วิเคราะห์กัญชงอย่างละเอียด โอกาสอยู่ตรงไหน ลงทุนอย่างไร
เมื่อพูดถึงกัญชงและกัญชาแล้ว เพื่อนๆหลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่าทำไมพืชตระกูลนี้ถึงมีกระแสตอบรับที่ดีสุดๆแถมยังเป็นข่าวที่ใครหลายๆคนจับตามองอีกด้วยกันใช่ไหมล่ะ ?
ซึ่งในวันนี้พวกเรา หุ้นพอร์ทระเบิด จึงอยากจะมาอธิบายว่าทำไม รวมไปถีงการวิเคราะห์ธุรกิจใน Supply chain ของพืชอย่างกัญชง & กัญชา มาให้เพื่อนๆได้ฟังกัน จะได้ไม่ตกเทรนด์
เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ
กัญชง กัญชา มีสารอะไร ? แตกต่างกันยังไง ? และน่าสนใจแค่ไหนในแง่ของการลงทุน
โดยสาเหตุที่ทำให้ กัญชง & กัญชา กลายมาเป็นพืชที่ได้รับการยอมรับในโลกยุคใหม่นั้นก็คือ “สรรพคุณทางการแพทย์” ของพืชทั้งสองนั่นเองครับ ซึ่งจริงๆแล้วประโยชน์ทางด้านการใช้เพื่อผ่อนคลายก็มีเช่นกันแต่น่าจะยังไม่ใช่กับที่ประเทศชองเราในเร็วๆนี้
หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่า ต้นกัญชงก็คือกัญชา แต่ความจริงแล้วต้นกัญชงแค่มีลักษณะคล้ายคลึงกับต้นกัญชาในด้านลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นอย่างมาก แต่ถ้าเอาตามกฎหมายแล้ว ตัวชี้ที่จะใช้วัดว่าพืชชนิดนี้เป็นกัญชงหรือกัญชานั้นก็คือความเข้มข้นของสาร THC (Tetrahydrocannabinol) นั่นเอง
ซึ่งเกณฑ์การแบ่งแยกระหว่างกัญชาและกัญชงทางกฎหมายแบบง่ายๆที่ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ใช้พิจารณาก็คือการวัดระดับค่า THC ที่ต้องมีไม่เกิน 1% ต่อน้ำหนักแห้งและไม่เกิน 0.2% ในรูปสารสกัด ถ้าหากสูงกว่านี้จะถูกจัดให้อยู่ในหมวดของกัญชา
ก็เพราะว่าส่วนประกอบหลักใน “กัญชง” มีชื่อว่า CBD ซึ่งจะเป็นสารที่นำไปใช้ประโยชน์และมีสรรพคุณทางการแพทย์มากกว่า THC แต่สำหรับ “กัญชา” นั้นจะประกอบไปด้วยสาร THC ที่ออกฤทธิ์ไปทางมึนเมาและเหมาะกับการใช้เพื่อสันทนาการมากกว่า
โครงสร้างอุตสาหกรรม
ประกอบไปด้วยกลุ่มผู้ทำธุรกิจต้นน้ำ, กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยกลุ่มต้นน้ำก็คือกลุ่มผู้ปลูกที่น่าจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการสร้างโรงเรือน & ปลูก เพื่อผลผลิตที่ตรงตามความต้องการของการใช้งาน รวมไปถึงยังต้องรายงานทุกอย่างกับ อย. ด้วยว่าจะนำเข้าเมล็ดมาจากใคร จำนวนเท่าไหร่ ปลูกที่ไหน และขายให้ใคร
ต่อมาเป็นกลุ่มกลางน้ำซึ่งก็คือ โรงงานสกัด ที่จะสามารถนำเอาสารออกมาจากตัวกัญชงได้ และถือว่าเป็นกลุ่มที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเช่นเดียวกันกับกลุ่มต้นน้ำเพราะกัญชงยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้นผู้ที่มีฐานลูกค้า & ความรู้อยู่แล้วจะเป็นผู้ได้เปรียบ
สุดท้ายเป็นกลุ่มผู้ทำธุรกิจปลายน้ำซึ่งก็คือผู้ที่นำเอาสารสกัดต่างๆจากกัญชงมาผสมกับผลิตภัณฑ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นหมวดการแพทย์เช่นยา, คลีนิค และสมุนไพร หรือจะเป็นหมวดอาหารเช่น เช่น Functional drink, ผสมกาแฟ และอาหารสัตว์
ส่วนอาหารคาดน่าจะเป็นการใช้น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดมาผสมลงไปมากกว่าเนื่องจากมีคุณค่าทางอาหาร ส่วนหมวดเครื่องสำอางก็ดูน่าสนใจเพราะสารสกัดจากเมล็ดกัญชงมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ & ทำให้ผิวชุ่มชื้น และสุดท้ายคือหมวดอาหารเสริมนั่นเอง
ภาพรวมตลาด
สำหรับภาพรวมตลาดในตอนนี้ก็ต้องยอมรับเลยว่ากลุ่มผู้ทำธุรกิจเครื่องดื่มนั้นเป็นคนแรกๆในการเข้ามาเล่นกับกระแสของกัญชงเลยก็ว่าได้แต่ก็ต้องคอยดูกันต่อไปยาวๆอีกที และคาดว่ากลุ่มที่มีความยั่งยืนนั้นน่าจะเป็นกลุ่มการแพทย์, เครื่องสำอาง และอาหารเสริม
ทำให้ในช่วงนี้หุ้นกลุ่มกลางน้ำมีความน่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากว่าการตั้งโรงงานสกัดสารนั้นเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีและ R&D ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจกลางน้ำมีคู่แข่งน้อย และคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่เริ่มรับรู้รายได้ก่อน
ต่อมาเป็นกลุ่มปลายน้ำซึ่งต้องคอยติดตามดูว่าสินค้าของพวกเขาจะดีจริงหรือไม่ ? แบรนด์ติดตลาดไหม ? อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้น สุดท้ายเป็นกลุ่มต้นน้ำเพราะถือว่ามีความยากน้อยที่สุดจากทั้ง 3 กลุ่ม ดังนั้นโอกาสในการเกิดคู่แข่งใหม่ก็มีง่ายกว่า
และก็เชื่อเหลือเกินครับว่า “กัญชง” จะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าหากเราลองแบ่ง Market share จากกลุ่มเครื่องดื่ม & เครื่องสำอางมากลุ่มละ 5% ก็คาดว่าตลาดสินค้ากัญชงน่าจะมีมูลค่าสูงถึงราวๆ 10,000 ล้านบาทแล้ว
สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตามอง
ในสถานการณ์ที่ข่าวเยอะแยะแบบนี้ แถมใครๆก็นำกัญชงเอาไปเล่นเป็นกระแสเพื่ออัพราคาหุ้นกันมากมาย ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนควรทำก็คือการวิเคราะห์ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับกัญชง & กัญชา ว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทมากแค่ไหนหากเทียบกับธุรกิจหลักหรือธุรกิจเดิม ? จึงจะสามารถรู้ได้ว่าหุ้นตัวนั้นๆจะมี Upside ได้มากแค่ไหนจากธุรกิจนี้
รวมไปถึงติดตามการผลักดันจาก “ภาครัฐ” อย่างวิสัยทัศน์และนโยบายต่างๆด้วย ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะประเทศไทยเรามีข้อได้เปรียบต่างประเทศทั้งเรื่องอาหาร & เครื่องดื่ม, การท่องเที่ยว และการแพทย์อยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสใหม่ๆในความได้เปรียบเดิมของประเทศเรา
ส่วนความเสี่ยงของธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชงในตอนนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องการควบคุมคุณภาพให้เหมาะสมและได้มาตรฐานอยู่เสมอ และสำหรับของรัฐนั้นก็คงจะเป็นเรื่องควบคุมพฤติกรรมการใช้ การปลูกของประชาชนให้ถูกต้องกันต่อไป
เป็นยังไงกันบ้างครับกับข้อมูลการลงทุนในธีมใหม่ๆอย่าง “ธีมสายเขียว” ที่พวกเรา หุ้นพอร์ทระเบิด ได้นำมาฝากเพื่อนๆกันในวันนี้ หวังว่าจะทำให้ใครหลายคนที่สนใจแต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องดูอะไรบ้างหายสงสัยไปได้ดีในระดับนึงแล้ว
สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ...
สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้การปั้นพอร์ทให้โตระเบิดไปกับเรา
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
