12 ก.ค. 2021 เวลา 08:37 • ปรัชญา
เรื่องของจิต ทำได้เพียงเปรียบเทียบ จิตเหมือนสำลีที่ขาวบริสุทธิ์ พองฟู สว่าง สะอาดสดใส คราวนี้ เรามาดูสำลีเปียกน้ำ เป็นอย่างไร เปรอะเปื้อนโคลน ฝุ่นละอองเป็นอย่างไร มันหนัก มันไม่สามารถไปไหนได้ นั้นคือลักษณะของจิต จิตที่มีกรรมมันก็หนัก จิตที่ไม่มีกรรมมันก็เบา ไม่มีอะไร มาทำให้เลอะเทอะเอง ทำเองที่ตรงไหน ที่กายวาจาใจของเรามันเลอะเทอะ เลอะทอะด้วยอารมณ์ที่ปรุงแต่งขึ้นมา ไม่มีสติระมัดระวัง ในการใช้กายวาจาใจของเรา ต้องปฏิบัติขึ้นมาจึงจะ ค่อยๆ เข้าใจเรื่องราวของคำว่าจิต
คราวนี้ก็เปรียบเทียบ เหมือนน้ำใสบ้าง น้ำในแก้ว ถ้ามันใส่สะอาด มันก็น่าใช้ น่าดื่ม พอมีอะไรตกลงไปในน้ำ ฝุ่นละออง โคลน อะไรต่างๆ ตกลงไปในน้ำ น้ำนั้นก็เปลี่ยน คราวนี้ เรามีแก้วน้ำที่มันมีสิ่งสกปรกเหล่านี้อยู่ เราก็เอามากรอง เอาสิ่งสกปรกนั้นออก ทำให้น้ำมันใสทำให้มันสะอาด แล้วเราจะทำให้น้ำนั้นสะอาดได้อย่างไร เรามาดูตัวเรา สิ่งที่เค้าเรียกว่า สกปรกนั่น คืออะไร อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ดีไม่ดี กรรมดีกรรมชั่ว เราทำความเข้าใจ แล้วเราก็อาศัยการประพฤติปฏิบัติธรรม ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติเพื่อให้มีแสงรัตนะ ช่วยคัดช่วยกรอง ผลักสิ่งสกปรกนั้นออก การชำระล้างทำความสะอาด ต้องอาศัยความขันติ ความเพียร ความขันติ สติ ปัญญา มาชำระล้าง สร้างบุญสร้างกุศล หนุนนำให้สิ่งที่เป็นอุปสรรค นั้นคลี่คลายไป บางคนก็เรียกว่า เอาน้ำดีไปไล่น้ำเสีย ให้น้ำในแก้วนี้ใสสะอาด
จิตไปอยู่สิ่งกับสิ่งไหน ก็เป็นสิ่งนั้น อยู่กับสัตว์ ก็เป็นสัตว์ อยู่กับคน ก็เป็นคน จิตไปอยู่กับแมวก็เป็นแมว นั้นคือ เรื่องราวของกรรมที่จิตต้อง จรไปตามกรรม จรกันเป็นชาติๆนับไม่ถ้วน
จิตไปอยู่ที่ไหน รูปไหน ก็ต้องไปทำมาหากิน ใช้นิสัยสันดาน ตามสัญชาตญาณของรูปนั้น ไปอยู่ที่จิ้งจกเป็นจิ้งจก หากินแบบจิ้งจก ไปอยู่กับแมวก็ใช้หากินแบบแมวไป นั้นเรื่องราวการจำแนกกรรมไปตามสิ่งที่จิตนี้กระทำขึ้นเอง ไม่มีใครทำให้ เหมือนคนโบราณ ว่าตายแล้วก็ไปที่ชอบๆ เอ๊ะ..ตอนเป็นมนุษย์ ชอบเรื่องอบาย จิตก็ต้องลงอบายตามที่ชอบ นั้นคือ คำว่า มนุษย์แปลว่าผู้รู้ดีรู้ชั่ว รู้ดีแล้ว ทำไมทำชั่ว ก็ต้องไปอยู่ที่ชอบ เมื่อจิตเคลื่อนย้ายจากรูปมนุษย์ที่อาศัย
โฆษณา