11 ก.ค. 2021 เวลา 08:00 • กีฬา
คู่พี่-น้องระดับชาติ ในวงการฟุตบอล ยุคปัจจุบัน
การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ คือความสำเร็จที่หลายคนฝันใฝ่ ยิ่งถ้าได้ลงเล่นให้กับทีมชาติ ยิ่งเป็นความภาคภูมิใจขึ้นไปอีกขั้น และเมื่อโมเมนต์เหล่านั้น ได้ถูกแบ่งปันกับผู้ที่เป็น “พี่-น้อง” ของตน แน่นอนเลยว่า มันเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ไม่รู้ลืม
โลกฟุตบอลเคยได้เห็นคู่พี่-น้องมากมาย ที่ได้สร้างชื่อเสียงในระดับชาติ ทั้ง พี่น้อง เดอ บัวร์ (แฟรงค์ กับ โรนัลด์) แห่งเนเธอร์แลนด์, พี่น้อง เนวิลล์ (แกรี่ กับ ฟิล) และ พี่น้อง ชาร์ลตัน (แจ็ค กับ บอบบี้) แห่งอังกฤษ, พี่น้อง เลาดรู๊ป (ไมเคิล กับ ไบรอัน) แห่งเดนมาร์ค, พี่น้อง ตูเร่ (โคโล กับ ยาย่า) แห่งไอวอรี่ โคสต์, พี่น้อง อินซากี้ (ฟิลิโป้ กับ ซิโมเน่) แห่งอิตาลี และพี่น้อง เบนเดอร์ (ลาร์ส กับ สเวน) แห่งเยอรมนี รวมไปถึงของไทยอย่าง สุรีย์ สุขะ และ สุรัตน์ สุขะ หรือแม้แต่ ทิตาวีร์ และ ทิตาธร อักษรศรี ที่เคยสร้างชื่อในช้างศึก U23
มาในยุคปัจจุบัน มีคู่พี่-น้อง ในวงการฟุตบอลอยู่ไม่น้อย แต่ก็มีไม่มากนัก ที่ได้เล่นฟุตบอลในลีกชั้นนำของโลก และได้ก้าวขึ้นไปเล่นฟุตบอลทีมชาติด้วยกัน
1.พี่น้อง อาซาร์: เอเดน อาซาร์ (30 ปี) กับ ธอร์แกน อาซาร์ (28 ปี)
เอเดน อาซาร์(ซ้าย) ธอร์แกน อาซาร์(ขวา)
ถือเป็นคู่พี่-น้อง ที่นับว่าโด่งดังที่สุดในโลกฟุตบอลปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ผลผลิตจากอะคาเดมี่ Royal Union Tubize Braine ในเบลเยี่ยม ก่อนที่คนพี่จะไปเริ่มต้นเส้นทางกับ ลีลล์ ส่วนคนน้องไป ล็องส์ ในฝรั่งเศสเช่นกัน
ทั้ง เอเดน และ ธอร์แกน ฟอร์มเด่นเข้าตาสิงห์บลูส์ จึงได้เก็บข้าวของย้ายมายังเชลซีในปี 2012 ซึ่งผู้พี่ ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องจนก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ในยุค 2010s ส่วนผู้น้อง ไม่สามารถเบียดขึ้นมาเล่นให้เชลซีได้ จึงถูกปล่อยให้ ซูลเต้ วาเรเกรม และ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ยืมตัวไปใช้งาน จนทางกลัดบัคได้ซื้อขาดเขาจากเชลซีในปี 2015 ธอร์แกนได้ก้าวขึ้นเป็นปีกอันดับต้นๆ ของบุนเดสลีกา ยิงได้แตะหลัก 10 ประตูต่อซีซั่น จนถูกโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าตัวไปร่วมทีม
ในระดับชาติ เอเดนคือนักเตะตัวหลักของเบลเยี่ยม ที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ(หากเขาไม่บาดเจ็บ)ตั้งแต่ปี 2009 จนในปัจจุบันลงให้กับปีศาจแดงแห่งยุโรปไปถึง 111 นัด ส่วนธอร์แกน เริ่มถูกเรียกติดทีมชาติในปี 2013 ซึ่งเขาได้เล่นในเกมอุ่นเครื่องกับสหรัฐอเมริกา เพียงแค่ 6 นาที หลังจากนั้นก็ไปเล่นให้ชุด U21 เป็นหลัก จนได้มาลงเล่นให้ทีมชาติอีกทีในปี 2016 เกมอุ่นเครื่องกับเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 11 กันยายน ซึ่งนั่นเป็นเกมแรกที่พี่น้องอาซาร์ ได้ลงสนามรับใช้ชาติร่วมกัน
