Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
SONTHAYA - วิศวกรเรื่องเล่า
•
ติดตาม
12 ก.ค. 2021 เวลา 19:11 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากภูดาว EP#3.1 special
"the past"
"16:47"
"โย่ว...เอก"
เสียงใสๆของเด็กผู้หญิงคนนึงดังขึ้นระหว่างที่เอกกำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะเรียนตัวประจำบริเวณกลางห้องติดหน้าต่าง
รูปนี้คงเป็นรูปที่บอกตำแหน่งของโต๊ะผมได้ดีที่สุดแล้วล่ะ
"หืม.." ผมยังมีอาการงัวเงียจากการนอนหลับฝันดีเป็นเวลาสั้นๆ
"อ่าว...ว่าไงวา"
"จะหลับไปถึงเมื่อไหร่ ! ... นี่มันเลิกเรียนแล้วนะ !"
วาตะโกนดังลั่นจนอาการงัวเงียนั้นหายไปทันที
"โอ้ย ! เสียงดังเว่ย ตกใจหมด" ผมโวยวาย
"หลับประจำเลยนะนายอ่ะ" วาบ่นผม
"ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็อาจารย์สอนอย่างกับกล่อมเด็กนอน"
...
"15:12"
"คำว่าพลเมืองที่ดีคืออะไร ไหนใครตอบได้บ้าง" อาจารย์กำลังสอนในคาบสุดท้ายของวัน
"ทำตามกฎหมายครับ" นักเรียนหัวกะทิคนหนึ่งตอบ
"ใช่ครับ นั่นก็ส่วนหนึ่ง ซึ่งจริงแล้ว การเป็นพลเมืองที่...."
อยู่ดีๆทำไมหัวผมก็เริ่มถูกดึงลงตามแรงโน้มถ่วง หนังตาก็เริ่มหนักราวกับมีน้ำหนักเป็นตันๆถ่วงอยู่ ทำให้ผมเริ่มไม่สามารถ...
ต้าน
มัน
ไม่
ไหว
แล้ว
zZzzz
...
"เข้าใจเลย วิชานั้นอาจารย์สอนโคตรง่วง" วาขำก๊าก
"เอ้อ นั่นแหละ เธอคงไม่สงสัยแล้วดิ ทำไมเราถึงหลับ" ผมเอามือเท้าคางคุยกับวา
"เดี๋ยวเรารีบเก็บของดีกว่า จะได้รีบกลับบ้านกัน"
ปกติผมกับวาจะกลับบ้านพร้อมกันเสมอ แม้จะเรียนอยู่คนละห้องกัน แต่ก็ไม่มีอะไรแปลก เพราะว่าบ้านผมกับบ้านวาอยู่ทางเดียวกัน ผมกับวาก็เลยกลับบ้านพร้อมกันอยู่บ่อยๆ เว้นเสียว่าบางวันที่ผมหรือวาจะมีกิจกรรมยามเย็นอื่นๆ เช่น เพื่อนนัดไปเที่ยว เพื่อนนัดไปกินชาบูเป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ผมกับวาก็กลับพร้อมกันเป็นเรื่องปกติแหละ
ท้องฟ้ายามเย็นสีส้มชมพูชวนน่าหลงไหล ดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกลๆคอยฉายแดดสีส้มเบาๆ พร้อมกับลมเย็นๆที่คอยพัดพริ้วเป็นระยะๆ ไม่ต้องดูที่ข้อมือ ก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาเย็น
"เดี๋ยวช่วยกันดูหน่อยนะ ว่ารถเมล์มายัง เดี๋ยวแม่งเลยเราไปอีก" ผมพูด
"เออได้ เดี๋ยวช่วยดู" วาตอบกลับมา
...
เวลาผ่านไปซักพักรถก็ยังไม่มาซักที ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าประเทศเอาเงินภาษีเราไปใช้ทำอะไรหมด จนผมเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อยถึงปานกลางกับการบริหารประเทศโง่ๆนี้
"ทำไมยังไม่มาอีกเนี่ย" ผมบ่นพรึมพรำ
"นั่นดิวะ ทำไมมันยังไม่มาอีก" วาพยายามพูดให้ผมใจเย็นลง
"ผู้บริหารประเทศเราทำอะไรอยู่เนี่ย" ผมหันไปพูดกับวา
ผมสังเกตุเห็นท่าทีวาเหมือนจะโรยแรง พลังงานใกล้จะหมด ขาวาเริ่มสั่น แทบจะยืนไม่ไหว ไม่เหมือนกับทุกวัน
"วา.. เธอเป็นอะไรป่ะเนี่ย โอเคไหม" ผมถามวาด้วยท่าทีเป็นห่วง
"เห้ย ! เราโอเคหน่.." วาตอบผม
"พอเลย"
ผมพูดแทรกวาขึ้นมาพร้อมกับจูงแขนวาเดินเข้ามาภายในศาลาที่อยู่ใกล้ๆป้ายรถเมย์
"ถ้าไม่ไหว ก็มานั่งพักในร่มดิ ถ้าเป็นอะไรมา ป๊าม๊าเธอด่าเราแน่" ผมบ่นวา
"ถะ...โถ่ แค่นี้เอง ไม่เห็นเป็นไร" วาทำท่าจะลุกขึ้น
"หยุดเลย นั่งพักไป เดี๋ยวเราดูรถเอง ถ้ามาแล้วเดี๋ยวเราเรียก" ผมพูด
ผมเดินออกมาจากศาลา ปล่อยให้วาได้นั่งพักในที่ร่ม ดูท่าทางวาจะไม่ค่อยสบาย ตากแดดนานๆคงไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ๆ
...
รถเมล์สุดหรูของเมืองไทยคู่อริตลอดกาลของผม
"เห้ย รถเมย์ จอดๆๆ" ผมเด้งตัวไปโบกรถเมล์ให้จอด
ไม่นานรถเมล์เจ้าเก่าของผมก็มาจอดที่ป้าย
"วา... มาๆ" ผมเรียกวาให้ขึ้นรถ
"เวร" ผมคิดในใจ
สถานการณ์ในรถโดยสารตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ผู้คนแออัด และด้วยรถเป็นรถแอร์จึงทำให้มีกลิ่นเหงื่อของผู้โดยสารท่านอื่นตลบอบอวลเต็มคันรถไปหมด โดยปกติแล้วรถสายนี้ขับไม่ค่อยจะดีเสียด้วยสิ
ผมเริ่มเป็นห่วงวาขึ้นมาแล้วสิ จะไหวไหมวะเนี่ย
ผมขึ้นมาอยู่บนรถ โหนรถเมย์พร้อมกับวาที่อยู่ข้างๆกัน ด้วยความที่วาตัวเล็กกว่าผมจึงทำให้วาต้องชูสุดแขนในการเอื้อมโหนรถเมย์เพื่อทรงตัว
"ไงวา โอเคขึ้นยัง" ผมถามวาขึ้นมาอีกครั้ง
วาไม่ตอบอะไร มีแต่หันหน้าขึ้นมามองตาผม แล้วชูนิ้วโอเคขึ้นมาให้ผมด้วยท่าทีที่โรยแรงเหลือทน
"โอ้ว วาเอ๋ย ช่างน่าสงสาร" ผมพูดขึ้น
"จับแขนเราก็ได้วา ถ้ามันจำลำบากขนาดนั้น" ผมหลุดขำ
วาค่อยๆเอื้อมแขนมาเกาะที่แขนผม
ในระหว่างนี้ผมจึงต้องดันขีดจำกัดของประสาทสัมผัสทั้งหมด เพื่อสังเกตุว่าใครกำลังจะลงป้าย ใครกำลังจะลุกจากที่นั่ง เพื่อหาที่นั่งให้กับวาให้ไวที่สุด
นั่นไง !
ตรงนั้น คนกำลังลุก !
ทันใดนั้น ผมจึงพุ่งตัวไปเพื่อแย่งชิงที่นั่ง ที่มีผู้โดยสารท่านอื่นเป็นสิบๆหมายปองจะได้นั่งที่นั่งเดียวกับผม
แต่ก็...
"แห้วว่ะนาย" วาพูดขึ้น
"แหม่ ทีนี้ล่ะมีแรงพูดขึ้นมาเชียว" ผมตอบวา
"นั่นไง" ผมเหลือบไปเห็นที่ว่างจุดหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
ผมพุ่งตัวไปนั่งอย่างไม่รีรอ
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะหนึ่งในหลายสิบคนที่อยู่ในรถ
แต่จริงๆผมไม่ได้จะนั่งเองหรอก
"วา มานั่งนี่" ผมกวักมือเรียกวา
"นายไม่นั่งหรอเอก" วาถามผม
"ยืนจะไม่ไหวอยู่ละ มานั่งเลย ให้ไว ไม่งั้นเราจะนั่งละ" ผมหยอกล้อวาเล็กน้อย
"ก็ได้" วาตอบผมสั้นๆด้วยเสียงสั่นๆ
"ขอบใจนะ"
ผมไม่ได้พูดอะไร นอกจากชูมือขึ้นมาตอบว่าโอเค
...
แต่ไม่นานนัก ประมาณ 2-3 ป้าย คนก็เริ่มทยอยลงกันจนรถเริ่มว่าง เหมือนกับว่าคนทั้งรถรอลงที่ป้ายนั้นป้ายเดียว
...
"ฮึบ... เห้อออ" ผมทิ้งตัวลงบนที่นั่งข้างๆวาทันที พร้อมกับถอนหายใจออกมา ราวกับว่าดึงความเมื่อยนั้นออกมาทางลมหายใจ
จากนั้นผมเหลือบไปมองวา ยังเห็นว่าวายังอาการไม่ค่อยดีขึ้น
"เดินกลับบ้านไหวป่ะเนี่ย ให้เราไปส่งไหม?" ผมถามวา
จริงอยู่ที่บ้านผมกับบ้านวาอยู่ทางเดียวกัน แต่ยังไงการที่วาจะกลับบ้านได้ ก็ต้องเดินเข้าไปอยู่ดี เพราะว่าบ้านวานั้นอยู่ภายในหมู่บ้านจัดสรรค์เล็กๆ แล้วอาการของวาก็ดูไม่สู้ดีนัก
ปกติผมก็ไม่ค่อยเป็นห่วงเป็นไยวาเท่าไหร่หรอก แต่ก็นะ เห็นผู้หญิงเป็นแบบนั้น ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ
"อยากไปส่งเราอ่ะเด้" วาพูดขึ้นมา
"เออ อยากไปส่งเหลือเกิน ดูสภาพเธอดิ"
"ไม่ต้องหรอก เราเกรงใจ" วาตอบ
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากนั่งเหยียดแขนเหยียดขาเพื่อคลายเมื่อย และรอจนกว่ารถเมย์จะถึงที่หมาย
เมื่อรถเมย์สัญจรไปตามทาง ผ่านป้ายรถเมย์จำนวน 2-3 ป้าย ก็ถึงจุดที่วาจะต้องลง
"เอ้าวา ถึงบ้านแล้ว ไม่ลงหรือไง" ผมทักขึ้น
"เอ้า ถึงแล้วหรอ" วารีบเก็บกระเป๋าตัวเอง ก่อนจะเดินไปที่ประตูรถ
"บ้ายบายเอก ขอบใจนะวันนี้" วาโบกมือลาผมก่อนที่จะเดินลงรถไป
รถค่อยๆแล่นออกจากป้ายไป เพื่อเดินทางตามเส้นทางต่อไป
...
วาหันหลังกำลังจะเดินเข้าหมู่บ้าน
"ไงวา" ผมพูดขึ้น
วาตกใจเล็กน้อย แล้วหันมาหาผม
"เอ้าเอก เราบอกแล้วไงว่าเรากลับเองได้"
"เออหน่า ไม่เป็นไรหรอก"
"อยากไปส่งเราแน่ๆเลย คิดไรกับเราป่ะเนี่ย" วาพูดหยอกผม
"คิดสุดๆ" ผมตอบ
"คิดว่าเธอจะเป็นลมกลางทางก่อนจะถึงบ้าน"
"พูดมาก เดี๋ยวเราเดินไปส่ง"
ผมเดินไปดึงกระเป๋าของวามาสะพาย
"ดูแลตัวเองหน่อยดิวา" ผมพูดขึ้นมา
"ป่ะๆ"
วาไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินเข้าหมู่บ้านไปพร้อมกับผม
...
"ถึงแล้ว หลังนี้เลย" วาพูดขึ้น
"อ่าว บ้านเธอทำโรงงานหรอ" ผมถาม
"ช่ายย เป็นโรงงานเล็กๆอ่ะ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย"
"เอ้อ ดีว่ะ เดี๋ยวถ้าเธอเรียนจบก็มาช่วยกิจการที่บ้านได้สบายเลย"
"เราก็หวังแบบนั้นแหละ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนะ" วาขำ
"กลับไปได้ละ เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะนินทาว่าเรามีหนุ่มๆมาหา" วาไล่ผม
"โถ๊ะ แม่คุณ ถึงบ้านก็ฟื้นเลยนะ"
ผมยื่นกระเป๋ากลับไปให้วา
"งั้นก็ดีแล้ว ที่ไม่ได้เป็นอะไรมากอ่ะ" ผมพูดด้วยความเป็นห่วง
"ดูแลตัวเองดีๆหน่อย ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อย่าตายก่อนล่ะ" ผมพูดแกล้งวาก่อนจะขำออกมา
"ย่ะ !" วาตอบผม
"งั้นเดี๋ยวเรากลับก่อนละกัน" ผมพูด
"บายวา ไว้เจอกันพรุ่งนี้"
ผมหันหลังเดินออกไปทางเดิม
"เอก !"
ผมหันควับกลับไปที่จุดกำเนิดเสียงนั้น
"ขอบใจนะ" วากล่าวขอบคุณผม
ผมยิ้มเล็กน้อย ก็จะชูนิ้วโอเคขึ้นส่งสัญญาณให้กับวา และค่อยๆ...เดินจากไป...
สวัสดีครับ ผมเมอร์จินท์นะครับ :)
สำหรับ EP นี้ เป็น EP พิเศษครับ ที่เล่าย้อนกลับไปตอนที่วากับเอกยังเรียนด้วยกันอยู่ที่โรงเรียนมัธยม โดยเล่าเป็นมุมมองของเอก
เป็นชีวิตธรรมดาๆของนักเรียนธรรมดาๆ 2 คน
หวังว่าจะชอบกันนะครับ ^^
ถ้าชอบ ฝากกดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนด้วยนะครับ :)
บันทึก
3
8
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่าจากภูดาว
3
8
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย