26 มิ.ย. 2021 เวลา 09:23 • สุขภาพ
เทียบชัดไปเลย “ลดน้ำหนัก” แบบไหนผอมไวสุด!
หากลองลดน้ำหนักมาหลายวิธี แต่น้ำหนักก็ไม่ลงสักที อาจเป็นเพราะเราเลือกผิด แต่ถ้าเจอวิธีที่ใช่เมื่อไหร่ บอกเลยชีวิตเปลี่ยน!
สำหรับพี่แอนดี้เอง เคยลดน้ำหนักมาหลายครั้ง ทั้งแบบนับแคล(5ปีที่แล้ว) แบบIF(2ปีที่แล้ว) หรือแม้กระทั่ง แบบคีโต(ทำแค่2สัปดาห์) แต่ละครั้งก็สามารถลดน้ำหนักได้ดี ในช่วงต้น
วันนี้เลยอยากมาแชร์เพื่อนๆ น้องๆว่าแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร?
Ketogenic Diet
1. Ketogenic Diet ยิ่งมัน ยิ่งดี
คืออะไร : กินคีโตคือการเน้นกินไขมันเยอะ ๆ และลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือปริมาณน้อยมาก ๆ ในแต่ละมื้อ เพื่อให้ร่างกายนำไขมันสะสมมาเผาผลาญเป็นพลังงาน เนื่องจากปกติร่างกายจะดึงเอากลูโคสที่ได้จากแป้งและน้ำตาลมาใช้ แต่พอเราลดมันลงปุ๊บ ร่างกายเราก็ฉลาด หาแหล่งพลังงานใหม่มาแทนที่ ซึ่งก็หนีไม่พ้นไขมันที่เรากินเข้าไป ทำแบบนี้ร่างกายจะเกิดภาวะคีโตสิส (Ketosis) และเปลี่ยนภาวะร่างกายให้เผาผลาญไขมันได้เองในที่สุด😉
กินยังไง : วิธีนี้เราจะเน้นกินไขมันเยอะ พวกเนื้อติดมัน น้ำมันหมู เนย ชีส กินได้หมดเลย ยิ่งถ้าคัดสรรแต่ไขมันดีอย่างอะโวคาโด แซลมอนมาด้วยแล้วยิ่งดี รองลงมาจะเป็นโปรตีนและหลีกเลี่ยงแป้ง น้ำตาล ขนมนมเนยทั้งหลายให้ได้มากที่สุด ถือว่าวิธีนี้เอาใจคนชอบกินกับอย่างเรามากเลย
เหมาะกับใคร : เหมาะมากกับคนที่ไม่ชอบกินคลีน กินผัก และเบื่อความยุ่งยากวุ่นวายในการคำนวณแคลอรี จำกัดสัดส่วนอาหารในแต่ละมื้อ ที่สำคัญวิธีนี้ยังเหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักในระยะสั้น เน้นผอมไว ไม่เน้นความเฮลตี้มากนัก
Noted : วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนอายุ 50+ นะ เพราะอาจทำให้วูบ หน้ามืดเป็นลมได้😁
Paleo Diet
2. Paleo Diet เน้นกินผักผลไม้แบบมนุษย์ถ้ำ
คืออะไร : การกินแบบนี้เป็นวิธีกินที่เหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยมนุษย์ยุคหินที่ยังไม่มีการเพาะปลูก ฉะนั้นอาหารส่วนใหญ่ในยุคนั้นก็จะเป็นพวก เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ผัก ผลไม้ ถั่ว และเมล็ดพืชต่าง ๆ ที่หาได้ ทีนี้เราก็เลยเล็งเห็นว่ายุคนั้นคนไม่เป็นโรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือปัญหาสุขภาพที่เกิดจากอาหารเหมือนคนยุคนี้ วิธีนี้จึงฮิตขึ้นมานั่นเอง
กินยังไง : เน้นกินผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลาที่มีโอเมก้าสูง ถั่ว รวมถึงน้ำมันจากพืชอย่างน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันวอลนัต เป็นต้น และที่สำคัญต้องเป็นวัตถุดิบที่ส่งตรงจากธรรมชาติ ปลอดสารเคมี “ไม่ผ่านการแปรรูป ไม่ขัดสี ไม่ผ่านการปรุงแต่ง น้ำตาล เกลือ แป้ง ขนม นม เนย นี่เซย์โนไปได้เลย”❌
เหมาะกับใคร : คนที่ไม่ชอบการอดอาหาร ชอบกินอาหารหลากหลายและได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะคนที่รักการกินแบบชีวจิต ไม่ผ่านการปรุงแต่ง แต่อยากลดความอ้วนแบบไวๆ
Noted : แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวานนะ เพราะจะต้องมีการอดแป้ง น้ำตาล นม เนย เต็ม ๆ จะทำให้น้ำตาลตกเอาได้ครับ
3. Atkins Diet เน้นเฉพาะโปรตีน กินเนื้อไม่กินแป้ง
คืออะไร : วิธีนี้ฮิตกันมาเป็น 10 ปี และมีการปรับปรุงสูตรกันอยู่หลายรอบจนมาลงตัวที่ การเน้นกินโปรตีนสูง และคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก ๆ โดยที่ทำแบบนี้ก็เพราะปกติเวลาที่เรากินแป้งหรือน้ำตาลเข้าไป ร่างกายจะผลิตอินซูลินซึ่งมีผลกับความหิว แต่พอเราไม่กินแป้งเข้าไปปุ๊บ ร่างกายก็จะเริ่มดึงไขมันที่สะสมไว้มาใช้แทนนั่นเองค่ะ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมวิธีนี้ถึงผอมไว
Atkins Diet
กินยังไง : เน้นกินเนื้อสัตว์ไปเลยเน้นๆ แถมยังสามารถกินไขมันดีได้อย่างพวก ชีส และไข่ก็กินได้เลย โดยไม่ต้องจำกัดปริมาณ ตามด้วยผักผลไม้ได้อีกนิดหน่อย ** แต่ที่ไม่ได้เลยจริง ๆ ก็คือ อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่นพวก น้ำตาล ผลไม้รสหวาน แป้ง และข้าว
เหมาะกับใคร : เหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักเยอะ ๆ ในเวลาสั้น ๆ เพราะลดได้เร็วมาก โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือนแรก
Noted : เพราะน้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้ จะทำวิธีนี้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์และหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำนะครับ
4. Intermittent Fasting (IF)
คืออะไร : คือการอดอาหารระยะสั้นเพื่อเล่นกับการเผาผลาญไขมันในร่างกาย โดยการอดอาหารระยะสั้น ๆ นี้จะทำให้ระดับอินซูลินลดลง ระดับ Growth Hormone สูงขึ้น ทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้นถึง 3.6-14% เลยทีเดียว โดยที่ไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงด้วยครับ
Intermittent Fasting
กินยังไง : จริง ๆ การอดอาหารแบบ IF มีด้วยกันถึง 6 แบบ แต่วิธีที่นิยมที่สุดนั่นก็คือแบบ Lean Gains คืออดอาหาร 16 ชั่วโมง และกิน 8 ชั่วโมง โดยไม่มีจำกัดเวลาที่แน่นอน แต่สามารถเลือกช่วงเวลาได้ตามความเหมาะสมของการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้เลยตามความสะดวก
ส่วนถ้าใครอยากรู้ว่าการลดน้ำหนัก IF สูตรอื่น ๆ จะมีอะไรบ้างนั้น ลองตามไปดูได้ ที่นี่ ครับ
เหมาะกับใคร : คนที่อยากลดน้ำหนักในระยะยาว เสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย รวมทั้งฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม เสริมภูมิคุ้มกันและเพิ่มความจำให้สมอง
Noted : สำหรับคนที่ไม่เคยอดมาก่อนอาจเริ่มจาก 12:12 แล้วค่อยปรับมาเป็น 16:8 ตามลำดับ เพื่อสร้างความเคยชินให้ร่างกายก่อนอดจริง
สรุปเปรียบเทียบลดน้ำหนักแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสีย อะไรบ้าง?
Summary
เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่มีวิธีไหนดีที่สุด ขอให้เราเลือกวิธีที่เข้ากับร่างกาย และวิถีชีวิตของเรามากที่สุด เพื่อให้เราสามารถทำได้ในระยะยาว และเพื่อสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืนที่เราต้องการ😁✌️
โฆษณา