เอเดน และ ธอร์แกน ได้ติดทีมชาติไปคว้าอันดับ 3 ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียร่วมกัน เอเดนเป็นตัวหลักในตำแหน่งปีกซ้าย ส่วนธอร์แกนยังคงเป็นตัวสำรองที่ได้เล่นแค่ 2 นัด แต่หลังจากฟุตบอลโลกครั้งนั้น ธอร์แกนเริ่มขยับบทบาทขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีมชาติมากขึ้น ยึดตำแหน่งวิงแบคด้านซ้ายแทนที่ของ ยานนิค การาสโก้ จนมาถึงยูโร 2021 ที่ธอร์แกนสร้างชื่ออย่างเต็มตัวจากการลงตัวจริงถึง 4 นัด ซัดไป 2 ประตู หนึ่งในนั้นคือลูกยิงไกลดับโปรตุเกสในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนเอเดนผู้พี่ ก็หายเจ็บกลับมาสวมปลอกแขนกัปตันทีมให้กับเบลเยี่ยม ทั้งในเกมที่เจอกับฟินแลนด์ และโปรตุเกส
คู่พี่น้องอาซาร์ ยังมีโอกาสได้ลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่ร่วมกันอีกในฟุตบอลโลกครั้งหน้า ปี 2022 ซึ่งเอเดนจะมีอายุ 31 ปี ส่วนธอร์แกนจะมีอายุ 29 แน่นอนว่าถ้าหากไม่มีอุปสรรคจากอาการบาดเจ็บ เราคงได้เห็นเอเดนกับธอร์แกน ออกสตาร์ทให้ปีศาจแดงแห่งยุโรปต่อไปอย่างแน่นอน
(เอเดนกับธอร์แกน ยังมีน้องชายอีกสองคนที่เป็นนักฟุตบอลเช่นกัน คือ คิลเลียน วัย 25 ปี เล่นให้กับเซอร์เคิล บรูซ และ อีธาน วัย 17 ปี ที่เล่นให้กับ เอเอฟซี ทูบิเซ)
2. พี่น้อง อายิว: อันเดร อายิว (31 ปี) กับ จอร์แดน อายิว (29 ปี)
อันเดร อายิว(ซ้าย) จอร์แดน อายิว(ขวา)
สองตัวรุกชาวกาน่า ที่เป็นลูกชายแท้ๆ ของตำนานนักเตะ อเบดี เปเล่ ทั้งอันเดร และจอร์แดน เริ่มต้นอาชีพกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ในลีกเองฝรั่งเศส คว้าแชมป์ลีกคัพ (Coupe de la Ligue) รวมกันในซีซั่น 2010/11 และ 11/12 ต่อด้วยแชมป์ซูเปอร์คัพในประเทศในปี 2011 และ 2012 หลังจากนั้น ต่างคนก็ต่างย้ายไปในเส้นทางของตนเอง
อันเดร ผู้พี่ เล่นในตำแหน่งปีกขวา/กองหน้า ออกจากมาร์กเซยในปี 2015 ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ให้กับสวอนซี เวสต์แฮม กลับมาสวอนซีอีกครั้ง ถูกปล่อยยืมไปยังเฟเนร์บาห์เช่ และกลับมาเล่นให้สวอนซีเป็นครั้งที่สาม จนเพิ่งหมดสัญญาไปในซีซั่นล่าสุด
จอร์แดน ผู้น้อง เล่นในตำแหน่งกองหน้า แยกทางกับมาร์กเซยตั้งแต่ต้นปี 2014 ไปเล่นให้กับเอฟซี โซโชซ์ แบบยืมตัว ก่อนจะไปลอริยงต์ ในลีกเอิงเช่นเดิม จากนั้นก็ข้ามทะเลมายังพรีเมียร์ลีกเหมือนพี่ชายของเขา ซึ่งจอร์แดนได้เล่นให้กับ แอสตัน วิลล่า, สวอนซี และคริสตัล พาเลซ ในปัจจุบัน
ทั้งสองนั้นเคยเล่นร่วมกันในระดับสโมสร ในซีซั่น 2017/18 หลังอันเดรถูกสวอนซีซื้อกลับมาในตลาดหน้าหนาว ซึ่งทั้งสองก็ไม่สามารถช่วยทีมหงส์ขาวจากการตกชั้นลงไปได้
อันเดร อายิว(ซ้าย) จอร์แดน อายิว(ขวา)
ในระดับชาติ ผู้พี่อย่างอันเดร ได้ติดทีมชาติกาน่าตั้งแต่อายุ 17 ปี ในปี 2007 ไปสู้ศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ในปี 2008 กับ 2010 และ ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ส่วนทางจอร์แดนผู้น้อง เริ่มติดทีมชาติกาน่าชุดใหญ่ในปี 2010 ด้วยอายุ 18 ปี ทั้งคู่ได้ไปลุยศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ร่วมกัน ในปี 2012, 2015, 2017 และ 2019 โดยคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศได้ในปี 2015 ซึ่งอันเดรเป็นดาวซัลโวร่วมของรายการ จากการทำไป 3 ประตู ส่วนจอร์แดนทำได้ 1 ประตู ทั้งคู่สังหารจุดโทษได้สำเร็จในนัดชิงชนะเลิศ แต่ก็ต้องพ่ายให้กับไอวอรี่ โคสต์ไปอย่างน่าเสียดาย
ทั้งคู่ยังได้เล่นให้กับทีมชาติกาน่าอย่างสม่ำเสมอ อันเดรรับใช้ชาติไปแล้ว 94 นัด ส่วนจอร์แดนอยู่ที่ 58 นัด โดยในปัจจุบัน ก็ยังเป็นกำลังหลักของกาน่าทั้งสองคน
อันเดร และ จอร์แดน มีพี่ชายคนโตอีกคนคือ อิบราฮิม อายิว ซึ่งเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เคยติดทีมชาติกาน่าไปลุยศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ ร่วมกับน้องคนกลางอย่างอันเดร ในปี 2008 กับ 2010 รวมถึงฟุตบอลโลก 2010 อีกด้วย แต่อิบราฮิมไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไหร่นัก เนื่องจากเขาค้าแข้งในระดับสโมสรให้กับทีมในลีกบ้านเกิดเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันก็เล่นให้กับ ยูโรป้า เอฟซี ในลีกยิบรอลตาร์
3. พี่น้อง ลูกากู: โรเมลู ลูกากู (28 ปี) กับ จอร์แดน ลูกากู (26 ปี)
จอร์แดน ลูกากู(ซ้าย) โรเมลู ลูกากู(ขวา)
ผลผลิตจากอคาเดมี่ของ อันเดอร์เลทช์ สองพี่น้องชาวเบลเยี่ยมเชื้อสายคองโก มีจุดเด่นคือความ อึด ถึก เร็ว โดยทั้งคู่ได้เล่นร่วมกันให้กับอันเดอร์เลทช์ในซีซั่น 2010/11 โรเมลูเป็นตัวหลัก ในขณะที่จอร์แดนที่ยังเป็นดาวรุ่ง ได้สอดแทรกขึ้นมาเล่นอยู่ 6 นัด อันเดอร์เลทช์จบซีซั่นด้วยตำแหน่งจ่าฝูงของลีก แต่เสียตำแหน่งแชมป์ให้กับ เกงค์ ในรอบเพลย์ออฟ
“บิ๊กรอม” ถูกเชลซีคว้าตัวมาร่วมทีม และแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกกับเวสบรอมวิช อัลเบี้ยน ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นกองหน้าระดับต้นๆ ของพรีเมียร์ลีก ในช่วงที่เล่นให้กับเอฟเวอร์ตัน คว้ารองดาวซัลโว และติดทีมยอดเยี่ยมในซีซัน 2016/17 ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าตัวเขาไปด้วยราคาถึง 75 ล้านปอนด์ ปัจจุบันเขาคือ 1 ใน 5 กองหน้าที่ดีที่สุดในโลก จากผลงานสุดฮอตที่ยิงและจ่ายจนพาอินเตอร์คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอา ในรอบ 11 ปี
จอร์แดนมีเส้นทางที่ต่างกับพี่ชาย เขาเล่นในตำแหน่งแบคซ้ายเป็นหลัก หลังแยกทางกับอันเดอร์เลทช์ เขาไปเล่นให้กับ เควี ออสเทนเด้ ในลีกเบลเยี่ยมเช่นเดิม ก่อนจะถูกลาซิโอ คว้าตัวไปเล่นในกัลโช่ ตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งเขาได้เล่นอย่างสม่ำเสมอ จนอาการบาดเจ็บในซีซั่น 2018/19 ทำให้โอกาสในการเล่นลดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ในซีซั่นล่าสุด เขาถูกปล่อยให้ รอยัล อันท์เวิร์พ ยืมตัวกลับไปเล่นในลีกบ้านเกิด
โรเมลู เริ่มติดทีมชาติตั้งแต่ปี 2010 ในตอนที่มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น เขาได้ไปลุยฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล และยิงประตูชัยพาเบลเยี่ยมเอาชนะสหรัฐอเมริกา ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย จากนั้นเขาก็เป็นศูนย์หน้าตัวหลักของทีมชาติ เดินหน้าซัดไปรวมแล้ว 64 ประตู ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของเบลเยี่ยม จากที่ลงสนามเพียง 98 นัดเท่านั้น
