9 ส.ค. 2021 เวลา 00:00 • ดนตรี เพลง
เพลงแด่หญิงที่รัก
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
1
พีท เทาน์เซนด์ แห่งวงดนตรี The Who พบหญิงสาวคนหนึ่งแล้วชอบ เธอเป็นนักแสดงชื่อ เทรีซา รัสเซล เธอไม่สนใจเขา
เช่นเดียวกับนักแต่งเพลงจำนวนมาก เมื่อไม่สมหวัง เขาก็เข้าหาดนตรี แล้วแต่งเพลงเกี่ยวกับเธอ
เป็นที่มาของเพลง Athena เดิมทีตั้งชื่อว่า Theresa แต่เขาเปลี่ยนเป็น Athena หลังจากเห็นว่าเธอไม่สนใจเขาแน่
1
Oh Sherrie เพลงรักหวาน ๆ โดย สตีฟ แพร์รี ก็เกิดจากอาการไม่สมหวังในรัก สตีฟเป็นนักร้องที่สร้างผลงานมายาวนานหลายสิบปี จุดกำเนิดของเพลงนี้ก็คือหญิงที่เขาหลงรัก เธอชื่อ เชอร์รี สวอฟฟอร์ด ความรักกลายเป็นความไม่สมหวัง มันอาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาไม่เคยแต่งงานเลยในชีวิต
1
“You should’ve been gone
Knowing how I made you feel
And I should’ve been gone
After all your words of steel.”
Athena โดย The Who
สำหรับคนธรรมดาทั่วไป เจอเหตุหญิงสาวเมิน ก็คงหลบไปเลียแผลใจที่ไหนสักแห่ง แต่คนที่มีหัวดนตรีก็แต่งเป็นเพลง ระบายอารมณ์และขายเป็นเงินได้!
เพลงฝรั่งจำนวนมากเกี่ยวกับผู้หญิงได้รับแรงบันดาลใจจากบุคคลจริง
นักแต่งเพลงหลายคนสร้างสรรค์เพลงเพื่อภรรยา (ทั้งเก่าและปัจจุบัน) โรแมนติกเหลือประมาณ ยกตัวอย่าง เช่น เพลงรักหวาน ๆ ไพเราะ She’s Always a Woman ของ บิลลี โจเอล
“Then she’ll carelessly cut you and laugh while you’re bleeding.”
แน่ละ ใคร ๆ ก็อยากรู้ว่า ‘she’ ในบทเพลงคือใคร คำตอบคือภรรยาเก่าของเขานั่นเอง อลิซาเบธ เวเบอร์ สมอลล์
She’s Always a Woman โดย บิลลี โจเอล
แล้วผู้หญิงชุดแดงในเพลง Lady in Red ของ คริส เดอ เบิร์ก คือใคร? ก็คือภรรยาของเขา ไดแอน เดวิสัน เนื้อเพลงบรรยายฉากพบกันครั้งแรกของคนทั้งสอง
นีล ไดมอนด์ นักร้องชาวอเมริกันแต่งเพลงรักชื่อ Sweet Caroline เป็นเพลงฮิตในปี 1969
เพลงหวาน ๆ สมชื่อนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่าแคโรไลน์ในเพลงคือใคร สื่อในตอนต้นรายงานว่า คือ แคโรไลน์ เคนเนดี บุตรสาวของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี แคโรไลน์ปรากฏบนหน้าปกนิตยสาร Life ฉบับ 7 กันยายน 1962 ‘The Fun of Being Caroline Kennedy’ และก่อนหน้านั้นครั้งที่เธอยังเป็นทารก
แต่ชาวโลกคิดมากไป! นีล ไดมอนด์ เผยเองภายหลังว่า แคโรไลน์คือภรรยาเก่าของเขา มาร์ชา แต่ชื่อนี้ไม่ลงตัวกับตัวโน้ต จึงเปลี่ยนเป็นแคโรไลน์
1
