Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
SONTHAYA - วิศวกรเรื่องเล่า
•
ติดตาม
12 ก.ค. 2021 เวลา 16:00 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากภูดาว EP#3
“Zephyr”
“อ่าว.. วา.. มาได้ไงเนี่ย?”
เอกเอ่ยถามด้วยความตกใจปะปนกับความดีใจอย่างแยกไม่ออก
“บินมา”
วาตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิดอะไร พร้อมกับยิ้มจนลักยิ้มปรากฎให้เห็นแม้จะยืนอยู่ไกลกัน
วาเป็นผู้หญิงผมยาวสีดำ ไว้หน้าม้า ตาตี่ ขาว และมีไฝบริเวณใต้ตาขวา ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ มีเนื้อมีหนัง เอกลักษณ์ของวาคือแว่นทรงกลมลายกระ และชอบเล่นมุขฝืดๆเสมอ
แต่ถึงจะฝืด แต่ก็สร้างสีสันได้อย่างน่าประหลาด
เอกเอียงหัวเล็กน้อย ทำหน้างงๆ โดยไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าเอกคิดอะไรอยู่ในหัว
วาเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วตีเข้าที่ไหล่ของเอกอย่างแรง
“ไม่เจอกันนานเลยนะนาย ไม่คิดจะทักทายเราหน่อยหรอ”
“เออว่ะ… ไงวา เป็นไงมาไง”
“ช่วงนี้มะมะไม่ค่อยสบาย”
วาตอบเอกพร้อมกับทำท่าเอามือจับหน้าผากประกอบมุกฝืดๆของตัวเอง
“แหม่ ไม่ถามพรุ่งนี้เลยล่ะ” วาพูดขึ้นมา
“โอเค งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยถาม” เอกยิ้มแบบสะใจ
“พูดเล่นเว่ย”
“เออหยอกเล่นหน่า” เอกขำเบาๆ
“ป่ะๆ รีบเดินไปชั้นต่อไปดีกว่า เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน” เอกชวนวาเดินต่อ
“ป่ะ” วาตอบพร้อมกับเดินคู่ไปกับเอกด้วยความร่าเริง
…
เส้นทางหลังจากนี้ค่อนข้างลำบากมากกว่าเส้นทางที่ผ่านมาพอสมควร มีบันไดที่สูงชัน แต่ยังดีที่มีราวจับที่ทำมาจากเชือกเส้นหนา คอยเซฟตี้นักท่องเที่ยวไว้ตลอดทาง 2 ข้างทางเป็นป่าไม้สูงตลอดเส้นทางยาวและชันนี้
เมื่อมองขึ้นไปที่สุดบันไดจะเห็นท้องฟ้าสีครามและก้อนเมฆที่ลอยอยู่อย่างพริ้วไหว ราวกับว่ามันกำลังให้กำลังใจเราอยู่อย่างบอกไม่ถูก
เอกเมื่อเห็นภาพที่สวยงามแบบนั้น จึงไม่รอช้าที่หยิบกล้องออกมาถ่ายรูป
“แชะ”
เสียงกล้องของเอกดังขึ้น
“ปลายทางวันนี้คือชั้นที่ 2 น่าจะเย็นพอดี พักผ่อนก่อน แล้วค่อยลุยต่อพรุ่งนี้เช้าดีกว่า” เอกพูดขึ้นระหว่างเดินขึ้นบันได ก่อนจะหันกลับมามองวาที่ตามหลังอยู่
“เอิ่ม.. ไหวไหมวา” เอกเอ่ยถามขึ้นหลังจากเห็นสภาพที่อ่อนล้าโรยแรงของวา
“ระ..เราโอ..เค แฮ่กๆ” วาตอบเอกพร้อมกับชูนิ้วสัญญาณโอเค
“ขาสั่นละเด้อ ไหวไหม เดี๋ยวอีกไม่กี่ขั้นก็ถึงจุดพักแล้ว” เอกถามอีกครั้งด้วยความสงสารปนขำ
“เอ้าวา ยิ้มหน่อย”
“แชะ”
เอกอาศัยจังหวะที่วาเผลอแกล้งถ่ายรูป
“เฮ้ยยย น่าเกลียด ถ่ายแบบไม่บอกเราได้ไง เอามาดูเลยนะ” วาพูดขึ้นมา
“ก็มาดูให้ได้ดิ” เอกท้าทาย
“เดี๋ยวเถอะ” วารีบเดินขึ้น
เอกสังเกตุกระเป๋าเป้สีน้ำเงินลายจุดขนาดกลางที่ถูกยัดเหล่าสัมภาระทั้งหลากหลายจนแน่นที่วาแบกอยู่อย่างทุลักทุเล
เอกเดินกลับลงมาหาวา
“สงสารว่ะ มาเดี๋ยวช่วย” เอกแย่งกระเป๋าใบนั้นมาจากวา
วามีท่าทีตกใจเล็กน้อย ก่อนจะขอบคุณเอกที่ช่วยแบกเป้ให้
“ขอบใจนะเอก เดี๋ยวเย็นนี้เราเลี้ยงข้าวเอง” วาพูดด้วยความดีใจที่เอกช่วย
“เอาตัวเองให้รอดเลย เราอ่ะ ขืนให้ถือเองต่อไป คงถึงชั้นต่อไปตอนตี 2” เอกยิ้มเบาๆก่อนจะหัวเราะเล็กน้อย
“เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” วาทำเสียงโมโหน่ารักๆ ก่อนจะรีบก้าวขึ้นบันไดตามเอกมาอย่างรวดเร็ว
“ตะกี้ยังหมดแรงอยู่เลยไม่ใช่รึไงแม่คุณ” เอกยืนรอวาอยู่ที่บันไดขั้นหนึ่ง
“พอโดนดูถูกแล้วไฟมันมา” วาพูดตอบเอก ก่อนจะหยุดที่ขั้นใกล้ๆขั้นที่เอกอยู่
“ไปกันต่อได้แล้ว มัวยืนเท่เดี๋ยวก็ถึงตอนตี 2 พอดี” วากวนเอกเล็กน้อย ก่อนจะเดินนำไป
เอกพอเห็นวาเริ่มมีแรงก็อุ่นใจ ที่เห็นว่าตอนนี้วาไม่ได้แบตหมดอย่างที่ผ่านมา
“เฮ้ย รอด้วย” เอกพูดก่อนจะรีบก้าวตามวาไป
…
“จุดชมวิวที่ 1”
“มาถึงแล้วนะ จุดชมวิวแรก หลังจากเหนื่อยแทบคลานขึ้นดอย” เอกเริ่มบทสนทนากับวา
“สวยเนอะ” วาพูดขึ้นมาลอยๆ
เมฆสีขาวที่ลอยพริ้วไปมาตามสายลม ฟ้าสีแสดที่นิ่งสงบ ชาวบ้านในชุมชนที่กำลังสัญจรไปมาตามเส้นทาง แม่น้ำไหลค่อยๆที่ตัดผ่านชุมชนเป็นทางยาว เหล่าภูเขาที่อยู่ห่างไกลสุดลูกหูลูกตา และดวงอาทิตย์ที่สาดแสงจ้า ลอดผ่านจากซอกภูเขาฉายแสงเข้าสู่นัยตาเรา ทุกอย่างสามารถมองเห็นได้จากตรงนี้ เป็นภาพที่หาได้ยากเมื่ออาศัยอยู่ในท่ามกลางตึกสูง
วิวข้างหน้าเอก ทำให้ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยหลังจากที่ผ่านการเดินขึ้นเขามาเกือบทั้งวันถูกสลัดออกไปจากร่างกายเอกอย่างน่าพิศวง
หลังจากเอกได้มองภาพข้างหน้าผ่านสายตา เอกก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพความทรงจำนั้นผ่านเลนส์กล้อง
“แชะ” เสียงชัตเตอร์กล้องดัง
เอกหันไปมองวาก็สังเกตุได้ว่า วาก็ยืนมองวิวนี้มากว่า 3 นาทีแล้ว โดยที่ไม่หันไปมองอย่างอื่นเลย ราวกับว่าวาถูกดึงวิญญาณจากโลกตรงนี้ ไปสู่ภวังค์ที่มีแต่วาคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวที่นั่น
แสงสีอ่อนๆจากดวงอาทิตย์ กระทบลงบนที่ผมของวาทำให้สีของผมนั้นถูกย้อมรวมกันกับแสง กลายเป็นสีน้ำตาลไหม้ นอกจากนั้นแสงนั้นยังฉายลอดผ่านผมที่พริ้วไสวที่ปลิวตามสายลมของวาออกมาเป็นริ้วแสงเล็กๆนับไม่ถ้วน
“แชะ”
เอกแกล้งถ่ายวา เพื่อปลุกวาจากภวังค์นั้น
“เห้ยตื่นๆ” เอกปลุกวา
“หะ..หือ?!” วาตื่นจากภวังค์นั้นด้วยความตกใจ
“เห้ย!” วาตะโกนขึ้นมา
“ถ่ายเก่งงง นายเก็บกล้องไว้ถ่ายวิวเถอะย่ะ” วาพูดแซวเอก
“ไหนสวยเปล่า” วาเข้ามาใกล้เอกเพื่อขอดูภาพที่ถ่าย
“รูปนี้ดีอ่ะ ส่งให้เราด้วยน้าา” วาทำเสียงอ้อนเอก
“ได้ๆ เดี๋ยวเราส่งให้” เอกยิ้มและพยักหน้าตอบวา
“ไปต่อเถอะคุณ เดี๋ยวจะดึกก่อน ไปถึงจุดพักไม่ทัน” เอกพูด
“โอเค ลุย” วารีบเดินนำเอกไป
“หายเหนื่อยแล้วเนอะวา”
เอกคิดในใจก่อนจะเดินตามวาไป
…
"ชั้นที่ 2 ดาวดึงส์"
...
“ไม่นึกเลยนะ ว่าจะมีร้านอาหารอยู่บนนี้ด้วย” วาพูดขึ้นมา
“เขาก็มีร้านคอยดูแลนักท่องเที่ยวอยู่ทุกชั้นแหละวา” เอกตอบพลางกับตักข้าวกะเพราไก่เข้าปาก
"นายนี่ไม่เคยมูฟออนจากกะเพราไก่ไข่ดาวเลยนะ" วาทัก
ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวของโปรดเอก
"มนุษย์เรานะ พอเรามีชีวิตให้เราได้ค้นหาอะไรไปนานๆ เราจะเจอสิ่งๆหนึ่งที่ไม่ว่าเราจะอยู่กับมันนานแค่ไหน เราก็ไม่เบื่อ" เอกตอบ
"อย่างเช่นกะเพราไก่ไข่ดาวของเรานี่ไง"
“แต่เอ๊ะ ไหนว่าจะเลี้ยงข้าว นึกว่ารู้ซะอีกว่ามีร้านบนนี้” เอกพูดขึ้นมา
“อ๋อ พูดไปงั้นแหละ ถ้าไม่มีก็กะกินของนายเอา” วาตอบพร้อมกรอกตามองบน
“เอ้า พูดงี้ก็สวยดิ เลี้ยงเราเลย” เอกพูดจาแกล้งวา
“ม่ายยยย” วาตอบลากเสียงยาว
“อ่ะๆ พูดเล่น เดี๋ยวเรารีบกลับไปห้องดีกว่า ยังไงตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีแรงเอา”
เอกตอบพร้อมกับตักข้าวคำสุดท้ายของจานเข้าปาก
“แล้วนั่นกินอิ่มแล้วหรอ” เอกถามวา
“ปกติก็กินน้อยแบบนี้นา” วาตอบ
“งั้นเรียกเก็บเงินแล้วนะ” เอกพูดก่อนจะหันไปเรียกเจ้าของร้านให้เก็บเงิน
“น้าครับ เก็บเงินด้วยครับ”
…
บ้านพัก ณ ภูดาวชั้นที่สอง
เอกนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ไม้แดงบริเวณชานหน้าบ้านพักของตนเอง แสงไฟจากหลอดไฟส่องสว่างนวลๆพอให้เอกสามารถอ่านหนังสือได้
ไอเย็นที่อยู่รอบบรรยากาศรอบตัว ณ ที่แห่งนั้น ทำให้เอกเริ่มไม่สามารถทนทานความหนาวเย็นได้ โดยไม่ใส่อะไรป้องกันได้
เอกค่อยๆรู้สึกหนาวเย็นวูบๆ ราวกับไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ตัวเอกเริ่มสั่นปรือ ขนลุกทุกครั้งเมื่อลมหนาวค่อยๆมาสัมผัสที่ผิวหนัง
เอกหยิบมือถือของตนเองขึ้นมาดูเวลา
"19:52"
"ยังไม่ค่ำมากเลย หนาวแล้วหรอ" เอกคิดพร้อมกับลุกออกจากเก้าอี้เข้าบ้านพักหยิบเสื้อกันหนาวสีดำตัวโปรดมาสวม เพื่อสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ในตอนนั้น ก่อนที่เอกจะเดินออกจากบ้านพักไปนั่งที่เดิม เอกก็เหลือบไปมองผ่านหน้าต่างของบ้านพักตนเอง จึงสังเกตุเห็นว่าวากำลังโบกมือให้อย่างพอดิบพอดี
วาชี้นิ้วไปที่ตัวเอง พร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมา จากนั้นชี้ไปที่แก้วน้ำ และสุดท้ายจึงชี้มาที่เอก
"ทำอะไรของเขาวะ" เอกบ่นกับตัวเอง พร้อมกับทำหน้าสงสัย
เอกจึงทำนิ้วโอเคไปให้วา เพื่อส่งสัญญาณกลับไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าวาต้องการจะสื่ออะไร เหมือนกับส่งสัญญาณไปงั้น
ด้วยความบังเอิญ วาส่งสัญญาณโอเคกลับมาและเดินออกจากบริเวณหน้าต่าง
เอกก็งงๆ ไม่รู้ว่าวาจะทำอะไรจึงเดินออกมาจากบ้านพักกะจะนั่งอ่านหนังสือที่ค้างไว้ที่เก้าอี้ตัวเดิม
"แอ้ดด" เสียงเอกเปิดประตู
"สวัสดีตอนเย็นนะนาย" วาพูดขึ้นมาและยิ้มทักทาย
เอกสะดุ้งตกใจ
วาปรากฎตัวข้างหน้าของเอก สวมเสื้อกันหนาวสีขาว กางเกงวอร์มสีดำ พร้อมกับแก้วที่มีช็อคโกแลตร้อนอยู่ข้างหน้า 2 ใบ
ความร้อนของช็อคโกแลตทำให้น้ำที่อยู่ข้างในแก้วค่อยๆระเหยกลายเป็นไอลอยอยู่เหนือแก้ว
"เฮ้ยวา มาทำบ้าอะไรตรงนี้ ตกใจหมด" เอกตกใจเสียงดัง
"ตกใจอะไรของนาย" วาทำหน้าสงสัย
"ก็เราบอกนายผ่านหน้าต่างว่านายจะเอาช็อคโกแลตร้อนไหม นายก็บอกโอเค แล้วนี่นายตกใจทำไม"
"แหม่ เราคงจะเข้าใจภาษามือของเธอหรอก" เอกตอบ
"เอ้อ ไหนๆก็มาแล้ว นั่งก่อนดิ" เอกเดินผ่านวาไปแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
เอกใช้มือตีเก้าอี้ข้างๆดัง
"แปะ แปะ"
เหมือนเป็นสัญญาณให้วามานั่งตรงนี้
วาไม่รีรอที่จะมานั่งอยู่กับเอก วางแก้วช็อคโกแลตทั้ง 2 ไว้ที่โต๊ะข้างหน้าของตัวเอง
"ขอบคุณครับ" เอกกล่าวพร้อมกับซดช็อคโกแลตร้อนที่วาชงมาให้
"รสชาติเหมือนเดิมเลยนะ ช็อคโกแลตที่เธอชอบ"
"ก็มันลงตัวแล้วนี่" วายักไหล่
"เราไม่ได้เจอกันมานานแค่ไหนแล้ววะ" เอกเริ่มบทสนทนา
"ซัก 40-50 ปีได้แล้วมั้ง" วาตอบ
"เออนั่นดิ ตอนนั้นเรายังเล่นขี้วัวขี้ควายกันอยู่เลย" เอกทำเสียงคนแก่ รับมุขวา
"บ้าบอ เราเเจอกันตอนมัธยมปลายเถอะ"
วาขำชอบใจ
"ก็น่าจะ 20 กว่าปีแล้วมั้ง"
"นานมากเลยนะ แล้วเป็นไงบ้างอ่ะ ชีวิตเธอตอนนี้" เอกถามต่อ
"ก็... โอเคนะ ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้สบาย"
"ช่วงนี้เศรษฐกิจมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราก็เครียดๆอยู่เหมือนกัน บริษัทเราทำกำไรไม่ค่อยดีเลยในปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้แย่นะ"
"ว่าแต่นายล่ะ ชีวิตเป็นไงบ้าง" วาถามเอกกลับ
"เรื่อยๆอ่ะ ทั้งสุขและทุกข์ปนๆกันไป ทั่วไปแหละ"
"แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ เศรษฐกิจมันไม่ดีอย่างที่วาว่านั่นแหละ"
"นี่แหละน้า ชีวิตมนุษย์เงินเดือน" วาพูดขึ้นมา
"ใครจะเหมือนเธอล่ะแม่คุณ ลูกสาวเจ้าสัวโรงงาน"
วาขำเบาๆอีกรอบ
"ว่าแต่.. ลมอะไรพัดนายมาที่นี่เนี่ยเอก" วาถาม
"แค่เหนื่อยๆ อยากพักผ่อน อยากออกจากสังคมที่มันวุ่นวาย ก็เลยขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาเนี่ยแหละ"
"หา ?!" วาตกใจ
"นายขับมอเตอร์ไซค์คนเดียวขึ้นมาถึงเหนือเลยเนี่ยนะ?!"
"เอ้า... ก็ใช่อ่ะดิ มันแปลกตรงไหน" เอกทำหน้าสงสัย
"นายมันไม่ใช่มนุษย์แล้ว" วาพึมพัมเบาๆ
"บ่นไรของเธอ" เอกถาม
"เปล่าค่าา" วาทำเสียงสดใสกลบเกลื่อน
"ว่าแต่เธอแหละ เราล่ะสงสัยจริงๆว่าลมอะไรพัดเธอมา" เอกถามกลับ
"ลมตะวันตกมั้ง" วาตอบ
"หืม?" เอกทำหน้างง
"หยอกๆ พูดเล่น เราอยากมาเที่ยวเฉยๆอ่ะ เหตุผลก็คงแบบเดียวกับนายแหละ เบื่อบรรยากาศเดิมๆ" วาตอบ
"แต่มีที่น่าสงสัยมากกว่านั้นอีก"
"สงสัยอะไรวะวา"
"ลมอะไรช่างใจร้าย ถึงพัดเรามาเจอนายเนี่ย" วาพูดพร้อมกับขำ
"อ่าว...พูดงี้หรอ ได้เลยย" เอกตีหัววาเบาๆ
"โอ๊ยย.. ช่วยด้วยค่า มีคนใจร้ายแกล้งคนสวยยย"
...
ทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ซักพัก แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบ 20 ปี แต่เหมือนกับว่าสำหรับทั้งคู่ เวลาที่ไม่ได้เจอกันมันเพิ่งผ่านไปเพียงเมื่อวานที่เจอกันที่โรงเรียน
เวลาไม่ได้มีผลอะไรต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลย... แม้แต่นิดเดียว
...
ไม่รู้เหมือนกันว่าลมอะไรที่พัดเอกมาภูแห่งนี้...
ไม่รู้เหมือนกันว่าลมอะไรที่พัดวามาที่ภูแห่งนี้...
และลมอะไรหนอ ที่พัดให้ทั้งคู่นั้น ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง...
สวัสดีครับ ผมเมอร์จินท์เองนะครับ
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแทบไม่ได้เขียนเรื่องนี้ต่อเลย
พอดีมันก็เป็นช่วงล็อคดาวน์อ่ะเนอะ เลยออกไปเที่ยวไหนไม่ค่อยได้
แรงบัลดาลใจมันเลยไม่ค่อยมี (ขำ)
สำหรับผม แรงบัลดาลใจนี่โคตรสำคัญเลยนะ ในการทำอะไรก็ตาม
ไม่งั้นคิดอะไรไม่ค่อยออก
แต่ผมจะมาเขียนอัพเดตเรื่อยๆนะครับ :)
ถ้าชอบอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะค้าบ
บันทึก
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่าจากภูดาว
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย