12 ก.ค. 2021 เวลา 04:52 • ปรัชญา
โลก
คำว่าโลก ในความหมายของดวงจิตที่พบเห็นด้วยสายตา จับตัองได้ ก็ต้องอาศัยวัตถุอุปกรณ์นำมาช่วยศึกษา โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ เคลิ่อนไปหมุนไป มีกลางวันกลางคืน กลางวันก็หากิน สนุกสนาน ด้วยเรื่องราวของอารมณ์ เพลิดเพลินไป กลางคืนนอน รู้จักโลกข้างนอกไปจนจักรวาลอะไรก็แล้วแต่ที่อยากรู้ ยังหูดีตาดีอยู่ ก็รู้ได้ หาดูหาอ่านเอาได้แต่รู้ รู้อย่างนั้นเอาไปทำอะไร ทำมาหากิน เลี้ยงให้แก่เฒ่าชรา พอแก่เฒ่าสังขารไม่อำนวยก็หลงลืมความรู้อีก ที่รู้มาๆมันหายไปไหน แต่สังขารก็หมุนไปแล้วก็ตายไป มีแค่นั้นเอง
โลกก็ประกอบด้วยดินน้ำลมไฟ ตัวเราก็ดินน้ำลมไฟประกอบขึ้นมา โคจรไปสถานที่ต่างๆ อะไรที่พาอนุธาตุน้อยๆ โคจรไปก็ด้วยอารมณ์นำไป ไปแล้วไปพบไปสัมผัสยินดีบ้าง ไม่ยินดีบ้าง ตามอารมณ์ที่จะปรุงแต่ง ไปแล้วก็ไปกระทำเรื่องราวต่างๆด้วยกายวาจาใจที่ปรุงแต่งโลกน้อยๆ ธาตุน้อยใบนี้ ไม่รู้ว่าว่ามันไหลออกมายังไง ทำไมมันเค้าถึงเรียกว่า ก็ต้องหาวิธีศึกษา ด้วยเรื่องศึลสมาธิปัญญา จะไปหาอ่านได้ที่ไหน อ่านได้ที่ตัวเราปฏิบัติธรรมขึ้นมา สร้างบุญ สร้างกุศล ภาวนา จุดเทียนธรรม ให้สว่างส่องเรื่องดูโลกน้อยๆ ที่จิตอาศัย ส่องแล้ว เห็นว่าไม่ดี มีนซ่อนตรงนี้ ก็ซักฟอกให้โลกน้อยๆ สะอาดสะอ้านขึ้น จิตเราอาศัยเข้าอยู่ก็มีความสุช
โลกมันร้อน ด้วยไฟของอารมณ์ราคะ โทสะ โมหะ ที่แต่ละคนช่วยกันจุดไฟขึ้นมา เผาผลาญธาตุดินน้ำลมไฟ อากาศธาตุ วิญญานธาตุทีตนอาศัย จึงเกิดความวิปริตโกลาหลในโลก
สังเกตุได้หากเราไปอยู่ใกล้คนเจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด โมโห ให้เราทำตัวนิ่งๆ มีสติอยู่กับลมหายเข้าออก กายเราก็จะสัมผัส กระแสของความร้อนที่กำลังเผาผลาญคนเจ้าอารมณ์ กำลังแผ่รังษีความร้อนมาจากคนเจ้าอารมณ์. ทำให้เราไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว เกิดอารมณ์ไม่ชอบไม่พอใจที่ตัวเรา ชึ่งหากเราไม่มั่นสังเกตุ เราก็ไม่มีสติรู้เนื้อรู้ตัวว่า อารมณ์หงุดหงิด ไม่ชอบใจนี้มาจากไหน หากเราเผลอสติไปตำหนิติเตียนเขา ด้วยวาจาใจ ก็เป็นการคล้องกรรม คล้องอารมณ์รับอารมณ์เขามาไว้ที่ตัวเรา เราก็พลอยเป็นคนเจ้าอารมณ์เหมือนเขา ให้สังเกตุตัวเอง หากไปสัมผัสอยู่ใกล้คนเจ้าอารมณ์ ความที่เป็นคนเจ้าอารมณ์ก็จะทำให้พูดจาไม่ค่อยเข้าหูคน ทำให้วงแตก จากมิตรกลายเป็นศัตรู
คนมีอารมณ์มาก ก็มีกรรมมาก ยึดทิฐิความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ ถูกต้องเสมอ โลกจึงร้อน เต็มไปด้วยไฟราคะโทษะโมหะ เผาผลาญโลกมนุษย์ ให้ทำลายกันเอง ทำลายด้วยโรคภัย รักษาหายก็ต้องตายอยู่ดี ทำลายด้วยสงคราม ที่มนุษย์ อวดเก่งอวดดี สร้างอาวุธขึ้นมา แสวงหาอำนาจ แล้วก็นำมาทำลายกันเอง มันน่าสมเพชกับมนุษย์ยุคนี้
มีรูปเป็นมนุษย์ แต่ข้างในไม่ใช่มนุษย์ หรือ เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์อบาย สัตว์นรก มาอาศัยในรูปมนุษย์ ให้มาทำลาย ให้ซ้ำเติมความทุกข์ให้มากขึ้นเป็นมิคสัญญี
หรือเป็นเพราะว่า ดวงจิตผู้ที่มาเกิดในยุคนี้ มาจากสัตว์ นรก เปรต อสุรกาย เป็นสัตว์อบายมาเกิดในรูปมนุษย์ เหมือนมาพักจิต มาอาศัยโลกมนุษย์มาสร้างเวรกรรมให้มากขึ้น จึงไม่สนใจแสวงหาเรียนรู้ในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม อารยธรรม ศาสนา เพื่อจะได้ไม่มีอะไรขัดขวาง จะได้มุ่งหาแต่เวรกรรม ทีจิตตนยึดติดเป็นนิสัยมาจากสัตว์อบาย เป็นลักษณะเหมือนคนพ้นโทษจากคุก ออกมาแล้วก็ทำความผิดอีก เพราะเหตุไม่แก้ไขตนเอง ต้องถูกจับไปเข้าคุกใหม่ ดินฟ้าอากาศจึงดลบันดาลให้ร้อน ร้อนเวรกรรม ให้สมกับกรรมที่ตน ไม่รู้ว่าจิตตนมาอาศัยอยู่ในรูปมนุษย์เพื่อแก้ไขนิสัยสันดานตนเอง รู้แต่เรื่องสร้างเวรกรรมเดินตามเยี่ยงอย่างเดรัจฉาน ซึ่งมีแต่คำว่าทุกขคติเป็นที่พักอาศัยให้แก่จิตของตน
โฆษณา