สองตำนานแห่งวงดนตรี The Beatles ก็แต่งเพลงให้หญิงที่รัก พอล แม็คคาร์ทนีย์ แต่งเพลง Maybe I’m Amazed ให้ลินดา ภรรยาผู้ยืนหยัดเคียงข้างเขา
ส่วน จอห์น เลนนอน แต่งเพลง Woman ไม่นานก่อนเขาถูกยิงตาย แด่ภรรยาสุดที่รัก โยโกะ
Sweet Caroline โดย นีล ไดมอนด์
บ็อบ ดิแลน ก็แต่งเพลงรักที่จุดประกายจากคนรัก คือเพลง It Ain’t Me, Babe ต้นกำเนิดคือคนรักเก่าชื่อ ซูซี โรโตโล
1
มิก แจคเกอร์ แห่ง The Rolling Stones หลงรักสตรีนามมาชา ฮันท์ เป็นที่มาของเพลง Brown Sugar
Suite: Judy Blue Eyes โดยวง Crosby, Stills and Nash เป็นเพลงหลายท่อน แต่งโดย สตีเฟน สติลล์ส จุดประกายมาจากแฟนของเขา หญิงสาวที่มีนัยน์ตาที่น้ำเงินที่สวยงามที่สุดนาม จูดี คอลลินส์ แต่น่าเสียดายที่เพลงนี้ก็ไม่อาจช่วยชีวิตรักของทั้งสองได้
เออร์วิง เบอร์ลิน นักแต่งเพลงระดับตำนานชาวอเมริกัน ผู้สร้างสรรค์หลายร้อยบทเพลง เพลงดัง ๆ เช่น White Christmas, Happy Holiday, God Bless America ฯลฯ ก็แต่งเพลงให้ภรรยาทั้งสองคน
ภรรยาคนแรกของเขาวัยยี่สิบนาม โดโรธี เก็ตซ์ แต่งงานไม่ถึงปี เธอก็เสียชีวิตด้วยไทฟอยด์ เขาระบายความเศร้าโศกเป็นเพลง When I Lost You
หลายปีต่อมา เขาหลงรักหญิงสาวนาม เอลลิน แม็คเคย์ ผู้มีอายุน้อยกว่าเขาสิบหกปี บิดาหญิงสาวไม่อนุญาตเพราะความแตกต่างทางศาสนา เขาเป็นยิว ครอบครัวเธอเป็นแคทอลิก ทั้งสองก็แอบแต่งงานกัน เขาแต่งเพลงชื่อ Always เป็นของขวัญวันแต่งงานให้ภรรยา ทั้งสองครองคู่กันนาน 63 ปี
สมชื่อ Always จริง ๆ
บางครั้งนักดนตรีก็แต่งเพลงให้ผู้หญิงของคนอื่น
เคยได้ยินเพลง American Pie ของ ดอน แม็คลีน ไหม? เพลงนี้ฮิตมากและต้องตีความมากพอสมควร ท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงว่า
1
“I can’t remember if I cried
When I read about his widowed bride
Something touched me deep inside
The day the music died”
6
วลี The day the music died (วันที่ดนตรีสิ้นใจ) มาจากเหตุการณ์วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1959 เครื่องบินลำหนึ่งที่บรรทุกนักดนตรีชื่อดังตก นักดนตรีทั้งหมดเสียชีวิตพร้อมกัน ได้แก่ บัดดี ฮอลลี ริตชี เวเลนส์ และ เดอะ บิ๊ก บอปเปอร์
1
บัดดี ฮอลลี แต่งเพลงรักที่ได้แรงบันดาลใจจากหญิงคนหนึ่ง ชื่อเพลง Peggy Sue ตั้งชื่อตาม Peggy Sue Gerron เป็กกีเป็นคนรักของมือกลอง เจอร์รี แอลลิสัน
เพลงนี้แต่งร่วมกับ เจอร์รี แอลลิสัน และ นอร์แมน เพ็ตตี
1
หลังจากเป็กกีแต่งงานกับเจอร์รี เขาก็แต่งอีกเพลงหนึ่งชื่อ Peggy Sue Got Married ต่อมาเพลงนี้ถูกใช้ประกอบหนังเรื่อง Peggy Sue Got Married กำกับโดย ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา
นักร้องอีกคนหนึ่งที่ตายในวันนั้นคือ ริตชี เวเลนส์ อายุสิบเจ็ด เจ้าของเพลงดัง La Bamba เครื่องบินตกดับอนาคตที่สดใสในทันใด เขาแต่งเพลงรักน่าจดจำคือ Donna เกิดจากหญิงคนที่เขารักมาตั้งแต่สมัยมัธยม ดอนนา ลุดวิก
นักร้องชาวแคนาดา เลนเนิร์ด โคเฮน มีความรักหลายหน และจุดประกายให้เกิดเพลง ช่วงหนึ่งเขาอยู่กินกับหญิงสาวนาม Marianne Ihlen เป็นต้นกำเนิดเพลง So Long, Marianne
American Pie โดย ดอน แม็คลีน
อีกครั้งหนึ่งเขาหลงรัก ซูแซน เวอร์ดัล ภรรยาเก่าของเพื่อน และแต่งเพลงเป็นอนุสรณ์ชื่อ Suzanne
ความรักของหนุ่มสาววัยรุ่นก็เป็นแรงบันดาลใจให้นักแต่งเพลงหลายคน
สองนักดนตรีในตำนานของอเมริกา นีล เซดากา กับ แครอล คิง เคยเดทกันสมัยมัธยม เขาแต่งเพลง Oh! Carol แด่เธอ
แครอล คิง เป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงที่มีชื่อ แต่งเพลงกว่าร้อย ติดชาร์ตเพลงดังตลอดหลายสิบปี
หลังจากเพลงนี้ออกอากาศ แครอล คิง ก็แต่งเพลงชื่อ Oh! Neil ให้
Oh! Carol กับ Oh! Neil
บางครั้งเพลงรักที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้หญิง ก็ไม่ได้เกิดจากความผิดหวัง เพียงรู้สึกมีไฟฟ้าแปลบปลาบในหัวใจเมื่อพบหญิงสาวบางคนเดินผ่าน (ใครล่ะจะไม่เป็น?)
ในปี 1962 หญิงสาวคนหนึ่งสวมบิกินีเดินไปบนหาดทรายแถวอิพานีมาในเมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เธอไปเดินที่หาดทรายทุกวัน เธอสวยมีเสน่ห์จนสายตาทุกคู่มองที่เธอ รวมทั้งนักแต่งเพลงสองคน
เธออายุสิบเจ็ด ชื่อ เอโลอิซา (ชื่อเต็ม Heloísa Eneida Paes Pinto Mendes Pinheiro)
กลายเป็นจุดกำเนิดของเพลงชื่อ The Girl from Ipanema
เพลงนี้ฮิตไปทั่วโลก และได้รับรางวัลแกรมมี
หลังจากที่เพลงนี้ดัง เอโลอิซาก็กลายเป็นนางแบบมีชื่อ เธอเป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า Helô Pinheiro ภายหลังเธอเปิดร้านขายบิกินีที่เซาเปาโล และยังปรากฏตัวในนิตยสารเพลย์บอย
The Girl from Ipanema
ส่วนมากแต่งเพลงให้ผู้หญิงที่ตนรู้จัก หรือเดินผ่าน หรือหลงรัก แต่บางครั้งก็มีคนแต่งเพลงให้ผู้หญิงที่จากโลกไปนานแล้ว
เราแต่งเพลงให้หญิงสาวในอดีต ผู้ล่วงลับไปแล้วได้หรือ? แน่นอนย่อมได้ ผู้หญิงบางคนอยู่เหนือกาลเวลา
และหญิงสาวที่ยังอยู่ในห้วงฝันของคนจำนวนมากนานหลังจากเธอจากโลกก็คือ มาริลิน มอนโร
นักแต่งเพลง โจ เอลเลียต อายุสามขวบเมื่อมาริลินตาย เขาแต่งเพลงเกี่ยวกับเธอ กลายเป็นเพลงชื่อ Photograph โดยวง Def Leppard ในปี 1983
“All I’ve got is your photograph
But it’s not enough.”
ผู้หญิงบางคนมีผู้ชายแต่งเพลงให้มากกว่าหนึ่งเพลง เช่น แจเนต ริกสบี จุดประกายให้ แวน มอร์ริสัน แต่งเพลงให้ถึงสองเพลงคือ Crazy Love กับ Tupelo Honey
ทั้งสองครองคู่กันช่วงหนึ่ง และท้ายที่สุดสองเพลงก็เอาไม่อยู่ เลิกกันในปี 1973
นักร้อง แคท สตีเวนส์ ก็แต่งหลายเพลงให้คนรัก แพตตี ดาร์เบนวิลล์ สองเพลงที่ขึ้นชื่อคือ Wild World กับ Patti D’Arbanville
1
ผู้หญิงที่ได้รับเพลงเป็นของขวัญมากที่สุดน่าจะคือนักแสดงสาว เจน แอชเชอร์ คนรักคนแรก ๆ ของ พอล แม็คคาร์ทนีย์
พอลพบเจนครั้งแรกเมื่อเธออายุสิบเจ็ด มาสัมภาษณ์เขาในวันที่ 18 เมษายน 1963 ไฟรักถูกจุดติดในฉับพลัน
1
พอลแต่งเพลงให้เธออย่างน้อยห้าเพลง ได้แก่เพลง And I Love Her (เครดิตร่วมกับ จอห์น เลนนอน), You Won’t See Me, I’m Looking Through You, Here, There and Everywhere และ We Can Work It Out
ทั้งสองไม่ได้ ‘work it out’ ตามชื่อเพลงสุดท้าย ความสัมพันธ์ห้าปีของทั้งสองไปไม่รอดเมื่อวันหนึ่งเธอกลับบ้านมาเร็วกว่ากำหนด แล้วพบพอลบนเตียงกับสาวอเมริกันคนหนึ่ง
วงแตก!
ในบรรดาหญิงผู้จุดประกายทั้งหลาย น่าจะมีเพียงคนเดียวที่มีนักดนตรีชื่อก้องโลกสองคนหลงรักและแต่งเพลงให้
คนหนึ่งคือ จอร์จ แฮร์ริสัน อีกคนหนึ่งคือ เอริค แคลปตัน
ผู้หญิงคนนี้คือ แพตตี บอยด์
จอร์จ แฮร์ริสัน แต่งเพลงชื่อ Something ให้เธอ เพลงนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่ดีที่สุดเพลงหนึ่งของ The Beatles
“Something in the way she moves
Attracts me like no other lover.”
ผู้หญิงคนไหนได้รับเพลงนี้เป็นของขวัญหัวใจคงพองโต
แน่นอน แพตตี บอยด์ ชื่นชอบเพลงนี้มาก
Something โดย จอร์จ แฮร์ริสัน
เอริค แคลปตัน ก็ไม่น้อยหน้า แต่งเพลงชื่อ Layla ให้เธอ (แต่งร่วมกับ จิม กอร์ดอน) เป็นเพลงไพเราะเพลงหนึ่ง
“Like a fool, I fell in love with you
Turned my whole world upside down.”
เก้าปีต่อมาหลังแยกทางทางกับแฮริสัน แพตตีก็ไปแต่งงานกับแคลปตัน
ไม่เฉพาะแต่นักดนตรีชายที่แต่งเพลงให้ผู้หญิง ในทางกลับกัน ก็มีนักร้องหญิงที่แต่งเพลงให้ผู้ชาย
ราชินีนักร้อง อารีธา แฟรงกลิน กับนักร้อง เดนนิส เอดเวิร์ดส์ เคยเดทกันพักหนึ่ง แต่ไม่ได้แต่งงานกัน เธอแต่งเพลงชื่อ Day Dreaming เธอบอกว่า “ฉันแต่งเพลงนี้โดยมีเขาในใจ” และ “เขาเป็นผู้ชายที่คุณยอมมอบทุกอย่างให้”
และไม่ทุกเพลงเกี่ยวกับคนที่นักแต่งเพลงรักมีเขาหรือเธอเพียงคนเดียวในบทเพลง ยังมีอีกเพลงหนึ่งที่ ‘โลภมาก’ เหมาผู้หญิงทุกคนที่รักในเพลงเดียว!
ก็คือเพลง To All the Girls I Loved Before
เพลงนี้เขียนเนื้อร้องโดย ฮัล เดวิด ทำนองโดย อัลเบิร์ต แฮมมอนด์ แต่งมานานแล้วตั้งแต่ 1975 แต่มาดังในฉบับ วิลลี เนลสัน และ ฮูลิโอ อิเกลเซียส
“To all the girls I’ve loved before
Who traveled in and out my door.”
ผู้หญิงที่จุดประกายให้นักแต่งเพลง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม น่าจะยินดีที่มีชายแต่งเพลงให้ มันช่างโรแมนติกเสียจริง ๆ
[ติดตามข้อเขียนของ วินทร์ เลียววาริณ ได้ทุกวันที่เพจ https://bit.ly/3amiAvG และ blockdit.com]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา