอยู่ในใจ “ต้องหาทางช่วยเหลือน้องเตียวเฟิงให้ได้”
ความเคลื่อนไหวเพื่อหลอกล่อม้าเท้งจึงเกิดขึ้น โดยกระตั้วอาศัยฉากสถานการณ์การศึกที่เมืองหับป๋าเป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจ หลังจากที่คราก่อน ม้าเท้งในฐานะโจโฉ กลับมาเมืองหลวงเป็นการลับ ได้สั่งการให้โจเจียง เตียวเลี้ยวที่เมืองหับป๋า เตรียมความพร้อมเปิดศึกทางใต้หลังจากหมดสิ้นพันธะสัญญาสามปี ระดมสะสมเสบียงกรังเข้ามารอท่าไว้ในชัยภูมิสำคัญหลายจุดใกล้ตำแหน่งเมืองยี่สู ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ชายแดน
กาเซี่ยงจึงส่งแผนที่ลับที่ระบุตำแหน่งพิกัดทางทหาร พร้อมทั้งรหัสผ่านทางทุกจุดตรวจ ให้เหยี่ยวดำนำไปแจ้งกับสายที่เมืองกังตั๋ง เพื่อให้พวกพยัคฆ์แดนใต้จัดส่งกองทัพขนาดเล็กลอบเข้ามาเผาทำลายคลังเสบียงของกองทัพเมืองหับป๋า
และแล้ว ทางฝ่ายลกซุน เสนาธิการทางทหารคนสำคัญของเมืองกังตั๋ง จึงนำเสนอแผนการสำคัญนี้ให้กับเสนาบดีใหญ่โลซกอีกทอดหนึ่ง เป็นยุทธการรบแบบกองโจร มุ่งทำลายคลังเสบียงหลายแห่งพร้อมกัน
วันต่อมา โลซกจึงสั่งการให้กำเหลง จิวท่าย ลิบอง พัวเจี้ยง นำทัพกองทหารพิเศษชื่อกองทัพโลกันต์ ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีพันกว่านายตามแผนการดั้งเดิมของขุนพลจิวยี่นั้น มาใช้ในการบุกเข้าทำลายคลังเสบียงของฝ่ายโจโฉ สี่ขุนพลแดนใต้จึงแยกกระจายกันออกไปโจมตีจุดสำคัญต่างๆ ตามเวลาที่นัดหมายไว้พร้อมๆกัน
สมรภูมิรบเมืองยี่สูจึงกลายเป็นสงครามครั้งสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับกำเหลง ขุนพลโจรสลัด ที่นำทัพเพียงหลักร้อย เจาะทะลวงเข้า-ออกค่ายทหารของฝั่งรัฐบาลได้อย่างง่ายดาย เพราะแผนที่และรหัสลับที่กุนซือกาเซี่ยงช่วยจัดส่งมาให้นั่นเอง กองทหารที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี และมีข้อมูลสำคัญใช้งาน จึงหลีกเลี่ยงจุดปะทะ เคลื่อนผ่านแนวตั้งรับเข้าไปทำลายคลังเสบียงได้โดยง่าย และสุดวิสัยที่ฝ่ายรัฐบาลจะป้องกันได้
อันที่จริงแล้ว กำเหลงและสามขุนพลต่างนำทหารที่จัดแบ่งกันไปคนละหลายร้อยนายบุกเข้าโจมตีคลังเสบียงหลายจุดได้สำเร็จเฉกเช่นเดียวกัน หากแต่จุดที่กำเหลงรุกทำลายนั้นคือคลังใหญ่ที่สุด และถูกทำลายล้างเป็นแห่งแรก ตามมาด้วยแห่งที่สองที่สาม จนเกิดเป็นผลกระทบต่อเนื่่อง กำเหลงในฐานะผู้นำทัพที่กล้าหาญนั้น บุกตะลุยไปทำลายได้ถึงสามแห่ง จึงได้รับความดีความชอบนี้ไปครองตามลำพัง
ความเสียหายทางการทหารในครั้งนี้ ทำให้โจเจียง เตียวเลี้ยว แห่งเมืองหับป๋า ต้องสั่งการระดมเสบียงจากเมืองต่างๆเข้ามาเสริมเติมระลอกใหม่ จนสูญเสียจังหวะในการทำศึกกับแดนใต้ไปอีกหลายปี
ฝ่ายกังตั๋งเองก็มีความยินดีที่ได้สร้างชื่อเสียงฝากฝีมือรบ โดยใช้เพียงกองทัพพิสดารจำนวนน้อย สามารถตัดไฟแต่ต้นลมได้สำเร็จ เพียงชนะศึกสำคัญที่เมืองหับป๋าครั้งเดียว ก็สามารถชะลอศึกใหญ่ไปได้อีกนานเช่นกัน
แน่นอนว่า คนที่อารมณ์เสียมากที่สุดต่อสมรภูมิหับป๋าครั้งนี้ ก็คือ ม้าเท้งที่ปลอมเป็นโจโฉ ซึ่งมุ่งหมายจะเปิดศึกทางใต้โดยเร็ววัน คงต้องมีหนอนบ่อนไส้เกิดขึ้นเป็นแน่แท้ ไม่แน่ว่า “หนึ่งลับ” ที่มันเจรจาด้วยในคราก่อนนั้น อาจจะตอบสนองในรูปแบบที่มันคิดไม่ถึง หรือว่า พวกสำนักหุบเขาปีศาจไม่เชื่อในเรื่องราวที่มันปั้นแต่งขึ้น
ที่จริงแล้ว นอกจากซุนเกี๋ยนที่ตายไปแล้ว มันมิได้เกรงกลัวคนสกุลซุนอื่นๆมากนัก นอกจากความแข็งแกร่งที่ฝังรากลึกไปในทุกวงการของเครือข่ายตระกูลซุน จึงเพียงมุ่งหวังเผด็จศึกตะวันตกก่อนแล้ว จะชิงลงมือจัดการกับพวกสกุลซุนเป็นลำดับถัดไป
ในเมื่อศึกด้านตะวันตกก็คืบหน้า จนมาหยุดอยู่ที่เมืองเสฉวน รอวันเวลาให้พวกม้าเลี้ยง ม้าเฉียว เข้าไปแทรกซึมก่อน มันจึงคิดจะกลับคืนสู่เมืองหลวงอีกรอบ เพื่อสืบหาตัวการ พร้อมกับเปิดโอกาสให้กองทัพได้พักผ่อนกันสักระยะหนึ่ง ปล่อยให้พวกขุนพลแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน สุมาอี้ และเอียวสิ้ว รับความยากลำบากกันต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
ช่วงปลายฤดูหนาวอันยุ่งเหยิง กองทัพใหญ่ของโจโฉ ซึ่งมีเตียวคับ ซิหลง และเคาทู เป็นอาทิ จึงเดินทางกลับเมืองหลวง ผ่านทางด่านตงก๋วน และข้ามแม่น้ำอุยโหอีกครั้ง จนมาถึงสมรภูมิรบที่ครั้งก่อน ม้าเฉียว นำกองทัพจิ้งจอกภูเขาหิมะบุกถล่มจนสูญเสียทหารไปมากมาย ซึ่งยังคงหลอกหลอนในจิตใจของผู้คนในฝ่ายโจโฉไม่เสื่อมคลาย ร่องรอยของความสูญเสียยังคงมีตกค้างให้เห็นตามรายทางด้วยซ้ำ ทั้งเศษซากศพ อาวุธ และยุทโธปกรณ์ที่ได้รับความเสียหายทั้งหลาย
