28 มิ.ย. 2021 เวลา 12:50 • ประวัติศาสตร์
• เข็มขัดกันชู้ไม่เคยมีอยู่จริงในยุคกลาง
3
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตำนานเล่าขานกันมาว่ามีอัศวินผู้หนึ่งต้องไปทำสงครามครูเสดที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อไม่ให้ภรรยาของเขานอกใจไปมีชู้ อัศวินจึงไปให้ช่างทำเครื่องป้องกันจากเหล็กเพื่อไม่ให้ริ้นไรมาไต่ตอมภรรยาของเขาได้ เครื่องป้องกันที่ว่านี้เรียกว่า ‘เข็มขัดกันชู้’ ภรรยาของเขาจะไม่สามารถไปมีอะไรกับใครได้จนกว่าเขาจะกลับมาจากการทำสงครามและมาไขกุญแจนี้ให้เอง
3
เวลาผ่านไปนมนาน อัศวินผู้นี้ก็ทำศึกสงครามเสร็จและกลับมาหาภรรยาที่ปราสาทได้อย่างอยู่รอดปลอดภัย แต่ครั้นพอจะไขกุญแจเขากลับนึกขึ้นมาได้ว่าเขาลืมมันไว้ อัศวินฮึดฮัดอึดอัดคับข้องใจว่าทำอย่างไรจึงจะหาวิธีเอาเข็มขัดกันชู้นี้ออกได้ ภรรยาของอัศวินจึงบอกว่า ที่รัก...อย่ากังวลไปเลย มียามที่ประตูฝั่งตะวันตกที่สามารถไขมันได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที...
5
เรื่องเล่าเชิงขบขันอันนี้กลายเป็นที่มาของความเชื่อว่าเข็มขัดกันชู้เป็นสิ่งประดิษฐ์ในยุคกลางโดยมีวัตถุประสงค์แรกเริ่มเพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาเมีย ๆ ของเหล่าอัศวินที่เดินทางไปรบเพื่อแย่งชิงดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์จากพวกมุสลิมในสงครามครูเสดอันยาวนานคิดไม่ซื่อแอบดอดไปหลงระเริงกับชู้รัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เข็มขัดกันชู้ไม่เคยมีอยู่จริงในยุคกลาง
1
เปลือกหอยบุเงิน ข้างในมีรูปชายผู้หนึ่งกำลังปลดกุญแจเข็มขัดกันชู้อยู่ (Image: Wikimedia)
• การปรากฏขึ้นของเข็มขัดกันชู้
จากเรื่องเล่าข้างบน ดูเหมือนว่าเข็มขัดกันชู้ (chastity belt-แปลตรงตัวคือเข็มขัดเพื่อความบริสุทธิ์ หรือเข็มขัดพรหมจรรย์) นี้จะมีขึ้นในประมาณทศวรรษที่ 1100 ช่วงนักรบในยุโรปไปทำสงครามครูเสด แล้วมีเอกสารหลักฐานใดในยุคกลางได้กล่าวถึงเข็มขัดกันชู้บ้าง ข้อเท็จจริงคือ ไม่มีเอกสารหลักฐานที่น่าเชื่อถือใดเลยในยุคกลางที่ระบุถึงการมีอยู่ของเข็มขัดกันชู้ ที่พอจะมีบ้างก็เป็นงานเขียนในเชิงเปรียบเปรยที่ต้องการให้ผู้หญิงรักษาความบริสุทธิ์หรืองานเขียนที่ต้องการเสียดสีผู้หญิง
1
มีการกล่าวถึงเข็มขัดกันชู้เป็นครั้งแรก (อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ที่ไม่ใช่เรื่องเล่า) เมื่อศตวรรษที่ 15 หลังสงครามครูเสดนับร้อยปี เมื่อคอนราด ไคเซอร์ (Konrad Kyeser) ผู้เป็นวิศวกรเยอรมันและศิลปิน ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเทคโนโลยีการทหารเมื่อปี 1405 หนังสือนั้นชื่อว่า Bellifortis โดยในหนังสือนั้นเขาได้วาดภาพอาวุธและข้าวของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยิงกระสุน หน้าไม้ อุปกรณ์การทรมาน แต่ที่แถมมาคือภาพการออกแบบเข็มขัดกันชู้
2
ในคำอธิบายใต้ภาพ เขาบรรยายว่าสิ่งนี้คือกางเกงชั้นในสตรีที่ทำมาจากเหล็กมีล็อกทางด้านหน้า สวมใส่โดยบรรดาสตรีชาวฟลอเรนซ์ แต่หลักฐานนี้เอามาใช้ยืนยันว่ามีเข็มขัดกันชู้ตั้งแต่เวลานั้นไม่ได้ เพราะสิ่งที่เขาเขียนเป็นเพียงสิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเพื่อล้อเลียนเท่านั้น ในหนังสือของเขายังมีภาพวาดของอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่ได้มีอยู่จริงในเวลานั้นและแม้กระทั่งในเวลานี้ด้วย เช่น อุปกรณ์ที่ทำให้ผู้สวมใส่หายตัวได้
1
ภาพร่างสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าเข็มขัดกันชู้ในหนังสือ Bellifortis (Images: Ripleys)
นักประวัติศาสตร์ระบุว่าข้อมูลที่บอกว่าเข็มขัดกันชู้นั้นเกิดขึ้นในยุคกลางเป็น ‘การประดิษฐ์สร้าง’ ของคนในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ที่มองว่ายุคกลางนั้นป่าเถื่อนและล้าหลัง ในนิทานและบทกวีของยุคเรเนอซองซ์หรือยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการมีการเอ่ยถึงเข็มขัดกันชู้ในแง่ที่เป็บลบต่อผู้หญิง
การสร้างภาพให้ยุคกลางดูโง่เขลาและล้าหลังนั้นไม่ได้มีแต่เรื่องเข็มขัดกันชู้ มีการสร้างมายาคติเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น การบอกว่าคนยุคกลางนั้นเชื่อว่าโลกแบน แต่แท้จริงแล้วคนยุคกลางรู้อยู่แล้วว่าโลกกลม (เดี๋ยวตอนต่อ ๆ ไปจะเขียนเรื่องนี้ที่มีหลักฐานว่าคนยุคกลางรู้แล้วว่าโลกกลม แต่...เรื่องส้วมในยุคกลางที่บอกว่าจะเขียนก็ยังไม่ได้เขียนเลย เขียนเรื่องใหม่ไปเรื่อย ๆ)
งานในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการเป็นจำนวนไม่น้อยที่กล่าวถึงเข็มขัดกันชู้ และมีภาพจำนวนไม่น้อยที่ใช้เข็มขัดกันชู้ในเชิงเสียดสีสตรีเพศ อย่างภาพประกอบรูปข้างล่างนี้เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ภาพที่วาดขึ้นในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการเพื่อเสียดสีผู้หญิง โดยภาพนี้ทำขึ้นเมื่อปี 1590 เป็นภาพสามีวัยดึกผู้หึงหวงและโง่เขลาเหมือนลา (โปรดสังเกตหูที่วาดเหมือนหูลา) ได้กุญแจล็อกเข็มขัดกันชู้จากภรรยาวัยสาวสะพรั่งผู้อยู่ในสภาพเปล่าเปลือยใส่แต่เข็มขัดกันชู้และเป็นผู้ยื่นกุญแจไขให้ โดยภรรยารอคอยเวลาให้สามีไปเสียที เพื่อที่บรรดาคู่รักลับ ๆ ที่รอคอยอยู่ในเงามืดจะมาแอบไขกุญแจเอง ซึ่งชู้รักก็มีกุญแจสำรองเพื่อไขเข็มขัดกันชู้นี้อยู่ในมือแล้ว
1
โดยภาพนี้ต้องการบอกว่าสามีแก่ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการบนเตียงให้กับภรรยาสาววัยแรกรุ่นได้ การเสียดสีชัดเจนที่สุดคือในมุมขวาสุดของรูปเป็นตัวตลกโง่ ๆ ที่พยายามนำเห็บหมัดมาเก็บไว้ในตะกร้าสาน รูปนี้ต้องการเสียดสีว่าการคิดจะให้ผู้หญิงรักษาความซื่อสัตย์นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ความจริงที่อยู่เบื้องหลังภาพนี้มีอยู่ว่า ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการของคาบสมุทรอิตาลี หญิงสาววัยแรกแย้มมักแต่งงานกับชายอายุสามสิบปีขึ้นไป ซึ่งบรรดาชายวัยดึกเหล่านี้มักเป็นกังวลใจว่าตัวเองจะกลายตัวตลกที่ไร้สมรรภาพทางเพศจึงไม่สามารถควบคุมความประพฤติของภรรยาได้ สิ่งที่จะสามารถมาแก้ปัญหานี้ให้พวกเขาได้เห็นจะมีแต่เข็มขัดกันชู้เท่านั้นซึ่งก็เป็นของที่ไม่มีอยู่จริงในยุคนั้น มันจึงเป็นเรื่องเสียดสีไม่ใช่ของที่มีอยู่จริง
1
แนวคิดนี้มีรากเหง้ามาจากความเกลียดชังเพศหญิงว่าร่านราคะและไม่สามารถเติมเต็มความต้องการบนเตียงได้ นักคิดฝรั่งเศสอย่างวอลแตร์ก็มาร่วมวงละเลงสีสันให้กับเข็มขัดกันชู้ด้วย โดยแต่งกลอนเล่าว่าบรรดาองคมนตรีชาวโรมันโกรธเกรี้ยวที่ภรรยาของพวกเขานั้นไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งมีคนเสนอแนะว่าเอาพวกนางไปประหารเลย แต่พวกองคมนตรีก็แก้ปัญหาด้วยการเอาเข็มขัดกันชู้มาใช้กับภรรยาแทน
3
มีผู้เชื่อว่าเข็มขัดกันชู้มีมาตั้งแต่ยุคโรมันโบราณด้วย ซึ่งนักวิชาการบอกว่ามันไม่ใช่เข็มขัดกันชู้ จะมีแต่เพียงปมเชือกที่เจ้าสาวผูกไว้ในพิธีแต่งงานเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์และความรักที่ไม่มีวันตาย โดยเจ้าบ่าวจะเป็นคนคลี่ปมนี้เองในคืนวันวิวาห์ เข็มขัดกันชู้ทำจากโลหะอะไรมันไม่มี และปมเชือกในงานวิวาห์ของชาวโรมันนี้น่าจะเป็นที่มาของวลีในภาษาอังกฤษว่า tying the knot ที่หมายถึงการแต่งงาน
สรุปว่า...ในยุคกลางและในเวลาต่อมาเรื่องเข็มขัดกันชู้นี้เป็นเพียงเรื่องเสียดสีสตรีเพศเท่านั้น และแสดงความคาดหวังให้ผู้หญิงซื่อสัตย์และรักษาความบริสุทธิ์ไว้ ส่วนตำนานเกี่ยวกับเข็มขัดกันชู้ในยุคกลางเป็นเรื่องแต่งเพื่อล้อสามีผู้รู้สึกไม่ปลอดภัยกับผู้หญิงที่มักมากในกามราคะ ซึ่งถ้ามาใส่นาน ๆ เป็นปีจริงโดยไม่ถอดคนใส่จะตายก่อนเพราะติดเชื้อจากการขับถ่ายและการมีประจำเดือน
แล้วคำถามคือ ...เข็มขัดกันชู้นี้จริง ๆ แล้วเกิดขึ้นมาเมื่อใด?