ส่วนทางจอร์แดน ได้ลงสนามให้ทีมชาติเบลเยี่ยมครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับปารากวัย ปี 2015 ก่อนจะได้เล่นอีกทีช่วงต้นปี 2016 ในเกมกับโปรตุเกส ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เล่นร่วมกับพี่ชายของเขาในนามทีมชาติ แถมยังเปิดบอลให้พี่ชายโหม่งทำประตูได้อีกด้วย จากนั้นเขาก็ได้ติดทีมไปลุยศึกยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส ร่วมกับพี่ชาย แต่ได้ลงสนามเพียงแค่เกมเดียว คือเกมที่พ่ายให้กับเวลส์ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย จากนั้นเขาก็ไม่ค่อยเป็นตัวเลือกหลักให้กับทีมชาติมากเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อเจออาการบาดเจ็บ ที่ทำให้โอกาสในการเล่นกับลาซิโอลดลง จอร์แดนก็ไม่ได้มีชื่อติดทีมชาติอีกเลย
จอร์แดน ลูกากู(ซ้าย) โรเมลู ลูกากู(ขวา)
ด้วยอายุเพียง 28 และ 26 ปี แน่นอนว่าเราอาจจะยังได้เห็นพี่น้องคู่นี้กลับมาเล่นด้วยกันอีกในอนาคต โรเมลูคงเป็นตัวเลือกลำดับหนึ่งของเบลเยี่ยมไปอีกหลายปี ส่วนจอร์แดน ก็ยังคงมีโอกาสให้พิสูจน์ตัวเองได้อีก เพราะอย่างกรณีของธอร์แกน อาซาร์ ยังได้มาเป็นตัวเลือกหลักของทีมชาติตอนอายุ 28 ปี
มองกลับมายังทีมชาติไทย เมื่อพูดถึงคู่พี่-น้อง ชื่อที่จะผุดขึ้นมาบนหัวของแฟนบอลไทยทุกคนคงไม่พ้นคู่ สุภโชค-ศุภณัฏฐ์ จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สุภโชค สารชาติ(ซ้าย) ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา(ขวา)
“เจ้าเช็ค” สุภโชค สารชาติ ปีก/เพลย์เมคเกอร์ วัย 23 ปี และ “เจ้าแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้า/ปีก วัย 18 ปี คือคู่พี่น้องต่างมารดา ที่เป็นกำลังหลักของทีมปราสาทสายฟ้า และมีบทบาทอย่างมากในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย ครั้งที่เพิ่งจบไป รวมไปถึงศึก U23 ชิงแชมป์เอเชีย เมื่อต้นปี 2020 อีกด้วย โดยทางพี่ชาย ได้ประเดิมสนามในนามทีมชาติ เมื่อปี 2017 ในเกมที่เจอกับอิรัก ศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ยุคของ มิโลวาน ราเยวัช ส่วนเจ้าแบงค์ ได้ประเดิมสนามในเกมคิงส์ คัพ ปี 2019 ที่เจอกับเวียดนาม ซึ่งนั่นก็เป็นเกมแรกที่พี่ชายของเขา ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในนามทีมชาติอีกด้วย
ในยุคของอากิระ นิชิโนะ สุภโชคได้ออกสตาร์ทเป็นตัวหลักมาตลอด ส่วนทางศุภณัฏฐ์ ได้มาเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องในช่วงสามนัดสุดท้ายของฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่งเจ้าตัวก็ทำประตูสุดสวยได้
แน่นอนว่า เราจะได้เห็นสองพี่น้องแห่งบุรีรัมย์ ก้าวขึ้นเป็นแกนหลักของทีมชาติไทยในระยะยาวได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับคู่พี่น้องอักษรศรี ที่แม้จะยังไม่เคยประเดิมสนามในเกมอย่างเป็นทางการให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่ แต่ก็ยังมีอนาคตข้างหน้ารออยู่ แฟน ๆ ช้างศึกทุกคน อย่าลืมส่งกำลังใจ คอยติดตามเชียร์เจ้าเช็ค เจ้าแบงค์ โชแปง และปาแปง กันไปเรื่อยๆนะครับ !!!
โฆษณา