Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
14 ส.ค. 2021 เวลา 03:42 • นิยาย เรื่องสั้น
5.30. สมดุลย์แห่งอำนาจใหม่ (จบภาค 5)
บังเต๊ก ราหูกลืนจันทรา - ตันเตา องครักษ์พิราบขาว - จูกัดกุ๋ย ตัวแปรที่หายไป
ทันทีที่ทราบข่าวชนะศึกเตงกุนสัน เจ้านครเสฉวน เล่าปี่ ก็ตั้งตนขึ้นเป็นฮันต๋งอ๋อง เพื่อสร้างความทัดเทียมกันกับวุยอ๋อง โจโฉ และชูธงประกาศพื้นฟูแผ่นดินให้กับราชวงศ์ฮั่น และกษัตริย์เหี้ยนเต้ ที่ถูกโจโฉควบคุมตัวไว้มานานหลายปีแล้ว นับเป็นความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งที่ีกุนซือขงเบ้งพยายามจัดฉากเพื่อลดทอนความเป็นธรรมของฝ่ายตรงข้าม ผลักดันจากฝ่ายรัฐบาลให้กลับกลายเป็นฝ่ายที่ครอบงำฮ่องเต้ จนเชื้อพระวงศ์พลัดถิ่นอย่างเล่าปี่ต้องลุกขึ้นต่อต้านอย่างจริงจัง
ตันเตา ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเป็นขุนพลองครักษ์คนใหม่แทนจูล่ง กำลังเดินนำหน้าเอียวหงี กับ เอียวกุ๋น เอียวเก๋า ผู้หลาน เข้าไปพบกับฮันต๋งอ๋อง เล่าปี่ ในจวนที่พัก ทวนอสรพิษนับเป็นใบเบิกทางชั้นดีที่ทำให้เล่าปี่เปิดทางให้ได้เข้าพบในทันที
เนื้อความในจดหมายลับ มีใจความสั้นๆเพียงว่า “พี่ใหญ่ ข้าจับตัวจูล่งไว้ได้แล้ว แต่มันยังควบคุมสติสัมปชัญญะไม่ได้ เกรงว่าเน่ินนานจะถึงขั้นเสียชีวิต ข้าจึงขอพาตัวมันไปรักษาแก้ไขอาการก่อน เมื่อเสร็จเรื่องราวแล้ว ค่อยกลับมาพบกันใหม่ - น้องสาม”
เล่าปี่ ปกปิดข่าวลับนี้ไว้ ไม่อาจบอกกับใครได้ชัดเจน สั่งการให้ตันเตาจัดการรับเอียวหงีเข้าในสังกัดขุนนางฝ่ายบุ๋น แล้วอ่านทบทวนข้อความซ้ำแล้วซ้ำเล่า นึกไม่ถึงว่า โจโฉสูญเสียแฮหัวเอี๋ยนไปเพียงคนเดียว แต่ตนเองต้องสูญเสียขุนพลชั้นดีไปถึงสองคน โดยเฉพาะเตียวหุย ซึ่งเป็นทั้งนักรบ และนักวางแผนให้กับมันมาโดยตลอด
…
กวนอู กวนเป๋ง จิวฉอง เคลื่อนทัพออกจากเกงจิ๋วล่าช้ากว่านัดหมายเดิม เนื่องจากเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นสองประการ ข่าวดีคือ ลิบอง เสนาบดีบู๊คนใหม่ของกังตั๋งล้มป่วยลง ซุนกวนถึงกับแต่งตั้งลกซุนที่อ่อนประสบการณ์ด้านรบขึ้นมารักษาการณ์แทน กวนอูจึงคลายใจเรื่องพยัคฆ์แดนใต้ไปได้มากอยู่ แต่ข่าวร้ายคือ ตันฮก เล่าฮอง เบ้งตัด รวมทั้ง กุนซืออุยก๋วนที่หลบหนีออกมาจากเมืองเสฉวน ได้ทำการยึดอำนาจที่เมืองกังแฮ ตั้งตนเป็นกองทัพธรรมอย่างเปิดเผย โดยเล่าฮองประกาศตน อ้างเป็นทายาทของเล่าฉวนแห่งกิจิ๋ว เชื้อพระวงศ์ยอดขุนพลที่เคยร่ำลือกันว่าตกเหวตายไปในอดีต ระดมไพร่พลเพื่อต่อต้านรัฐบาลทรราชย์ขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง
เบื้องแรก กวนอูลังเลใจว่า สมควรบุกขึ้นเหนือตามแผนจากเสฉวนก่อน หรือไปปราบพวกที่ตีตนออกห่างก่อน พอดี เตียวเลี้ยว สหายลับได้ส่งข่าว รับอาสาจะจัดทัพมาจัดการให้เอง เพราะเตียวเลี้ยวยังจริงจังต่อพันธมิตรแห่งฟากฟ้า แม้จะรู้ว่า โลซกตายแล้ว ก็ยังคงเชื่อมั่นในกวนอูอยู่ จึงไม่พอใจที่พวกตันฮกชิงยึดอำนาจในพื้นที่ตั้งต้นของพวกตน
พอรับฟังเช่นนั้น กวนอูจึงค่อยคลายใจ หากเตียวเลี้ยวจัดการกับเมืองกังแฮ และตนเองยึดเมืองอ้วนเซียได้ด้วยแล้ว พันธมิตรแห่งฟากฟ้าจะมีพื้นที่ยึดครองสามเมืองสำคัญ อ้วนเซีย เกงจิ๋ว และหับป๋า เพียงพอที่จะมีน้ำหนักสร้างตัวได้ต่อไปอีกครั้งหนึ่ง ใช่แล้ว กวนอูยังไม่หมดหวังที่จะตั้งตนเป็นเจ้า ถึงแม้จะยึดอำนาจทั้งหมดมาไม่ได้ แต่การเป็นเจ้านครในจุดยุทธศาสตร์ น่าจะเป็นทางเลือกที่สามารถกระทำได้ และสมควรจะเป็นเวลานี้ เวลาที่ผู้คนคาดคิดไม่ถึง
ดังนั้น กวนอูจึงฝากเมืองให้ม้าต้ายดูแลเมืองเกงจิ๋วไปพลาง พร้อมนำพานางกวนอินผิง ลูกบุญธรรม และ กวนเป๋ง จิวฉอง สองคนสนิท ยกทัพขึ้นเหนือ บุกเมืองอ้วนเซียที่มีอิกิ๋ม หนึ่งในห้าพยัคฆ์ ตั้งมั่นอยู่ทันที โดยใช้พื้นที่เมืองซงหยงเป็นฐานบัญชาการทัพ บิต๊ก บิฮอง คู่กรณีเก่าที่เฝ้ารักษาเมืองซงหยงมานาน พยายามให้การต้อนรับ แต่กวนอูกลับแสดงออกอย่างเย็นชา ปฏิเสธไม่ให้เข้าพบปรึกษางานตามธรรมเนียม จนรู้สึกอึดอัดใจในท่าทีอันแข็งกร้าวของกวนอูอีกครั้ง
ที่จริงแล้ว กวนอูก็มีใจนักเลงไม่น้อย ถึงกับยินยอมให้อภัยต่อกวนเป๋ง จิวฉอง ที่ครั้งก่อนตกอยู่ใต้อิทธิพลของตันฮก เกือบจะเข่นฆ่าเล่าปี่และห้าขุนพลสวรรค์ เพราะได้รับบุญคุณในการคัดเลือกให้มาเป็นลูกบุญธรรมของกวนอู เตียวหุย ตามความตั้งใจดั้งเดิม หากแต่พอกวนอูรับไว้เสียเองทั้งสองคน และเลี้ยงดูอย่างดีมานานหลายปี จึงสนิทสนมคุ้นเคยกับกวนอูมากกว่าคนชักนำแรกเริ่ม แตกต่างจากเล่าฮองซึ่งมีเบื้องหลังความเป็นมาที่ซับซ้อนลึกซึ้งกว่า และมีความขัดแย้งกับกวนอูมาตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว
แต่ส่วนของบิต๊ก บิฮองนั้นผิดแผกกันอยู่ ทั้งสองฝ่ายเคยมีปัญหากันมาตั้งแต่ครั้งที่กวนอูพาตัวสองฮูหยินหลบหนีมาจากฝ่ายโจโฉ และสองพี่น้องยังอาจจะเป็นต้นเหตุให้เล่าปี่ล่วงรู้ความลับของอาเต๊าด้วย กวนอูจึงคงยังหมางเมินต่อคนทั้งสองอย่างจงใจ แต่ยังไม่อาจทำอะไรได้ด้วยติดว่า เคยเป็นญาติกับฮูหยินของเล่าปี่ ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบ
การที่กลุ่มคนทำงานบาดหมางกันด้วยเรื่องราวสะสมกันมานาน ทำให้เกิดสถานการณ์ที่อิหลักอิเหลื่อขึ้น และอาจจะเป็นชนวนให้เกิดความพลิกผันครั้งสำคัญที่สุดในยุคสมัย
…
สมรภูมิรบที่เมืองอ้วนเซียเร่ิมต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง กองทัพฝ่ายกวนอู เผชิญกับกองทัพของโจหยินที่ตั้งทัพค่ายกลแปดทิศขวางทางอยู่ที่ทุ่งเตียงปัน สะพานคู่เตียงปันกลายเป็นจุดเปราะบางคล้ายคลึงกันกับสมรภูมิช่องแคบเขาเตงกุนสันที่ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าเคลื่อนข้ามฝั่งด้วยเกรงจะตกเป็นเป้าโจมตีตัดหนทางถอยหนี โจหยินเองก็ถนัดตั้งรับ ไม่เน้นการรุก จึงสงบนิ่งมองดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามตลอดทั้งวัน
แต่แล้ว พอท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำมืด เปลวไฟกลับลุกโชติช่วงขึ้นที่ยุ้งฉางเมืองอ้วนเซีย อิกิ๋ม ผู้เฝ้าระวังเมือง รีบนำทัพไปแก้ไขสถานการณ์ กลับเผชิญหน้ากับกวนอูบนหลังม้าเซีกเทาอันเลื่องชื่อ ที่แท้ กวนอูแสร้งให้กวนเป๋ง จิวฉองนำกองทัพเคลื่อนไปทางบก ล่อลวงให้คล้ายบุกมาทางสะพานเตียงปัน แต่กลับปลอมปนหน่วยจู่โจมชุดใหญ่มาทางเรือขนส่ง บุกขึ้นฝั่งลอบโจมตียุ้งฉาง จุดยุทธศาสตร์ของเมืองอ้วนเซียก่อน เลียนแบบกลยุทธ์กองโจรที่พวกกังตั๋งชอบใช้เป็นประจำ
อิกิ๋ม แม้มีประสบการณ์การรบสูง แต่ฝีมือยุทธ์ด้อยที่สุดในห้าพยัคฆ์ ย่อมไม่อาจต้านทานกวนอูที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี ทั้งคนทั้งม้าผนึกกันเป็นหนึ่งเดียว เหวี่ยงฟาดง้าวมังกรเขียวฟันใส่อาวุธของอิกิ๋มหักสะบั้น แต่ยังดีที่กวนอูหมายจับเป็น เพื่อลดทอนความฮึกเหิมของฝ่ายตรงข้าม อิกิ๋มจึงเพียงถูกฟาดร่วงจากหลังม้าให้ทหารช่วยกันจับมัดตัวเอาไว้
เสียงตวาดห้ามดังมาแต่ไกล กวนอูหันกลับไปมองเห็นขุนพลแปลกหน้าของฝ่ายตรงข้าม ควบม้าเข้ามาใกล้พร้อมเงื้อดาบฟันหัวม้ามาแต่ไกล เป็นขุนพลรอง บังเต๊ก ที่เพิ่งเข้าสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายรัฐบาล จึงควบม้าสวนเข้าไป หมายเอาชนะบังเต๊กให้ได้ในเวลาสั้น แต่บังเต๊กได้รับการแนะนำมาอย่างดีจากพวกโจหยิน อิกิ๋ม ถึงจุดอ่อนของกวนอูที่โจโฉค้นพบ เป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานจะทำให้กวนอูสูญเสียพละกำลังอย่างมาก และมักจะไม่ได้รับชัยชนะ จึงหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่เน้นต่อสู้แบบยืดเยื้อแทน
เมื่อกวนอู บังเต๊ก ต่อสู้กันได้พักใหญ่ กวนอูกลับรู้สึกคุ้นเคยกับกระบวนท่า และรูปลักษณ์ของฝ่ายตรงข้าม จึงกล่าวถามไถ่ “เจ้าคือคนที่เคยลอบสังหารข้าที่ทุ่งดอกไม้หน้าเมืองเกงจิ๋วเมื่อหลายปีก่อน ใช่หรือไม่ เจ้าเป็นคนในสังกัดของฮองตงมิใช่หรือ”
บังเต๊กนึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนั้น แม้ว่าไม่ชมชอบในตัวของอดีตอาจารย์ผู้มีพระคุณที่กำลังโด่งดังอยู่กับฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ไม่ลืมเลือนบุญคุณที่สอนสั่งวิทยายุทธ์ให้ จึงกล่าวแก้ต่างให้กับฮองตง “ข้า บังเต๊กเป็นเพียงมือสังหารรับจ้าง ใครมีเงินจ่าย ก็พร้อมจะจัดการให้ งานจบ ความสัมพันธ์ก็สิ้นสูญ ไม่ว่าจะเป็นฮองตง ม้าเฉียว ก็ล้วนแต่เคยว่าจ้างข้าทั้งสิ้น” ว่าแล้วจึงเริ่มที่จะเร่งเร้ากระบวนท่าดาบฟันหัวม้าที่พัฒนามาจากง้าวด้ามยาว หวังเอาชีวิตฝ่ายตรงข้าม สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองบ้าง
กวนอู ณ วันนี้ ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ปกติ สมควรชักจูงให้บังเต๊กยอมสวามิภักดิ์ แต่คู่ต่อสู้คล้ายไม่ยอมรามือ และเคยมีเหตุแค้นเคืองกันมาก่อน จึงตัดใจ เริ่มใช้กระบวนท่าสยบมังกรขั้นสูงที่พลิกแพลงพิสดาร และความรวดเร็วปราดเปรียวของม้าเซ็กเทา กลายเป็นความสมบูรณ์ถึงที่สุด เกินกว่าที่ขุนพลคนใดในแผ่นดินจะต้านทานได้ ดาวรุ่งหน้าใหม่อย่างบังเต๊กจึงกลายเป็นเบี้ยล่างให้กับขุนพลจันทร์พิฆาตทันที
เสียงตะโกน “มังกรสะท้านไตรภพ” ดังก้องขึ้น บังเต๊กรับรู้ทันทีว่า นี่คือกระบวนท่าสังหาร มันรีบละทิ้งดาบฟันหัวม้าตามสภาวะกดดันขยับยิงเกาทัณฑ์ลับในแขนเสื้อใส่ฝ่ายตรงข้ามเป็นการโต้ตอบในระยะกระชั้นชิด สกัดกั้นการรุกของสองฝ่ามือที่ฟาดมาตรงหน้า แต่อาจจะสายไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียว
เห็นกวนอูตกจากม้าเซ็กเทา มือกุมไหล่ซ้ายที่โดนเกาทัณฑ์ลับปักตรึงอยู่ แต่กระบวนท่าพิฆาตจากง้าวมังกรเขียวยังส่งผลให้หัวของบังเต๊กหลุดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี เป็นอันจบสิ้นชีวิตของบุคคลพิสดารไปอีกคนหนึ่ง บังเต๊ก น้องชายต่างมารดาของบังทอง และทายาทคนรองที่ถูกปิดบังของผู้เฒ่ากระเรียนตายเสียแล้ว
เสียงโห่ร้องดังมาจากทางด้านหลัง กองทัพนับหมื่นของโจหยินยอมล่าถอยจากจุดยุทธศาสตร์ทุ่งเตียงปัน เพื่อเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์หน้าเมืองอ้วนเซีย โดยมีกองทัพกวนเป๋ง จิวฉองไล่ตามมาอย่างไม่ลดละเช่นกัน
สามเทพบุตรอันมี แฮหัวป๋า โจจิ๋น โจฮิว ที่อยู่รักษาประตูเมือง เกรงว่า ค่ำมืด โจหยินเพียงลำพัง อาจจะเสียทีต่อฝ่ายข้าศึกไปอีก จึงตีม้าล่อส่งสัญญาณให้ฝ่ายตนเองล่าถอย โจหยินจึงสั่งการให้ไพร่พลกลับเข้าเมืองก่อน ค่อยรับทราบว่า อิกิ๋มถูกฝ่ายตรงข้ามจับตัวไป และบังเต๊กเสียชีวิตไปในที่รบ เท่ากับฝ่ายรัฐบาลสูญเสียขุนพลไปถึงสองคนในคราวเดียว จึงให้ปิดประตูเมืองแน่นหนา รอคอยความช่วยเหลือจากเมืองหลวงแล้ว
…
หลังจากที่กวนอูจับตัวหนึ่งพยัคฆ์ สังหารหนึ่งขุนพล และยึดคลังเสบียงฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ จึงวางใจให้ทหารปักกระโจมตั้งค่ายกดดันที่หน้าเมืองอ้วนเซีย แต่มองดูบาดแผล เห็นเลือดสีคล้ำดำ แสดงว่า เป็นเกาทัณฑ์อาบยาพิษ จึงกังวลใจ สั่งการตามหาตัวหมอมีชื่อมารักษาก่อน ส่วนอิกิ๋มที่ร่ำร้องขอชีวิตรอดนั้น จึงให้นำไปแห่ประจานในฐานะเชลยศึกตลอดเส้นทางที่นำตัวกลับไปเมืองเกงจิ๋ว และใช้หัวของบังเต๊กปักไว้เหนือโลงศพวางขู่ไว้ที่หน้าเมืองอ้วนเซีย เพื่อลดทอนขวัญกำลังใจ และชื่อเสียงของฝ่ายรัฐบาล
ฝ่ายเล่าปี่-ฮันต๋งอ๋อง และ กุนซือขงเบ้ง รับทราบสถานการณ์ทางด้านเมืองอ้วนเซียแล้ว กริ่งเกรงว่า กวนอูมีอายุมากแล้ว จะรับมือกับพิษบาดแผลไม่ไหว จึงสั่งการให้ม้าเฉียว ขุนพลใหญ่ อุยเอี๋ยน ขุนพลรอง และกุนซือ ม้าเลี้ยง นำกองกำลังมาสลับเปลี่ยนกัน เปิดทางให้พวกกวนอูล่าทัพกลับสู่เมืองเกงจิ๋วไปรักษาตัวอย่างจริงจัง ทิ้งให้ฮองตง ขุนพลใหญ่ อองเป๋ง ขุนพลรอง และกุนซือ หวดเจ้ง ตั้งมั่นที่เมืองฮันต๋งต่อไป
ที่จริงแล้ว ทั้งเล่าปี่ ขงเบ้งล้วนตระหนักดีว่า ม้าเฉียวและคนสกุลม้ามีสายสัมพันธ์อันยาวนานกับคนชนเผ่าด้านตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเผ่าตี เผ่าเกี๋ยง รวมไปถึงชนเผ่านอกด่าน ทำให้กริ่งเกรงว่า ขุนพลดังที่เพิ่งเข้าร่วมนั้น จะเปลี่ยนใจตั้งตนขึ้นมาเป็นอิสระเหมือนแต่ก่อนอีก จึงระแวงไม่อยากให้ม้าเฉียวควบคุมกองกำลังอยู่ที่เมืองฮันต๋งนานๆ
พอเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จึงรีบใช้เหตุโยกย้ายให้ออกจากพื้นที่อันตราย โดยมีอุยเอี๋ยนเป็นผู้กำกับทัพไปด้วยอีกคนหนึ่ง อย่างน้อย อุยเอี๋ยนก็มีฝีมือสูงส่งพอตัว และสนิทสนมกับเล่าปี่ในฐานะพี่เมีย ย่อมไม่ถูกปลุกปั่นได้โดยง่าย และในจุดนี้ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เล่าปี่ไม่หักหาญรีบแต่งตั้งอุยเอี๋ยนขึ้นเป็นขุนพลสวรรค์คนที่หก เพราะการที่อุยเอี๋ยนตามประกบม้าเฉียวในฐานะขุนพลรอง จะทำการได้สะดวกกว่า
ม้าเฉียว ม้าเลี้ยง ไม่ได้มีทีท่าหวาดระแวงต่ออุยเอี๋ยนอันใด หากแต่การเดินทัพจากเมืองฮันต๋งไปยังเมืองอ้วนเซียครั้งนี้ กลับคล้ายเชื่องช้าอยู่บ้าง โดยอ้างว่า ม้าเลี้ยงกินของแสลง เกิดป่วยกระทันหัน จึงผิดวิสัยของนายพรานที่ต้องการไล่ล่าสัตว์ป่า แต่กลับดูเหมือนนายพรานที่เฝ้ารอคอยให้สัตว์ป่าติดกับดัก ณ ที่ใดที่หนึ่งในป่าใหญ่
…
ซุนแจ้ง ฮกเหอ ซุนเกา ฮกเสียว สี่แกนนำเครือข่ายใต้ดินกำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียดภายในห้องลับ เพื่อหาทางจัดการกับสถานการณ์เมืองอ้วนเซียให้เหมาะสม หากปล่อยให้กวนอูยึดครองไปได้ เกรงว่า เล่าปี่จะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ และรุกคืบชิงแผ่นดินไปได้โดยง่าย
“โจโฉได้ส่งโจผี ซิหลง เตียวคับ และกองทัพอีกสามหมื่นลงมาสมทบ คาดว่าจะถึงเมืองอ้วนเซียไม่เกินสามสิบวัน เมื่อรวมกันกับกองทัพที่หลงเหลือของโจหยินกับสามเทพบุตร เท่ากับเป็นกองทัพร่วมห้าหมื่นนาย มีกำลังคนเหนือกว่าฝ่ายกวนอูที่มีเพียงสองหมื่นเศษ” ฮกเสียวรายงานข้อมูลจากฝั่งรัฐบาลฮั่น
“เล่าปี่สั่งการให้ม้าเฉียว อุยเอี๋ยน ม้าเลี้ยง เคลื่อนพลมาจากเมืองฮันต๋ง กำลังพลราวสองหมื่นเศษ น่าจะมาถึงได้ในเวลาใกล้เคียงกัน หากบรรจบกันแล้ว สองทัพเท่ากับมีทหารร่วมสี่หมื่นเศษ ถือว่าจำนวนคนยังใกล้เคียงกันอยู่” ซุนเกาให้ข้อมูลฝั่งเสฉวนบ้าง
“เตียวเลี้ยวอ้างคำสั่งของโจโฉ เคลื่อนพลสองหมื่น หมายบุกยึดเมืองกังแฮที่ตันฮก เล่าฮองไปตั้งหลักอยู่ หากได้ชัย คาดว่า จะไปขึ้นอยู่กับกวนอู ตั้งตนเป็นอิสระ แยกออกจากฝ่ายเสฉวนอีกครั้ง” ฮกเหอกล่าว “ตันฮกมีกำลังพลเพียงหนึ่งหมื่น น่าจะต้านทานเตียวเลี้ยวไม่ไหว ขึ้นอยู่กับว่าจะตั้งรับได้เนิ่นนานเพียงไรเท่านั้น”
“ขณะนี้ เมืองเกงจิ๋วเองกลับเปราะบางที่สุด มีเพียงม้าต้ายกับกองทัพหนึ่งหมื่นเฝ้่ารักษาการณ์ หากฝ่ายกังตั๋งส่งคนลอบโจมตีไม่ให้ทันตั้งตัว สมควรยึดครองได้โดยง่าย” ซุนแจ้งประเมินทิศทางของฝ่ายตนให้ทราบเช่นกัน “เมื่อได้เมืองเกงจิ๋วแล้ว หัวเมืองรอบๆก็จะทะยอยเปลี่ยนมือมาทางฝ่ายเราเช่นกัน สูญเสียความสัมพันธ์กับเล่าปี่ แลกกันกับพื้นที่ยุทธศาสตร์ใจกลางประเทศ พวกท่านเห็นเป็นอย่างไร”
“ยึดครองเมืองเกงจิ๋วย่อมสำคัญที่สุด มิตรภาพกับเล่าปี่เป็นเพียงสิ่งฉาบฉวย รอเวลาให้แตกหักอยู่แล้ว” “เสียงดังกังวานดังมาจากผนังห้องด้านหนึ่ง ทั้งสี่แตกตื่นตกใจที่มีคนบุกรุกมายังห้องลับ แถมยังแอบฟังคำสนทนาอยู่ตั้งเนิ่นนานโดยไม่มีใครสังเกตพบ รีบหยิบฉวยอาวุธคู่มือกันจ้าละหวั่น
เสียงครืนครืนดังขึ้น ผนังลับด้านหนึ่งเปิดออกให้เห็นเป็นประตูช่องใหญ่ ซุนเกี๋ยนและกวนลอ พร้อมกับองครักษ์ถือทวน ก้าวเดินออกมาอย่างสง่างาม พวกซุนแจ้งค่อยคลายใจ รีบทำความเคารพตามอาวุโส หากแต่ยังงุนงงสงสัยที่ห้องลับนี้มีผนังลับซ่อนอยู่อีกตั้งแต่เมื่อใด
ซุนเกี๋ยนพอจะคาดเดาความคิดได้ จึงกล่าวอธิบาย “ห้องลับแห่งนี้เคยเป็นที่ทำการใหญ่ของเรามาตั้งแต่อดีต พอดีเราทั้งสามผ่านมาหยิบฉวยสิ่งของ และได้รับฟังพวกเจ้าพูดคุยกันโดยบังเอิญ ที่จริงแล้ว ความตายของแฮหัวเอี๋ยนนั้นคือสัญญาณเริ่มต้นความเสื่อมโทรมของพวกโจโฉ จงนำคำสั่งของเราสั่งการให้ซุนกวนทำการยึดครองเมืองเกงจิ๋ว ถึงเวลาที่สำนักหุบเขาปีศาจต้องออกมาเคลื่อนไหวแล้ว”
…
กวนลอแอบคิดคำนวนในใจถึงขุมกำลังอันยิ่งใหญ่ของสำนักหุบเขาปีศาจที่มันก้าวเข้ามาแทรกแซงอยู่เป็นเวลายาวนาน มาถึงวันนี้ รูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไรไปแล้วหนอ
จากโครงสร้างใหญ่ที่ซุนเกี๋ยนและซุนฮกผู้ล่วงลับ ร่วมกันวางแนวทางไว้ บังเต๊กกงคือประมุขหุ่นเชิด ควบคุมนิกายแสงจรัส เน้นเรื่องกองกำลัง กำกับโดยกุนซือเตียวเหียน ส่วนซุนเกี๋ยนควบคุมนิกายเงาอสูร เน้นเรื่องเศรษฐกิจ กำกับโดยกุนซือเตียวเจียว ตอนนี้ ซุนฮกตายไปนานแล้ว บังเต๊กกงกับทายาทก็ทะยอยตายหมดสิ้น เตียวเหียนเองก็โดนลอบสังหารไป ตัวผู้นำคนวางแผนเหลือเพียงซุนเกี๋ยนกับเตียวเจียวที่ยังคงอยู่ดีมีสุข
ลำดับต่อมา เริ่มจากนิกายแสงจรัส พรรคฟ้าเหลืองล่มสลาย เตียวก๊กสามพี่น้องตายไปเนิ่นนานแล้ว ขุมกำลังสัตตดารามีเหลืออยู่ห้าคน เตียวเฟิงอยู่ข้างกายกวนอู เตียวคับหรืออดีตเตียวคี อยู่กับโจโฉ ล้วนแต่รอคอยจังหวะลงมือ เตียวเลี้ยว เตียวหุย สองคนทรยศไปแน่นอนแล้ว ส่วนเตียวหยุนยังดูไม่ชัดเจน แต่ขณะนี้ เตียวหุย เตียวหยุนคล้ายหายสาบสูญไป เหลือเพียงเตียวเลี้ยวเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่ที่เมืองหับป๋า
เครือข่ายสุมา ถือว่าล่มสลายไปตั้งแต่การตายของสุมาเต๊กโชก็ว่าได้ หลงเหลือเพียงกลุ่มทายาทมังกร อันมี สุมาอี้ จูกัดเหลียง ลกซุน ต่างแยกย้ายกันเป็นใหญ่ มีน้ำหนักสำคัญในแต่ละก๊กพอสมควร หากแต่พวกมันยังจงรักภักดีต่อขบวนการจริงหรือไม่
กองทัพธรรมล่มสลายเช่นกัน เล่าเปียว เล่าเจี้ยงล้วนสิ้นชีวิต เล่าฉวนหายสาบสูญ แต่ตันฮกข้ามสายมาตั้งตนรื้อฟื้นกองทัพธรรมนี้ขึ้นมาด้วยกองกำลังเมืองกังแฮ มีเล่าฮอง ที่เป็นบุตรของเล่าฉวน เบ้งตัด อุยก๋วน เป็นพวก กลายเป็นเชื้อไฟสงครามที่รอประทุ
ทางฝ่ายนิกายเงาอสูรนั้น ดินแดนกังตั๋ง ซุนกวน เตียวเจียว กำลังดำเนินงานไปได้ด้วยดี ขุนพลขุนนางและจำนวนทหารมากมาย เสบียงและยุทโธปกรณ์พร้อมสรรพ ด้านเศรษฐกิจการค้าก็มั่นคงมั่งคั่ง สมกับเป็นอาณาจักรใหม่ที่จะก้าวขึ้นแทนที่ราชวงศ์ฮั่น
เครือข่ายใต้ดินที่แฝงตัวอยู่ในสหพันธ์การค้าและกิจการร้านค้าก็ยังมั่นคงเป็นปึกแผ่น และเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับสามสหพันธ์การค้า มีอิทธิพลครอบคลุมทั่วทั้งแผ่นดิน ภายใต้ความดูแลของซุนแจ้งกับพวก ตัวผู้นำสหพันธ์ทั้งสามกลุ่มได้แก่ จงฮิว จูกัดจิ๋น ซุนลอง ก็ล้วนเป็นคนของตระกูลซุนทั้งสิ้น
จะมีแต่พันธมิตรเสเหลียงที่ขาดหายไป เพราะความสัมพันธ์อันร้าวฉานระหว่างม้าเฉียวกับซุนฮกจากเหตุการณ์ในคุกหลวง แต่คนตระกูลม้าก็ยังคงโลดแล่นอยู่ภายใต้ขุมกำลังของเล่าปี่อย่างมีเงื่อนงำ นอกจากนี้ ยังมี กาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ ฮัวโต๋ หมอเทวดา และตันเซ็ก ทายาทสกุลตัน ที่ไร้สังกัดชัดเจน ส่วนคนใดยังมีลูกศิษย์ทายาทซุกซ่อนอยู่อีกหรือไม่ มันเองกลับไม่ทราบได้แล้ว
สถานการณ์โดยรวมของแผ่นดินเปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากก๊กเล็กก๊กน้อยลดเหลือเพียงสามก๊กใหญ่ รัฐบาลฮั่นของกษัตริย์เหี้ยนเต้ที่อยู่ภายใต้เงาของโจโฉ-วุยอ๋อง กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทรราชย์โดยเล่าปี่-ฮันต๋งอ๋อง และกลุ่มพยัคฆ์หนุ่มแดนใต้ของซุนกวน
ความยุ่งยากในการรวบรวมแผ่นดินจึงคล้ายจะผ่านพ้นไปแล้ว หากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีอำนาจ และอิทธิพลเหนือกลุ่มอื่นๆที่เหลือ ย่อมสามารถยึดครองแผ่นดินตงหยวนไว้แต่เพียงผู้เดียว ถึงเวลาที่ขุมกำลังที่แท้จริงของมันต้องลงมือเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน
…