ภาพพิมพ์ในศตวรรษที่ 16 ของเยอรมันที่เสียดสีพฤติกรรมของผู้หญิงผ่านเข็มขัดกันชู้ (Image: Wikimedia)
• กำเนิดเข็มขัดกันชู้
1
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ถูกทำขึ้นมาจริง ๆ ในช่วงทศวรรษที่ 1800 แต่มันไม่ได้ถูกทำขึ้นมาเพื่อป้องกันการร่วมเพศ แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำขึ้นมาอย่างหยาบ ๆ เพื่อไม่ให้มีการช่วยตัวเองและป้องกันไม่ให้ผู้หญิงถูกข่มขืน
เข็มขัดกันชู้ถูกทำขึ้นตรงกับยุควิกตอเรีย เพราะช่วงเวลานี้เข้มงวดเจ้าระเบียบเรื่องการประพฤติตัว แถมหมกมุ่นเรื่องการควบคุมพฤติกรรมทางเพศมาก จึงนำเอาแนวคิดเรื่องเข็มขัดกันชู้นี้มาสร้างเป็นสิ่งประดิษฐ์จริง ๆ ขึ้นมา แถมตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 มาจนถึงช่วงทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 20 นั้นการแพทย์ตะวันตกยังเชื่อว่าการช่วยตัวเองเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ ในยุควิกตอเรียเริ่มมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้น ผู้หญิงเข้าไปทำงานในโรงงานแล้ว แต่ในยุคนั้นมีปัญหาการคุกคามทางเพศเกิดขึ้นอย่างหนัก (คดีแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ คือตัวอย่างหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น) เข็มขัดนี้จึงมีไว้เพื่อป้องกันผู้หญิงไม่ให้ถูกข่มขืนหรือถูกคุมคามทางเพศเวลาออกไปทำงานนอกบ้าน
ในพิพิธภัณฑ์ในกรุงเวนิสมีการจัดแสดงเข็มขัดกันชู้โดยระบุว่าถูกสวมใส่โดยภรรยาของฟรานเชสโก ดิ คาร์รารา ที่ 2 (Francesco di Carrara II) แต่นักประวัติศาสตร์ไม่เชื่อข้อมูลนี้ ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ก็ไม่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบวัตถุชิ้นนี้ได้ นอกจากนี้ ในพิพิธภัณฑ์ Musée de Cluny ที่ปารีสก็มีเข็มขัดกันชู้ที่อ้างว่าเป็นของแคทเธอรีน เดอ เมดิซี หรือมีเข็มขัดกันชู้อันหนึ่งที่อ้างว่าเป็นของแอนน์แห่งออสเตรีย
แต่ต่อมามีการตรวจสอบเข็มขัดกันชู้ที่อ้างว่าเป็นของแคทเธอรีน เดอ เมดิซี แต่กลับพบว่ามันถูกทำขึ้นในต้นศตวรรษที่ 19 นี้เอง ดังนั้น ในพิพิธภัณฑ์หลายที่ได้เก็บเข็มขัดกันชู้ออกจากตู้การจัดแสดงไปแล้ว เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าสิ่งของดังกล่าวไม่ใช่ของเก่าในยุคกลาง
ดังนั้น เข็มขัดกันชู้ที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่ของยุคกลาง แต่เป็นของในยุควิกตอเรีย อย่างพิพิธภัณฑ์ British Museum ก็มีเข็มขัดกันชู้ (ปลอม) อยู่อันหนึ่ง ซึ่งระบุว่าตัวอย่างของเข็มขัดกันชู้ที่มีอยู่ส่วนใหญ่นั้นทำขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 18-19 และอาจจะทำขึ้นมาเพื่อความอยากรู้อยากเห็นเรื่องความมักมากราคะหรือทำขึ้นเพื่อล้อเลียนความไร้รสนิยมนี้
เข็มขัดกันชู้ชิ้นนี้จัดแสดงที่ SCIENCE MUSEUM, LONDON ซึ่งเคยเชื่อกันว่าทำขึ้นเมื่อช่วงประมาณทศวรรษที่ 1500 แต่เวลานี้เชื่อกันว่าทำขึ้นช่วงประมาณทศวรรษที่ 1800 (Image: WELLCOME IMAGES/WIKIMEDIA)
• ส่งท้าย
ยุควิกตอเรียมีความเชื่อที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับเรื่องเพศมาก ดังเช่นเรื่องการช่วยตัวเองนั้นส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพจนถึงขั้นทำให้เป็นบ้าได้ จึงมีการทำเครื่องป้องกันการช่วยตัวเองออกมาหลากหลายรูปแบบ และเข็มขัดกันชู้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
1
ถ้ามีเวลาก็จะมาเขียนเรื่องนี้ต่อไป (พอเจออะไรใหม่ ๆ ก็เขียนเรื่องใหม่ไปเรื่อย ๆ เรื่องเก่า ๆ ที่บอกว่าจะเขียนก็ไม่ได้เขียนเสียที) เอาตัวอย่างรูปเครื่องป้องกันการช่วยตัวเองไปดูเป็นน้ำจิ้มก่อนสักหนึ่งรูป
อุปกรณ์ป้องกันการช่วยตัวเองสำหรับท่านชาย ทำขึ้นเมื่อช่วงปี 1871–1930 (Image: Wellcome images)
อ้างอิง:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา