27 มิ.ย. 2021 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
#2 The Brain Club : X-File ลัทธิล้างสมองเด็ก
" ผมขอให้เธอเน่าตายอยู่ในนรก "
คำสาปส่งจากปากของนักสืบผู้มีส่วนในการบุกทลายลัทธิโลกาวินาศ ของผู้อ้างตัวว่าเป็นพระเยซูกลับชาติมาเกิดในเวอร์ชันผู้หญิง
ในบทความนี้ ถือเป็นหนึ่งในบทความที่เนื้อหาค่อนข้างยาวมากๆ ผมใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานพอสมควร เพื่อเรียบเรียงข้อมูลให้คุณผู้อ่านได้รับสารครบถ้วน และอ่านง่ายมากที่สุด
The Family คือลัทธิประหลาดในประเทศออสเตรเลีย ที่รับเลี้ยงเด็กทั้งหมด 28 คนแบบผิดกฎหมาย โดยใช้สารเสพติดให้โทษร้ายแรง และทฤษฎีสมคบคิดเรื่องวันสิ้นโลก คอยล้างสมองเด็กมาตลอด 20 ปี
The Family ถูกก่อตั้งในปี 1960 โดยอดีตครูสอนโยคะ " แฮมิลตัน เบิร์น (Hamilton Byrne) " หนึ่งในผู้นำลัทธิเพศหญิงเพียงไม่กี่คนบนโลก และสามีของเธอ
นรกบนดินแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชนบทห่างไกลผู้คน แถวทะเลสาบอีลดอน ในรัฐวิกตอเรีย มีลักษณะคล้ายกับสถานรับเลี้ยงเด็กแบบโฮมสคูล
แฮมิลตันคือผู้หญิงที่มีหน้าตาและบุคลิกดูดี ดวงตาสีเทาอมน้ำเงินของเธอสามารถบังคับให้คนรอบข้างยอมเชื่อฟังและพร้อมจะติดตามเธอ
" เธอมีดวงตาที่สามารถมองทะลุจิตวิญญาณของคุณได้ " ผู้ร่วมลัทธิกล่าว
จากประวัติส่วนตัวระบุว่า แฮมิลตันเติบโตมาในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ส่วนพ่อก็ไม่มีเวลาดูแล ต่อมาเธอก็มีครอบครัวเป็นของตัวเอง
แฮมิลตันเคยแท้งลูกหลายครั้ง นักจิตวิทยาจึงคาดว่ามันอาจกลายเป็นปมด้อย เธอจึงหันมาศึกษาการเล่นโยคะเพื่อบำบัดจิตใจ และยึดเป็นอาชีพหลักไปด้วยในตัว
เธอรับงานเป็นครูสอนโยคะให้ผู้หญิงวัยกลางคน ตามเขตชานเมืองกรุงเมลเบิร์น แฮมิลตันถือเป็นครูโยคะที่เก่งและเป็นที่รักของทุกคน ทำให้บรรดาลูกศิษย์หลายคนกลายเป็นสาวกกลุ่มแรกของเธอ
ก่อนที่ในเวลาต่อมาเธอจะขยายลัทธิให้ใหญ่ขึ้น จากการตามหาจุดอ่อนในใจของเหยื่อแต่ละคน เพื่อครอบงำมาเป็นพวกเธอ โดยเฉพาะหญิงสาวที่ไม่สมหวังในความรัก
นอกจากนี้เธอยังเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มชายรักชาย โดยเสนอจะให้ที่หลบซ่อนตัว จากกฎหมายของประเทศออสเตรเลียในยุคนั้น ที่ยังคงต่อต้านเรื่องการรักร่วมเพศอยู่
เมื่อลัทธิเริ่มขยายอำนาจมากขึ้น เธอยังคงออกตามหาผู้ที่มีอุดมการณ์เหมือนกันในหลากหลายอาชีพเพื่อความมั่นคงของลัทธิ ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล จิตแพทย์ ทนายความ นักสังคมสงเคราะห์ หรือแม้กระทั่งนักฟิสิกส์
แฮมิลตันสร้างทฤษฎีสมคบคิดเรื่องวันสิ้นโลก เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ติดตามมากกว่า 500 คน เชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอคือพระเยซูคริสต์กลับชาติมาเกิด เพื่อลงมาช่วยเหลือผู้ที่ควรค่าแก่การอยู่รอด
เธอจะตามคัดเลือกเด็กที่เฉลียวฉลาด และมีสุขภาพแข็งแรงมาเป็นลูกบุญธรรม
เพราะเมื่อใดก็ตามที่มหันตภัยมืดทำลายโลกสิ้นสุดลง พวกเขาจะเป็นกลุ่มคนยุคใหม่ที่สามารถเอาตัวรอดแล้วขึ้นมายึดครองโลกแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เธอสามารถพูดจูงใจเพื่อหลอกล่อให้บรรดาคุณแม่วัยใสที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีสามีดูแล หรือไม่พร้อมจะเลี้ยงดูลูก เพื่อนำเด็กมารับเลี้ยง
บางครั้งอาจถึงขั้นขโมยเด็กมาจากโรงพยาบาล เด็กบางคนก็เป็นลูกๆ ของผู้ติดตามเอง
เด็กคนแรกเดินทางมาอยู่กับ The Family ในช่วงต้นทศวรรษ 1970
เด็กทุกคนโดนตัดขาดจากโลกภายนอก ถูกปลูกฝังว่าการอยู่กับ The Family นั้นคือเรื่องที่ส่งผลดีต่อตัวพวกเขาทุกคน โดยเด็กทุกคนต้องใส่เสื้อผ้าคล้ายๆ กัน
ถูกย้อมสีผมให้เป็นสีบลอนด์เหมือนกันเกือบทั้งหมด ( มีเด็กบางคนไม่ได้ย้อมสี เพราะต้องการให้สีผมเหมือนกับคนในลัทธิที่แอบอ้างว่าเป็นแม่ )
นอกจากนี้เด็กๆ ยังถูกฝึกให้เล่นโยคะ หมั่นออกกำลังกายอย่างหนักสม่ำเสมอ และต้องเจอกับความอดอยากเนื่องจากร่างกายได้รับสารอาหารไม่เหมาะสมต่อวัยกำลังโต เพราะต้องทานอาหารแบบมังสวิรัติอย่างเคร่งครัดเป็นประจำ
อีกทั้งยังต้องกลายเป็นกระสอบทรายให้แฮมิลตันทุบตีอย่างโหดร้ายเพื่อระบายอารมณ์
ที่เลวร้ายที่สุดคือการถูกบังคับให้ใช้ยานอนหลับตั้งแต่เด็ก และเมื่ออายุถึง 14 ปี ทุกคนจะได้รับสารเสพติดแอลเอสดี (Lysergic acid diethylamide - LSD) ซึ่งเป็นสารเสพติดหลอนประสาทให้โทษรุนแรง ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในยุคฮิปปี้พอดี
แลงคาสเตอร์ (กลาง) กับแฮมิลตัน (ขวา)
อดัม แลงคาสเตอร์ (Adam Lancaster) คือหนึ่งในลูกบุญธรรมของ The Family เขายังคงจำเรื่องราวตลอด 22 ปี ที่ต้องอยู่อาศัยภายในบ้านที่ไม่ต่างจากคุก ร่วมกับผู้ล่วงละเมิดที่เขาเรียกว่า " คุณป้า "
" เธอเป็นเหมือนลูกแก้วคริสตัล เธอใจกว้างและรักพวกเรามากๆ แต่ถ้าหากคุณทำอะไรผิดขึ้นมา เธออาจเอาคุณถึงตายได้ " แลงคาสเตอร์ในวัย 50 ปีกล่าว
เขาถูกหลอกว่าสมาชิกคนหนึ่งในลัทธิเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขาจริงๆ จนกระทั้งความจริงถูกเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าสิ่งที่ลัทธิทำคือเรื่องหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ทั้งหมด
การอยู่ใน The Family สำหรับคุณแลงคาสเตอร์มันเป็นเหมือนนรกบนดินก็จริง แต่พอเขาได้ออกมาใช้ชีวิตภายนอกในวัย 20 ปีต้นๆ เขาก็ตกเป็นทาสของยาเสพติดเรื่อยมาจากสื่งที่เขาเจอในวัยเด็ก
" ตอนผมยังเด็ก พวกเขามักจะฉีดยาเข้าตัวผมเสมอ ผมจึงเลือกที่จะเสพยาเพื่อให้ลืมเรื่องร้ายๆ ที่มันวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา "
แฮมิลตันเดินทางมาศาลเคาน์ตี้เมลเบิร์น ในปี 1993
The Family ดำเนินกิจการมานานกว่า 20 ปี จนกระทั่งในปี 1987 มีเด็กสองคนสามารถหลบหนีออกจากลัทธิได้สำเร็จ ทั้งสองได้ไปแจ้งความกับตำรวจถึงความโหดร้ายที่พวกเขาต้องพบเจอ
ภายในวันนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบุกทลายรังของ The Family พวกเขาไม่พบแม้แต่เงาแฮมิลตัน เพราะเธอหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปก่อนหน้านั้นแล้ว ปล่อยลัทธิของตัวเองทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่ใยดีแม้แต่น้อย
เจอเพียงสมาชิกคนอื่นของลัทธิ หลายคนถูกจับกุมตัว แต่ก็มีหลายคนฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด มีสมาชิกบางคนที่ทางตำรวจเล็งเห็นว่าเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกลวงเช่นกัน และยังไม่ได้กระทำผิดร้ายแรงมากนัก จึงยอมปล่อยให้ออกจากพื้นที่ไป เด็กทุกคนถูกนำตัวไปรักษา และคุ้มครองความปลอดภัย
แฮมิลตันใช้เงินที่สะสมมาตลอดจากทรัพย์สินที่ดิน และเงินบริจาคของผู้ติดตามจำนวน 150 ล้านเหรียญออสเตรเลีย ( 90 ล้านปอนด์) เพื่อใช้เป็นทุนสำหรับการหนีไปซ่อนตัวในต่างประเทศเงียบๆ
เธอสามารถหลบหนีการจับกุมได้นานหกปี จนกระทั่งปี 1993 เจ้าหน้าตำรวจนำโดยนักสืบเล็กซ์ เดอ ม็อง (Lex de Man) สามารถตามจับตัวแฮมิลตันได้ที่ตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก จากความช่วยเหลือของ FBI
ความผิดทั้งหมดของแฮมิลตันดูเหมือนโทษของเธอจะร้ายแรงใช่ไหมครับ แต่ในความจริงเธอถูกปรับเพียง 5,000 ดอลลาร์ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารการรับเลี้ยงเด็กสามคน และไม่เคยนอนคุกเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ถึงแม้กระบวนการยุติธรรมจะไม่ได้เอาผิดสถานหนักในแบบที่เธอสมควรได้รับ แต่ผลกรรมที่เธอก่อขึ้นก็ได้ทำหน้าที่ของมัน เพราะเธอต้องต่อสู้กับโรคภาวะสมองเสื่อมขั้นรุนแรงที่บ้านพักคนชราในกรุงเมลเบิร์นน ก่อนจะเสียในปี 2020 ที่ผ่านมา ด้วยวัย 98 ปี
" เธอไม่ได้หลังน้ำตาด้วยซ้ำ วันนี้สำหรับผมคือวันที่ดีมากๆ เพราะหนึ่งในบุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดของวิกตอเรีย ไม่ได้หายใจเอาอากาศแบบเดียวกับที่ผมหายใจอีกต่อไป แต่ผมเสียใจที่เธอไม่ได้รับโทษมากกว่านี้ " นักสืบที่จับกุมแฮมิลตันกล่าว
ส่วนคุณแลงคาสเตอร์ผู้ตกเป็นเหยื่อ ก็เคยเดินทางไปเยี่ยมแฮมิลตันเป็นครั้งสุดท้ายที่บ้านพักคนชรา ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ทำลายชีวิตของเขาและเพื่อนๆ ก็ตาม
ถือเป็นหนึ่งในลัทธิที่มีจุดเชื่อมโยงคล้ายลัทธิอื่นๆ นะครับ เหมือนที่คุณผู้อ่านอาจเคยผ่านตามากันมาบ้างแล้ว
ในแง่ของการหลอกลวงเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัว ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนบริสุทธิ์หลายคนที่ต้องมารับกรรมที่พวกเขาไม่ได้ก่อขึ้นไปตลอดชีวิต
เรียบเรียงโดย : สโมสรสมอง
ที่มา
โฆษณา