จู่ๆ เกิดเสียงคำรามดังสนั่น พร้อมกับก้อนหิมะลูกใหญ่กลิ้งหล่นลงมาตามแนวเขา อีกทิศทางหนึ่ง เป็นเสียงเป่าเขาวัวดังระงมขึ้นเป็นทอดๆ กลับปรากฏฝูงหมาป่า จิ้งจอก หมีภูเขา และหมูป่าจำนวนมาก พุ่งตรงเข้าใส่กองทัพอย่างหิวกระหายเลือด กระตุ้นให้เกิดความตื่นตกใจ และสับสนอลหม่านกันไปหมด โดยเฉพาะกองทัพของเตียวคับที่เบียดเสียด ดันเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ทัพข้างเคียงพลอยเสียขบวนไปด้วยกันทั้งหมด
องครักษ์ เคาทูเห็นท่าไม่ดี จึงเชิญวุยก๋ง-โจโฉ ขึ้นหลังม้า หลบหนีย้อนกลับไปทางสะพานเข้าด่านตงก๋วนก่อน โดยมีเตียวคับ นำกองทหารกลุ่มย่อย อาสาตามมาคุ้มกันด้วยอีกแรง ปล่อยให้ขุนพลซิหลงจัดการทางนี้ไปตามลำพัง
เตียวหุย จูล่ง ม้าเฉียว และชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงในชุดลายเสือพาดกลอน พร้อมกับทหารองครักษ์สามสี่คน ยืนมองความสับสนวุ่นวายของกองทัพโจโฉ เบื้องล่างแนวเขาด้วยความสะใจ
การโจมตีครั้งนี้ เพียงมุ่งหวังทำลายขวัญกำลังใจของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เพราะกำลังทัพของพวกมันยังไม่มากพอสำหรับการสู้รบเต็มรูปแบบ เพียงแค่จัดเตรียมกำลังพลไปเป่าเขาวัว กลิ้งก้อนหิมะ และปลดปล่อยสัตว์ร้ายออกไปนั้น ก็แทบหมดจำนวนคนที่กะเกณฑ์มาอย่างกระทันหันแล้ว
นี่เป็นลูกเล่นอันร้ายกาจของเตียวหุย-นางแอ่น ที่ฉกฉวยโอกาสอันสุกงอม ขณะที่มันพาจูล่ง ม้าหยุนลู่ กลับมายังที่หลบซ่อนของพวกตระกูลม้า พอดีที่คนมากปัญญาอย่าง ม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก เดินทางออกไปสืบหาข้อมูลในเมืองเสฉวน อีกหลายวันจึงจะกลับ และม้าเฉียวกำลังหงุดหงิดใจ ต้องการแก้แค้น มันจึงเสนอให้ใช้จังหวะที่โจโฉกำลังจะยกทัพกลับ หาเหตุก่อกวนเล่นๆ เพื่อเป็นผลงานไว้อวดอ้างกับเล่าปี่ ขงเบ้งด้วย
ม้าเฉียวนึกแผนการอันวิเศษนี้ได้ จึงติดต่อให้เฉียนต้วน ผู้นำเผ่าตี พันธมิตรเก่า ซึ่งมีพื้นฐานเป็นนายพรานภูเขา ช่วยกันสร้างสถานการณ์หลอกล่อให้กองทัพตื่นตกใจด้วยเสียงเป่าเขาวัว ก้อนหิมะ และฝูงหมาป่า กลยุทธ์ที่เคยฝึกซ้อมมาด้วยกันในอดีต
เนื่องจากพวกเผ่าตีมีจำนวนน้อย และไม่ชำนาญการสู้รบเทียบเท่ากับพวกเกี๋ยง ม้าเฉียวจึงผลักดันให้คนเผ่าตี ร่วมฝึกฝนการจู่โจมด้วยรูปแบบพิเศษนี้บ่อยครั้ง โดยประยุกต์มาจากกลยุทธ์จิ้งจอกภูเขาหิมะของเผ่าเกี๋ยงที่ม้าเฉียวใช้อยู่เป็นประจำ
เป็นกลยุทธ์ที่ม้าเลี้ยงเคยตั้งชื่อให้ว่า “กองทัพเงาหิมะ” เพราะมุ่งใช้กลลวงโจมตีไปที่จิตใจ ไม่ได้มีการต่อสู้จากกองกำลังทหารเลยแม้แต่น้อย
การโจมตีซ้ำสองเข้าใส่กองทัพโจโฉในครั้งนี้ กลับกลายเป็นผลงานอันโด่งดังของม้าเฉียว จนทำให้กลยุทธ์จิ้งจอกภูเขาหิมะกับกองทัพเงาหิมะ กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของม้าเฉียว ขุนพลหัวสิงห์แห่งเสเหลียงไปแล้ว
ม้าเฉียว จูล่ง นึกยินดีที่ได้ระบายแค้นกับโจโฉกลับมาบ้าง ส่วนเตียวหุยกลับยินดีมากกว่า ที่ได้สร้างสถานการณ์เปิดโอกาสให้กาเซี่ยงดำเนินแผนต่อไปได้สำเร็จ
กองทหารของเตียวคับชิงนำหน้าโจโฉและเคาทู บีบบังคับให้ทั้งสองออกนอกเส้นทางหลัก เบี่ยงใช้เส้นทางเล็กผ่านป่าไม้ข้างทางแทน
พอถึงที่ราบโล่งกว้างแถบใหญ่ กลับมีรถม้าใหญ่จอดรออยู่ พร้อมกันผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านหน้ากลุ่มใหญ่ เป็นแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน โจหยิน โจหอง ครบทั้งสี่เทวะ โดยมีโจผี ยืนกอดอกรออยู่ตรงกลางด้วยอีกคน ทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียดโกรธแค้นในที
เตียวคับจึงรีบสั่งการให้ทหารกันองครักษ์ผู้ติดตามคนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป หลงเหลือแต่เพียง โจโฉ เคาทู เท่านั้นที่ยืนประจันหน้า
องครักษ์หมีทมิฬ เคาทูที่ยังงุนงงกับสถานการณ์ ได้แต่ไต่ถามขึ้น “เหตุไรพวกท่านทั้งหมดจึงมารอคอยกันอยู่ที่นี่พร้อมหน้ากันเช่นนี้”
เตียวคับซึ่งอยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด และเป็นตัวจักรสำคัญในแผนการครั้งนี้ จึงตอบคำ “พวกเรามารอจับกุมคนร้าย คนที่ยืนข้างกายเจ้านั้น เป็นวุยก๋งตัวปลอม”
“ผิดแล้ว เคาทู พวกมันรวมหัวกันหมายจะทำร้ายข้า เจ้าจงรีบลงมือจัดการพวกมันซะเดี๋ยวนี้” ม้าเท้งหรือโจโฉปลอมที่ยืนเคียงข้างกัน สั่งความ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆจากองครักษ์เคาทู จึงหันกลับไปมอง
ถัดจากเคาทูออกไปเล็กน้อย เป็นโจโฉอีกคนหนึ่งยืนเคียงข้างอยู่กับกาเซี่ยง กุนซือปีศาจ และสุมาอี้ กุนซือเต่าสมถะ แม้ไม่ได้พูดคุยใดๆต่อกัน แต่เคาทูมั่นใจว่า คนที่มาภายหลังคือโจโฉตัวจริง ไม่ใช่โจโฉที่อยู่กับมันมาโดยตลอด
โจโฉคนหลังจึงชี้หน้าตัวปลอมพร้อมกล่าวคำ “เจ้าต่างหากที่ผิดแล้ว ม้าเท้ง คราวนี้ เจ้าดิ้นไม่หลุดแน่”
โจผีที่ยืนรอคอยมานาน จึงส่งสัญญาณให้เตียวคับ เคาทู รุมฉุดกระชากม้าเท้ง และจับกุมตัวไว้ได้อย่างง่ายดาย โจผีตรงเข้าสำรวจใบหน้าของตัวปลอม ใช้มีดสั้นกรีดใส่ พร้อมฉีกกระชากหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าของม้าเท้งจริงๆ
“ม้าเท้งเอย เจ้าคงนึกไม่ถึงว่า ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยครั้งนี้ จะทำให้เจ้าสูญสิ้นทุกอย่างที่วางแผนไว้ร่วมสิบกว่าปี” โจโฉเยาะเย้ยเชลยตรงหน้า
“ต้องตำหนิที่ข้าใจไม่กล้าพอ น่าจะใช้โอกาสที่มีตลอดหลายเดือนมานี้ ไล่สังหารพวกเจ้าไปให้ได้มากที่สุด ดันหวังจะรอเวลาให้สุกงอม จนกลายเป็นช่องว่าง ให้โดนจับได้เสียก่อน ผิดพลาดก้าวเดียว เลยพ่ายแพ้ทั้งกระดาน” ม้าเท้งคืนน้ำเสียงปกติ แต่ยังคงรักษาอารมณ์ได้มั่นคง
“ข้าจะนำเจ้ากลับไปประหารที่เมืองหลวง เปิดโปงแผนการชั่วร้ายของเจ้ากับเปียนสี ชำระล้างบาปกรรมที่เจ้าสังหารผู้คนล้างครอบครัวบุคคลต่างๆไปตั้งมากมาย โอ ข้านึกว่าตัวข้าอำมหิตแล้ว เจ้าเสียอีกที่ใจดำอำมหิตเสียยิ่งกว่า” โจโฉประกาศเจตนารมย์
“เจ้าคงไม่คิดว่า ซากศพของคนคนหนึ่ง จะช่วยล้างบาปกรรมของเจ้าได้หรอกนะ ฮ่าฮ่าฮ่า น่าเสียดายที่เจ้าอำมหิตไม่พอจริงๆ” ม้าเท้งหัวร่ออย่างบ้าคลั่ง ในปากและจมูก เริ่มมีเลือดสีดำทะลักออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว พร้อมกับโครงสร้างร่างกายที่ขยายใหญ่คืนสู่สภาพเดิม ทำให้คล้ายดั่งอสูรร้ายจากขุมนรกกำลังแปลงกาย
พอผิดพลาดพ่ายแพ้ ม้าเท้งผู้ห้าวหาญถึงกับขบทำลายยาพิษที่ซ่อนไว้ในฟันกราม ฆ่าตัวตายทันที โจผีขยับเข้าบีบปากเอาไว้ แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว จึงได้แต่ระบายโทสะ ทุบตีใส่ใบหน้าและร่างกายของซากศพผู้ตายไปอีกหลายครั้ง
โจโฉเองก็ไม่คาดคิดว่า ม้าเท้งจะใช้ลูกเล่นนี้ ชิงฆ่าตัวตายไปก่อน คนตายย่อมไร้ประโยชน์ มิเช่นนั้น ม้าเท้งอาจจะเป็นตัวล่อให้พวกตระกูลม้าคนอื่นๆเข้ามาติดกับดักได้ทั้งหมด จึงได้แต่ทอดถอนหายใจ
แต่สุมาอี้ขบคิดอย่างว่องไว และเสนอต่อ “พวกเราสามารถปกปิดข่าวการตายนี้ไว้ อาศัยฐานะความสัมพันธ์ของมันเรียกตัวพวกมันบุตรหลานเข้ามาที่เมืองเตียงอัน เดี๋ยวพวกม้าเฉียวก็หลงกลมาติดกับได้เอง” จากนั้น มันจึงกระซิบกับโจโฉเพิ่มเติม
โจโฉตาลุกวาว จึงตกลงใจใช้แผนนี้ สั่งการให้โจผี โจหยิน และกาเซี่ยง รีบมุ่งหน้ากลับเมืองหลวงไปจับกุมนางเปียนสีไว้ก่อน ให้โจหองกลับไปช่วยโจสิด เอียวสิ้วรักษาเมืองฮันต๋ง ให้แฮหัวเอี๋ยนกับสุมาอี้ ทำอุบายลวง และแอบนำซากศพของม้าเท้ง กลับไปรอที่เมืองเตียงอันก่อนแล้ว ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนตนเองสับเปลี่ยนชุดที่สวมกับม้าเท้ง นำพา แฮหัวตุ้น เตียวคับ เคาทู ย้อนกลับไปช่วยเหลือซิหลงอีกแรง คล้ายได้กำลังหนุนเมืองเตียงอันมาช่วย ทำให้การโจมตีด้วยก้อนหิมะ และฝูงหมาป่าหมดสิ้นไป ค่อยทำเป็นประกาศยกเลิกการกลับเมืองหลวง ถอยกลับเข้าเมืองเตียงอันเช่นเดิม
ม้าเท้งจอมวางแผน ผิดพลาดคราเดียว แผนการที่วาดไว้สวยหรูเกินไป จึงล่มสลาย ตัวเองตกตาย และยังเสี่ยงที่จะถูกสังหารล้างตระกูลม้าเสียแล้ว
ม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก กลับมาจากการสืบข่าวคราวเร็วกว่ากำหนด รับฟังวีรกรรม “กลยุทธ์เงาหิมะ” ของม้าเฉียวที่แอบกระทำการขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า โจโฉผู้นั้นคือม้าเท้งปลอมปนเข้าไป แต่พอไปถึงบทสรุปที่โจโฉนำพวกกลับมาแก้ไขสถานการณ์ได้ ก็ค่อยโล่งอก กล้อมแกล้มยินดีไปด้วย
จากนั้น ทั้งสองค่อยหาเหตุมาตรวจดูสถานที่เกิดเหตุ ตามร่องรอยการหลบหนีของโจโฉ จนถึงที่ราบกว้างใหญ่ในป่าไม้ บังเอิญพบเห็นแผ่นไม้เล็กๆตกหล่นอยู่ข้างพงไม้สองสามชิ้นให้เป็นที่สังเกต เมื่อหยิบมาพิจารณา เห็นสลักเป็นรูปม้าวิ่งกระโจน แต่มีเส้นผ่าขวางคล้ายลูกกรงพาดผ่านสามสาย และมีลูกศรเล็กชี้ไปทางตัวอักษรคำว่า “ทิศตะวันตก”
“หรือว่า บิดาส่งสัญญาณมีภัย ทิ้งไว้ให้พวกเราไปช่วยที่เมืองเตียงอัน ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกจากที่นี่” ม้าเจ๊กพยายามตีความ
ม้าเลี้ยงนึกทบทวนคำบอกเล่าของม้าเฉียว พบเห็นความผิดปกติที่พวกแฮหัวตุ้นจากเมืองเตียงอันที่ปรากฏตัวมาช่วยเหลือได้เร็วเกินคาด ความเป็นไปได้ที่ม้าเท้ง บิดาอาจจะถูกซ้อนกลจับกุม และนำตัวกลับไปไต่สวน จึงมีค่อนข้างสูง แต่ถ้าเป็นความคิดของบิดาจริง คงจะไม่ต้องการเสี่ยงเรียกหาความช่วยเหลือเป็นแน่
“เรื่องนี้ต้องระมัดระวังให้ดี ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องกลับไปพูดคุยความจริงกับพี่ใหญ่กัน” ม้าเลี้ยงกล่าวเสียงเครียด เพราะรู้ว่า พี่ใหญ่จะตอบสนองต่อข่าวร้ายเช่นไร
แน่นอนว่า ม้าเฉียวย่อมจะตื่นตระหนก และเสียใจต่อความลับที่ม้าเลี้ยง ม้าเจ๊ก เพิ่งยอมปริปากเฉลยให้ทราบ จากการก่อกวนกองทัพของโจโฉ ศัตรูของตนเอง และทรราชย์ของแผ่นดิน กลับกลายเป็นการทำร้ายม้าเท้ง บิดาของตนเอง จนแผนการยึดครองแผ่นดินของบิดาที่เตรียมการมาร่วมสิบปีต้องล้มเหลวเข้าเสียได้
ความโกรธแค้นเสียใจยังพอทำเนา แต่ความอับอายที่บิดาและน้องต่างมารดาไม่ไว้วางใจในตัวมัน ตลอดจนความเจ็บช้ำที่ต้องสูญเสียของลูกเมียตนเองที่สั่งสมมานาน กลับเป็นสาเหตุให้มันขุ่นเคืองใจยิ่งขึ้นหลายเท่านัก จนอดไม่ได้ที่จะตบหน้าน้องทั้งสองไปฉาดใหญ่ ต่อหน้าม้าต้าย และม้าหยุนลู่ เป็นการสั่งสอน ย้ำเตือนว่า ผู้นำของตระกูลม้าคนปัจจุบัน คือ ตนเอง และผู้นำสกุลสมควรได้รับรู้ข้อมูลทุกเรื่องราว
จากนั้น เหล่านักสู้ตระกูลม้าจึงค่อยสงบอารมณ์ลง ม้าเฉียวรีบสั่งการให้หาทางช่วยเหลือม้าเท้งจากเมืองเตียงอัน ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ม้าเลี้ยงจึงเสนอความคิดที่เตรียมไว้ หากเนิ่นช้าเกินไป กลับทำให้ฝ่ายศัตรูมีโอกาสตั้งตัว และเตรียมการได้แน่นหนากว่าเดิม สมควรจะอาศัยจังหวะที่พวกมันเพิ่งกลับไปถึงเมืองเตียงอันหยกๆ อาจจะมีโอกาสจู่โจมได้ดีกว่า หากแต่จำนวนคนเพียงสี่ห้าคนเช่นนี้ อาจจะน้อยเกินไป เห็นที จะต้องลากตัวจูล่ง และเตียวหุยมาร่วมขบวนการในครั้งนี้ด้วย
อีกประการหนึ่งที่พวกตระกูลม้าต้องเร่งมือจัดการ ก็เพราะม้าหยุนลู่เคยสวมบทบาทเป็นซุนซ่างเซียง ภรรยาของเล่าปี่อยู่ตั้งหลายเดือน การชิงลงมือให้จูล่งเลือกข้างทันทีในยามนี้ จึงจะทำให้จูล่งถูกผูกมัดให้เข้าหน้าเล่าปี่ไม่ติด ย่อมกลับตัวเปลี่ยนใจได้ลำบาก ต่อไปภายหน้า หากตระกูลม้าเกิดต้องแตกหักกับเล่าปี่ จูล่งก็ยังคงต้องอยู่ฝั่งเดียวกันกับพวกตนที่ดองกันเป็นเครือญาติแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ม้าเลี้ยง บัณฑิตคิ้วขาว จึงสรุปภาพรวมให้ม้าเฉียวต้องรวบรัดจัดงานวิวาห์อย่างเรียบง่าย ยกนางม้าหยุนลู่ให้กับจูล่งตามแบบฉบับชาวยุทธ์ โดยให้เตียวหุยเป็นพ่อสื่อของทั้งสองฝ่าย แล้วค่อยประกาศยินยอมเข้าร่วมกับพวกเล่าปี่นับแต่บัดนั้น
เตียวหุย-นางแอ่น เจอกลยุทธ์พิสดารเช่นนี้จากพวกตระกูลม้า กลับไม่รู้จะปฏิเสธเช่นไร ต้องยอมปล่อยให้คนที่ตนรัก เดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ไปตามหน้าประวัติศาสตร์เสียแล้ว จึงได้แต่กรอกสุรามงคลเข้าปากไม่หยุดยั้งไปทั้งคืนอย่างเดียวดาย ในขณะที่คนรักเก่าของตนเองกำลังชื่นชมคืนวิวาห์แรกกับเจ้าสาวคนงาม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา