22 มิ.ย. 2021 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
แหลมทองสหการ เจ้าของ ไส้กรอกแดงในตำนาน
ย้อนกลับไปในสมัยเรียน นอกจากเรื่องเรียนแล้ว เราจะนึกถึงอะไร ?
ก็คงไม่พ้นช่วงเวลาที่มีความสุขกับเพื่อน ๆ หรือของกินหน้าโรงเรียนที่มีให้เลือกซื้อมากมาย
ซึ่งสำหรับของกินหน้าโรงเรียน
หนึ่งในร้านขายของกิน ที่แทบจะมีอยู่ทุกโรงเรียนของไทย ก็คือ ร้านลูกชิ้นทอด
และหนึ่งในเมนูยอดฮิตของร้าน ก็ไม่พ้น “ไส้กรอกแดงทอด” ที่กรอบนอกนุ่มใน ราดน้ำจิ้มสูตรเข้มข้น
รู้หรือไม่ว่า หนึ่งในแบรนด์ไส้กรอกแดงในตำนาน ที่คุ้นเคยและอยู่ในความทรงจำของเรานี้
คือ ไส้กรอกแดง ตราแหลมทอง
ที่มีเจ้าของคือ กลุ่มบริษัทแหลมทองสหการ
แล้วบริษัทนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร และทำธุรกิจอะไรบ้าง ?
ย้อนกลับไปเมื่อ 71 ปีก่อน..
กลุ่มบริษัทแหลมทองสหการ ได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้น เพื่อทำธุรกิจส่งออกพืชผลทางการเกษตร
จากนั้นกิจการก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ขยายไลน์ธุรกิจมาผลิตกระสอบปอ ที่เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับผลผลิตทางการเกษตร
และต่อมาทางแหลมทองสหการ ก็ได้ริเริ่มการผลิตแป้งสาลี ในปี พ.ศ. 2512
และพัฒนากระบวนการผลิตมาเรื่อย ๆ จนสามารถก่อตั้งเป็นโรงงานผลิตแป้งสาลี ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทแหลมทอง ประกอบธุรกิจหลัก ๆ อยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ
กลุ่มที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร และไม่ใช่อาหาร
มาเริ่มกันที่กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งเป็นรายได้หลักของทางแหลมทองสหการ
โดยธุรกิจกลุ่มนี้ จะประกอบด้วย
- ปศุสัตว์และอาหารสัตว์ ที่มีตั้งแต่ ฟาร์มไก่ปู่ย่าพันธุ์, ฟาร์มไก่พ่อแม่พันธุ์, ฟาร์มไก่เนื้อ, ฟาร์มไก่ไข่, ฟาร์มสุกรพันธุ์ และสุกรขุน
โรงงานผลิตอาหารสัตว์ทั้ง สัตว์ปีก, สัตว์บก และสัตว์น้ำ
- แป้งสาลี
เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีที่มีคุณภาพสูงจากสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และออสเตรเลีย นำมาผลิตเป็น แป้งเค้ก, แป้งซาลาเปา, แป้งบะหมี่, แป้งปาท่องโก๋, แป้งพิซซา และแป้งอเนกประสงค์
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ
- กลุ่มธุรกิจไก่สด ไก่ปรุงสุก และไข่ไก่
ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไก่และเนื้อไก่ ของแหลมทองสหการ เป็นการผลิตแบบครบวงจร
ที่เริ่มตั้งแต่ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์, โรงฟัก, ฟาร์มไก่, โรงชำแหละ
ในขณะที่ไข่ไก่ ก็เป็นการผลิตแบบครบวงจรเช่นกัน ที่เริ่มต้นตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ไก่ไข่
2
- อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก, โบโลนญา, ลูกชิ้น และไก่ยอ
ซึ่งไส้กรอกแดงในตำนานที่เรารู้จักกันดี ก็อยู่ในกลุ่มนี้
โดยทางแหลมทองสหการ เป็นผู้ผลิตไส้กรอกไก่รายแรกของประเทศไทย ที่ใช้เนื้อไก่ล้วนถึง 70% และมีสัดส่วนของแป้งไม่ถึง 10% รวมไปถึงการไม่ใส่สารบอแรกซ์
ทำการปรุงรสและผ่านกรรมวิธีรมควัน ด้วยไม้บีชจากเยอรมนี ซึ่งให้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
การใส่ใจด้านคุณภาพในส่วนนี้เอง ที่ทำให้ไส้กรอกแดงของแหลมทอง กลายเป็นตำนานในเรื่องของไส้กรอก
- นมพร้อมดื่ม
หลังจากประสบความสำเร็จด้านการผลิตอาหารแปรรูป ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์นม ภายใต้แบรนด์คันทรีเฟรช
ซึ่งนำวัตถุดิบน้ำนมดิบทั้งหมด มาจากเกษตรกรไทย
และยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตนมพาสเจอไรซ์และนมยูเอชที
ในโครงการนมโรงเรียนของรัฐบาล มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจที่สอง ก็คือ กลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่อาหาร ประกอบด้วย
- บรรจุภัณฑ์
อีกหนึ่งธุรกิจหลักของบริษัท ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506
จากการนำพืชปอ มาผลิตกระสอบสำหรับบรรจุภัณฑ์ทางการเกษตร
จากนั้นก็ขยายมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ทางพลาสติก ที่ใช้บรรจุข้าว, แป้ง, ปุ๋ย
รวมไปถึงบรรจุผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ เช่น เมล็ดพันธุ์ และประเภทบรรจุเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ
- อสังหาริมทรัพย์
ได้แก่ อาคารสำนักงานให้เช่า, ท่าเทียบเรือและคลังสินค้าให้เช่า
- กิจการพลังงานทดแทน
ซึ่งเป็นการผลิตแก๊สชีวภาพและไฟฟ้า จากมูลสัตว์จากฟาร์มสัตว์
และการผลิตแก๊สชีวภาพและไฟฟ้า จากของเสียในโรงงาน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า กลุ่มบริษัทแหลมทอง ประกอบธุรกิจที่หลากหลายมาก
แล้วแหลมทองทำอย่างไร ที่ทำให้แบรนด์ไส้กรอกของตัวเอง
ซึ่งเป็นเพียงสินค้าหนึ่งในหมวดอาหารแปรรูป โด่งดังขึ้นมาได้ ?
1
อันดับแรกเลยก็คือ คุณภาพสินค้า อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า
แหลมทองสหการ เป็นผู้ผลิตไส้กรอกไก่รายแรกของประเทศไทย ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อไก่ ไม่ใส่สารบอแรกซ์
ซึ่งเมื่อสินค้ามีคุณภาพดีแล้ว ก็ทำให้ผู้บริโภคติดใจได้ไม่ยาก
แต่การผลิตสินค้าคุณภาพดีอย่างเดียว ก็คงอาจไม่เพียงพอ ในยุคสมัยปัจจุบัน
เพราะการสื่อสารกับผู้บริโภค ก็เป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้คนอื่น ๆ รับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์
โดยทางแหลมทองได้สร้าง Facebook Page ขึ้นมา เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค
ผ่านการออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ ให้ผู้บริโภคได้เกิดความเข้าใจ และรู้จักในไส้กรอกแดงของทางแบรนด์มากขึ้น นั่นเอง
ทีนี้เราลองมาดูผลประกอบการของ บริษัท แหลมทองสหการ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
(บริษัท แหลมทองสหการ เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มบริษัทแหลมทองสหการ จึงอาจมีรายได้จากบริษัทในเครืออีก)
ปี 2562 รายได้ 6,357 ล้านบาท กำไร 539 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 6,096 ล้านบาท กำไร 510 ล้านบาท
ก็เป็นที่น่าสนใจว่า การพัฒนาความรู้และหาช่องทางต่อยอด และแตกไลน์ธุรกิจอยู่เสมอ
จะทำให้บริษัทที่มีจุดเริ่มต้นการส่งออกสินค้าเกษตร เมื่อ 70 กว่าปีก่อน
กลายมาเป็นบริษัทที่แทบจะครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
และมีแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน
1
แถมหนึ่งในแบรนด์นั้น ยังเป็นไส้กรอกทอดในตำนาน ที่เราอาจเคยกินในตอนเด็ก ๆ หน้าโรงเรียน
ซึ่งถ้าได้มีโอกาสกินอีกครั้ง ก็อาจทำให้เรา นึกถึงเรื่องราวกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน อันแสนสนุกในวันวาน..
โฆษณา