23 มิ.ย. 2021 เวลา 03:36 • ไลฟ์สไตล์
สำนึกบุญคุณ หมายถึงการจดจำไว้ไม่ลืม
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่แกล้งลืมว่า
ใครเคยให้ความช่วยเหลืออะไรคุณไว้บ้าง
วิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ลืมบุญคุณคนก็คือ
หมั่นระลึกถึงเสมอ ๆ อาจจะด้วยการนำรูปบุคคลที่มีพระคุณสูงสุดมาแขวนไว้ในจุดเห็นง่าย และกราบไหว้อยู่เนือง ๆ
การกราบไหว้เปล่า ๆ กับการกราบไหว้ด้วยความระลึกถึงบุญคุณนั้นแตกต่างกันมาก ด้วยการระลึกถึงพระคุณท่าน
คุณจะรู้สึกถึงความอ่อนน้อมเคารพ ความจดจำที่ลึกซึ้ง
และความเป็นมงคลอันอบอุ่น
นี่แหละอาการทางใจที่สะท้อนความรู้สึก ‘สำนึกคุณ’
ขอให้ลองคิดดูว่าใครน่าให้ช่วยมากกว่ากัน
ระหว่างพวกที่ตั้งหน้าตั้งตามาเอาท่าเดียว
พร้อมจะลืมว่าได้อะไรมาจากใคร
กับพวกที่สำนึกคุณคนเป็น จดจำบุญคุณคนได้
การสำนึกบุญคุณนั้น ไม่ว่าจะด้วยการระลึกขึ้นมาเฉย ๆ
หรือการหมั่น กราบไหว้รูปเคารพ จะทำให้ตัวตนของคุณเล็กลง เพราะตระหนักว่าที่โตขึ้นมา ได้ หรือดีขึ้นมาได้
ย่อมไม่ใช่จากตัวเองโดด ๆ อย่างน้อยต้องมีการให้ความช่วยเหลือค้ำจุนจากผู้อื่นเสมอ
คนสำนึกบุญคุณเก่ง ๆ จะไม่ลืมตัวง่าย ๆ
และนั่นก็หมายความว่าจะตกต่ำลงยากด้วย
เหตุใดจึงควรกล่าวว่าเพียงด้วยการจดจำและสำนึกบุญคุณคน ถือ เป็นการใช้หนี้บุญคุณบ้างแล้ว?
คำตอบคือคุณทำให้จิตอันเป็นกุศลสว่างเกิดขึ้น
เหมือนแผ่ความสุขไปให้ผู้มีพระคุณแล้ว
ขอให้ลองนึกในทางกลับกันว่า
ถ้าพบคนที่คุณเคยให้ความช่วยเหลือ แล้วเขามองคุณด้วยสายตาเคารพ ยิ้มแบบระลึกได้ว่าคุณเป็นผู้มีบุญคุณ
แน่นอนคุณต้องรู้สึกอิ่มใจได้บ้าง
การหมั่นระลึกถึงและตอบแทนบุญคุณคน
จะเป็นภูมิคุ้มกันโรคเนรคุณ
ถ้าไม่หมั่นระลึกถึงบุญคุณคนแล้ว
ในที่สุดจิตมักลืมอย่างสนิทว่าติดหนี้ใครอยู่บ้าง
นั่นเป็นธรรมชาติของจิตที่เมื่อไม่เข้าข้างสว่างก็ย่อมยืนอยู่ข้างมืด
ความมืดคือโมหะที่เข้าครอบงำ เมื่อถูกครอบงำด้วยการลืมบุญคุณหนักเข้า ก็มีสิทธิ์ยกชั้นขึ้นเป็นการเนรคุณในที่สุด
แค่เพียงกรรมที่ลืมบุญคุณคนก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจช่วยเหลือในยามลำบาก
แต่หากถึงขั้นเนรคุณได้ ก็จะต้องโดนโทษหนัก
ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหนก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน!
#ดังตฤณ
โฆษณา