ณ ห้องพักผ่อนในจวนใหญ่ ขงเบ้ง-จูกัดเหลียง กับฮองเย่อิง ผู้เป็นภรรยา นั่งดื่มชาพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังคุกรุ่น ถึงตอนที่ฮองเย่อิงกำลังกล่าว “น่าเสียดายที่กวนอูยังเป็นตัวแปรสำคัญในพื้นที่นั้น จนกว่าม้าเฉียวจะเข้าไปสับเปลี่ยนตำแหน่งในอีกสิบห้าวันข้างหน้าตามแผนการของท่านพี่”
“ที่จริง ม้าเฉียวเองก็ไม่น่าไว้วางใจเช่นกัน เพียงแต่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ เพราะเตียวหุย จูล่งล้วนหายสาบสูญไป แต่อย่างมาก อุยเอี๋ยนก็น่าจะช่วยถ่วงดุลย์ไว้ได้บ้าง” ขงเบ้งตอบคำ “เรากลับกังวลใจกับนิกายแสงจรัสอันลึกลับเสียมากกว่า ศิษย์พี่สุมาอี้บอกเล่ามาเพียงเล็กน้อยถึงโครงสร้างอันซับซ้อน ราวกับเป็นขุมกำลังลับที่ต้องการแผ่นดินไปครอบครองเสียเอง พวกเราเป็นเพียงตัวเบี้ยในกระดานของมัน”
ทันใดนั้น เกิดเงาร่างคนชุดดำพุ่งผ่านหน้าต่างที่เปิดกว้างเข้ามาในห้อง ที่จริง จวนของขงเบ้งรายล้อมด้วยทหารรักษาการณ์แน่นหนารัดกุม เพราะขงเบ้งไม่เคยลืมเลือนการล้างแค้นจากคู่ปรับคนสำคัญจากแดนเถื่อนทางใต้ แต่ดูเหมือนเงาร่างนี้จะรวดเร็วเกินไปจนคล้ายภูตพราย เคลื่อนผ่านด่านตรวจเข้ามาถึงตัวคนสำคัญได้โดยง่าย
ขงเบ้ง ฮองเย่อิงต่างแยกย้ายไปที่มุมห้อง ตบใส่ปุ่มกลไกสังหารที่ตระเตรียมไว้ เห็นเกาทัณฑ์ ลูกดอก และอาวุธลับขนาดเล็กใหญ่มากมายพุ่งออกมาจากหลากหลายทิศทาง แต่ชายชุดดำกลับคว้าเอาโต๊ะเตี้ยมาบังร่างกายพร้อมสะบัดแขนเสื้อช่วยจัดการกับกับดักที่อุตส่าห์ลงแรงไว้ในพริบตา พร้อมตวาดขึ้น “ช้าก่อน เหลียงน้อย เป็นเราเอง”
ฮองเย่อิงเห็นขงเบ้งตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย ใบหน้าซีดเผือด จึงเข้าใจว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ รีบหยุดมือ และตรงเข้าประคองร่างขงเบ้งให้นั่งบนเก้าอี้ล้อหมุนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ชายชราผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายซูบผอม แต่ท่าทางองอาจ ตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา เค้าหน้าดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาดใจ
“เจ้าเลือกคู่ชีวิตได้ยอดเยี่ยมนัก สมควรแล้วที่ได้รับคำยกย่องจากคนทั่วแผ่นดิน” ชายชรากล่าวชมเชย ราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่กำลังชื่นชมบุตรหลานในครอบครัว
ขงเบ้งตบที่วางแขนให้ตัวลอยขึ้น แล้วคุกเข่าโครมลงกับพื้่น กล่าวด้วยน้ำเสียงแปร่งปร่า “ท่านพ่อกล่าวชมเกินไป”
ชายชราในชุดดำยืนเท้าสะเอวเงยหน้าหัวร่อร่า ในขณะที่ฮองเย่อิงรีบทรุดตัวลงคุกเข่าตามขงเบ้งไปด้วยเช่นกัน มรสุมการเมืองลูกใหม่ปรากฏออกมาอีกแล้วกระมัง เป็นจูกัดกุ๋ย ปรากฏโฉมขึ้นอีกครั้งแล้ว
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 5 - พยัคฆ์หยกนรกทักษิณ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย