กว่าจะรู้ตัว ว่า...การเมืองสร้างผลกระทบให้ชีวิตผู้คน ถึงตอนนั้นน้ำก็เดือดแล้วค่ะ
การบินไทยเคยยิ่งใหญ่มากๆในเอเชีย สิงค์โปร์สู้เราไม่ติดเลย ใครทำงานการบินไทยบอกเลยพราวมากกก
สหภาพการบินเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งมากๆ
และการเมือง มันก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ....
ช่วงเวลาที่หลายคนไม่เฉลียวใจ ก็โดนครอบงำ
โดนการเมืองกลืนกินโดยไม่รู้สึกตัว และแน่นอนว่ามีบ้างที่หลายคนก็ยอมโดนกลืนกินโดยอคติ (โดยเฉพาะ ปี 57 เป็นอะไรที่พังมาก)
เคทเคยเขียนปัญหาการบินไทยอยู่ 2 ครั้ง คิดว่าครั้งนี้คงครั้งสุดท้ายจริงๆ เพราะดูแล้วหลังจากนี้เรื่องราวความยิ่งใหญ่ของการบินไทยคงเป็นเพียงแค่สายลมแห่งอดีตที่พัดผ่านมาและสูญหายไป ยากที่ใครจะจดจำภาพนั้นได้อีก
ที่วันนี้จู่ๆเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะได้รับข่าวจากลูกศิษย์คนนึง แจ้งข่าวที่ไม่สู้ดีนัก มันเลยรู้สึกสะกิดใจอีกครั้ง
ใช่ค่ะ เดาไม่ยาก....
"โดนพักงานยาวอีกระลอก ซึ่งไม่รู้ครั้งนี้จะกลับมาได้ไหม"
ปัญหาการบินไทยเป็นเรื่องการเมืองทั้งในองค์กร และนอกองค์กรที่สร้างปัญหา ทำให้สายการบินแห่งชาตินี้ป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีจริงๆ
โครงสร้าง ของการบินไทย หลายอย่างที่เป็นปัญหา และแตะต้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อ การโอเวอร์ซัพพลายของลูกจ้าง คุณรู้ไหมคะว่า สัดส่วนโครงสร้างของแรงงานการบินไทย ต่อผลตอบแทน เป็นอะไรที่อันเดอร์แวลู่มาก เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อย่าง Cathay หรือ SQ
ยกตัวอย่างนะคะ ในอดีตที่เริ่มบันทึกขาดทุน ไทยเรามีเครื่อง 80กว่าลำ แต่มีพนักงานรวมกว่า 2.5 หมื่นคน cathay ราวๆ 180 พนักงานราว 2.7 หมื่น
sq มีเครื่องราว 100 ลำ พนักงาน 1.4 หมื่น
แต่เชื่อไหมคะ สัดส่วนการสร้าง Productive ของเราต่ำสุด กำไรของ sq อยู่ที่ราว หมื่นล้าน cathay กำไรราว หมื่นแปดพันล้าน ส่วนของ thai ขาดทุน หมื่นกว่าล้าน
เทียบสัดส่วนพวกนี้ เราโดนทิ้งห่างเป็น เท่าตัวเลยนะคะ(ในทาง Producttivity)
แน่นอนว่าที่ผ่านมา รายได้ของพนักงาน ของสหภาพก็ไม่ได้สูงอะไรมากนัก (ส่วนนึงเพราะเรามีจำนวนมากเลยเกลี่ยกันเยอะ) บอร์ดเองก็ไม่ได้เยอะนักถ้าเทียบกับสายการบินชั้นนำ แต่...อำนาจนั้นต่างกันมากกกก และทุกคนที่เข้ามาล้วนมองข้ามเรื่องเงินเดือน ข้ามช็อตไปแล้วค่ะ
อิทธิพลของผู้มีอำนาจจัดซื้อ เครื่องบิน หรืออะไรต่อมิอะไร ไม่ต่างอะไรจากกองทัพเลยนะคะ งบจัดซื้อเป็นหมื่นล้านแสนล้าน คุณคิดว่าคนกุมอำนาจจะพาวเวอร์ขนาดไหน ปัญหานี้แก้ไม่เคยได้ และใครที่พยายามจะแก้ก็ต้องเด้งไป บางครั้งแม้แต่ในองค์กรเองก็ต้องทำปิดตาข้างนึงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
แต่สุดท้าย ปัญหาที่หมักหมมมันก็พร้อมรอวันระเบิด
เวลามันเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ
ตอนนี้หลากหลายอาชีพที่เคยเป็นเต้ยยุทธจักร ที่คิดว่าไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไรก็ลอยตัวได้ ไม่ว่าจะ หมอ นักบิน วิศวะ การเงิน หรือ ดารานักร้องฯ
ล้วนโดนกันถ้วนหน้า เจ็บตัวกันหมด ผลพวงของปัญหาเหล่านี้หากจะปฏิเสธว่าการเมืองไม่มีส่วนเลยคงเป็นเรื่องที่แฟนตาซีมากๆ และคงจะอยู่กันคนละโลก
การเมืองมันกัดกินมานานแล้วค่ะ เพียงแต่โควิด ทำให้มันกระจ่างขึ้น ก็แค่นั้นเอง จริงไหมคะ
กระโดดออกจากหม้อไม่ทัน ก็มิ้วติ้วกันไปค่ะ
- 25
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
