18 ก.ค. 2021 เวลา 14:54 • บันเทิง
ห่าก้อม โคตรปอบภาคอีสาน
ย้อนไปเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เมื่อสมัยที่ผมอายุย่าง 20 ต้นๆ ตอนนั้นผมกำลังออกบวชกับพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีวิชาอาคม และลูกศิษย์ของท่านอีกสองรูป ท่านนำพวกเราธุดงค์ไปยังเส้นทางที่พวกเราเคยธุดงค์กันอยู่ทุกปี แต่ปีนี้เหมือนท่านจะพาเดินออกนอกเส้นทางไปทางเหนือแถบฝั่งเพื่อนบ้านเรา
พอไปถึงที่หมู่บ้านแห่งนี้…ก็มีเรื่องเกิดขึ้น เป็นที่รู้กันอยู่ว่าชาวเขาเผ่าพื้นเมืองส่วนใหญ่พวกเขาจะนับถือผีกันเยอะ อีกพวกจะนับถือศาสนาคริสต์ ส่วนที่นับถือพุทธนั้นจะมีเพียงไม่กี่ครอบครัว คือน้อยมาก
เมื่อพระธุดงค์มาถึง ชาวบ้านที่นับถือพุทธก็จะนิมนต์ให้เราไปปักกลดอยู่ใกล้ๆบริเวณหมู่บ้าน  นำข้าวปลาอาหารมาใส่บาตรให้ฉัน หลังจากที่ฉันกันเสร็จ ชาวบ้านที่นำของมาใส่บาตรก็พูดว่า…
1
“ท่านจำวัดอยู่ที่หมู่บ้านนี้นานไม่ได้นะ”
“อ้าว ทำไมถึงอยู่ได้ไม่นาน อาตมาว่าจะอยู่สัก 3-4 วันได้ไหม เพราะเดินทางมาไกลค่อนข้าง เหนื่อย จึงอยากจะปักกลดพักอยู่ตรงนี้ก่อน”
“ที่นี่มันมีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น วัวควายเป็ดไก่ในหมู่บ้านนี้มันตายอย่างไม่มีสาเหตุ”
“ตายไม่มีสาเหตุ มันตายยังไง”
“คอกของพวกเป็ดไก่วัวควาย ไม่มีร่องรอยการถูกทำลาย แต่ที่บริเวณท้องของพวกสัตว์เหล่านี้จะเป็นช่องโหว่เข้าไปเหมือนถูกกินแต่เครื่องใน”
“งั้นพาอาตมาไปดูหน่อยได้ไหม”
พอเราไปถึง จริงดั่งที่ชาวบ้านบอก บริเวณท้องของวัวมีช่องโหว่เข้าไปเท่าขนาดลูกฟุตบอล  ชาวบ้านบอกว่า เมื่อคืน…ก่อนที่คณะเราจะเดินทางถึง วัวควายแถวนี้ก็ยังอยู่กันปกติ
เมื่อมองดูรอบบริเวณรั้ว ก็ไม่พบรอยเท้าของสัตว์ป่าแต่อย่างใด แต่จะมีร่องรอยอะไรบ้างอย่าง ซึ่งมันค่อนข้างชัดมาก เพราะว่าบริเวณคอกมันจะมีโคลนตมเยอะ มันเป็นรอยคล้ายๆเหมือนอะไรกลิ้ง เข้ามาในคอกและตรงมาที่ซากวัว
หลังจากที่พระอาจารย์ดูเสร็จท่านก็ไม่ได้พูดอะไร บอกเพียงว่า อาตมาจะขอปักกลดอยู่ที่นี่สัก 3-4 วันก่อนแล้วกัน เผื่อจะช่วยอะไรพวกโยมได้
คนที่นำอาหารมาถวายก็บอกว่า อย่าเลยพระคุณเจ้า ผมกลัวว่าพวกท่านจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า พระอาจารย์ก็บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก” หลังจากคุยกันเสร็จเราก็เดินกลับไปยังที่ปักกลด
คืนแรกที่เราปักกลดอยู่หมู่บ้านแห่งนี้ ขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ในกลด บรรยากาศโดยรอบนั้นเงียบสนิท ไม่มีทีท่าว่าฟ้าฝนจะตก แต่อยู่ดีๆก็มีลมพายุพัดเข้ามา มีลมกรรโชกแรง จนต้นไม้ใหญ่ที่ผมปักกลดอยู่ข้างๆมันเอนเหมือนจะล้ม
ผมก็เลยแง้มกลดออกมองไปยังกลดของพระอาจารย์ เห็นท่านยกด้ามกลดขึ้นมาพนมไว้ที่มือ แล้วท่านก็หันปลายด้ามกลดออกพร้อมกับตวัดไปมา 3 ครั้ง
หลังจากที่พระอาจารย์ท่านตวัดกลดเสร็จ จู่ๆก็มีเสียงคล้ายๆคนใหญ่ร้องดัง โอ่ย โอ่ย ณ ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเสียงของอะไร อาจจะเป็นเสียงลมที่มันพัดผ่านช่องไม้หรือเปล่าก็ไม่รู้ สักพักเสียงนั้นมันก็เงียบไป
1
พระอาจารย์ท่านพูดรอดกลดออกมาว่า คืนนี้ให้นั่งทำสมาธิอยู่ในกลด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกมา  แล้วท่านก็เดินมาเอาปลายด้ามกลดขีดเป็นวงรอบๆกลดของผมและพระลูกศิษย์อีก 2 ลูก เสร็จแล้วทักก็กลับไปนั่งที่กลดของตัวเอง คืนนั้นก็ผ่านไปด้วยดีไม่มีใครเจออะไร
จนกระทั่งรุ่งเช้า ได้มีชาวบ้านกลุ่มเดิมนำอาหารมาถวาย แต่คนที่บอกพระอาจารย์ว่า อย่าพักที่นี้เลย เค้าไม่ได้มาด้วย ผมสังเกตว่าชาวบ้านที่เอากับข้าวมาถวายมีสีหน้าแปลกๆ เหมือนกังวลอะไรสักอย่าง หลังจากฉันเสร็จพระอาจารย์ก็เลยถามว่า “คนที่มาถวายเช้าถวายเพลเมื่อวานนี้ไปไหน ทำไมไม่มา” ทุกคนก็เลยพูดขึ้นมาว่า… “อยู่ ๆ แกก็ปวดท้องขึ้นมา ปวดหนักมาก  แกเลยมาด้วยไม่ได้” พระอาจารย์ก็เลยบอกว่าหลังทำกิจเสร็จจะไปเยี่ยม…
พอไปถึงเราก็เดินขึ้นไปข้างบนบ้าน เพียงแค่พระอาจารย์ก้าวเท้าขึ้นบันได คนที่อยู่ข้างบนบ้านก็ร้องโอ้ย ๆ ๆ ร้องเหมือนคนที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก เมื่อเห็นพระอาจารย์เขาก็ยกมือขึ้นไหว้ แล้วบอกว่า โอ้ย…ปวดมากเลย แต่พอพระอาจารย์เดินมาถึงตัวเขา อาการปวดก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย
พระอาจารย์ท่านก็เลยบอกว่า อย่างนี้มันแปลก มันจะต้องมีอะไรสักอย่าง พระอาจารย์ก็เลยนั่งคุยกับชายคนนั้น จนได้ความว่า ชายคนนี้เป็นพ่อบ้านหรือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งนี้ แล้วพระอาจารย์ก็ถามว่า โยมมีเรื่องขัดแย้งกับใครบ้างไหม ผู้ใหญ่บ้านจึงเล่าให้ฟังว่า….
ก่อนที่พระอาจารย์จะธุดงค์มาถึง ประมาณ 1 เดือน มีผู้ชายเดินทางมาจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง เพื่อจะมาสู่ขอลูกสาวของผู้ใหญ่บ้าน แต่พ่อบ้านปฏิเสธชายคนนั้นไป เพราะพ่อบ้านรู้ว่าชายคนนี้เป็นหมอผีของหมู่บ้านนั้น ไม่ว่าจะมาขอกี่ครั้งผู้ใหญ่บ้านก็ปฏิเสธกลับไปทุกครั้ง
ครั้งสุดท้ายที่มาขอลูกสาว หลังจากที่ชายคนนี้กลับไป ในหมู่บ้านก็เริ่มเกิดเหตุการณ์แปลกๆคือ เริ่มมีวัวควาย ในหมู่บ้านค่อยๆล้มตายไปทีละตัว
พระอาจารย์ก็ถามว่า “แล้วตัวพ่อบ้านเอง ได้ฝันแปลกๆบ้างไหม แล้วอาการปวดท้องนี่เป็นมานานเท่าไหร่แล้ว” พ่อบ้านบอกว่า “เป็นหลังจากที่ผู้ชายคนนี้กลับไปได้ไม่นาน แต่จะมีอาการแค่บางวัน และทุกครั้งที่มีอาการปวด พอไปเข้าห้องน้ำ ก็จะถ่ายออกมาเป็นเลือดสดๆเลย”
หลังจากที่คุยกันเสร็จ พระอาจารย์ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะทำน้ำมนต์ให้อาบ พอหลังจากอาบน้ำมนต์เสร็จ พ่อบ้านก็ยังดูปกติดีอยู่ แล้วพระอาจารย์ท่านก็บอกว่า ขอให้หมดทุกข์หมดโศกนะ แล้วก็ลาพอบ้านกลับไปจำวัตรที่กลด
คืนที่ 2 บรรยากาศก็เหมือนกับคืนแรกเลย มีลมกรรโชกแรง พระอาจารย์ก็ถอดด้ามกลดมาขีดรอบกลดขอพระแต่ละรูปเหมือนเช่นเคย พอรุ่งเช้าวันถัดมา มีชาวบ้านกลุ่มเดิมนำอาหารมาถวาย พระอาจารย์ก็สังเกตว่าพ่อบ้านไม่มาอีกแล้ว หลังจากฉันเสร็จ พระอาจารย์จึงไปเยี่ยมที่บ้าน
พ่อบ้านบอกกับพระอาจารย์ว่า เมื่อคืนฝันว่าผู้ชายที่เป็นหมอผีของอีกหมู่บ้านมาหา มาบอกว่า ถ้าไม่ยอมยกลูกสาวให้ กูจะกินให้หมดหมู่บ้านเลย ในมือเขาถือหัวมนุษย์มา 1 หัว พอพูดจบเขาก็โยนหัวนั้นใส่พ่อบ้าน แล้วหัวมันก็หายเข้าไปในท้องของพ่อบ้านเลย
หลังจากที่พ่อบ้านเล่าให้พระอาจารย์ฟังเสร็จ พระอาจารย์ท่านก็บอกว่า ห่าก้อม!! พระอาจารย์ท่านได้ทำน้ำมนต์รดให้พ่อบ้านอีกครั้ง หลังจากรดน้ำมนต์เสร็จ พ่อบ้านก็ดูปกติดีไม่มีอาการอะไรเหมือนเดิม เราก็เลยกลับมาที่กลด
ผมถามพระอาจารย์ว่าห่าก้อมคืออะไร พระอาจารย์ท่านบอกว่า ห่าก้อมคล้ายๆปอม คือคนที่เรียนวิชาแล้วผิดครู จนโดนครูทำโทษ กลายเป็นปอบ แต่เป็นปอบที่มีอาคมแก่กล้าจึงเรียกว่า ห่าก้อม
ชายคนที่สามารถเลี้ยงห่าก้อม แสดงว่าต้องมีวิชาอาคมแก่กล้ามากกว่าห่าก้อม ในฝันที่เขาโยนหัวให้พ่อบ้านได้น่ะ ตามตำราวิชา แสดงว่า ชายคนนี้ ต้องไปตัดเอาหัวของคนที่เป็นห่าก้อม แล้วนำไปฝากไว้ที่บันไดบ้านของเขา เพื่อที่จะสะกดห่าก้อม ข่มมัน เพื่อนำไปใช้ทำร้ายคนต่อ
สมัยก่อนถ้าคนที่เลี้ยงห่าก้อมต้องการเงินของบ้านคนที่มีฐานะ ก็จะปล่อยห่าก้อมไปกินตับไตไส้พุงเจ้าของบ้าน ให้เกิดอาการเจ็บปวดแล้วรักษาไม่หาย คนที่เลี้ยงห่าก้อมก็จะบอกว่า ถ้าอยากหาย เรียกเงินเรียกทองเท่าไหร่ก็ต้องให้ คนที่เลี้ยงห่าถึงจะเรียกห่าก้อมกลับ แล้วคนที่โดนห่าก้อมกินก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง
1
พระะอาจารย์บอก “ลำพังแค่รดน้ำมนต์มันคงไม่ไปหรอก” เพราะเวลาเรารดน้ำมนต์มันก็หนีไป พอกลางคืนมันก็กลับมาอีก พระอาจารย์เลยปรึกษากับชาวบ้านว่า “หมู่บ้านที่เราอยู่ กลับหมู่บ้านที่หมอผีคนนั้นอยู่ไกลกันไหม” ชาวบ้านก็บอกว่า “ไม่ไกล ใช้เวลาเดินไปประมาณ 1 วันถึง”
พระอาจารย์ก็เลยบอกว่า ให้ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินทางไปยังหมู่บ้านนั้น แล้วแอบไปขุดที่ใต้บันไดของบ้านหมอผีคนนั้นดู แต่ขอให้ขุดในช่วงกลางวันนะ แล้วพระอาจารย์ท่านก็ให้ลูกนิมิตลูกเล็กๆ ขนาดเท่าลูกแก้ว ติดตัวไปกับคนที่จะทำหน้าที่ขุดใต้บันไดบ้าน ส่วนพระอาจารย์จะรออยู่ที่บ้าน
พระอาจารย์ท่านบอกต่อว่า ถ้าขุดแล้วเจอหัวห่าก้อม ให้ห่อใส่ผ้ายันต์ผืนนี้กลับมา
1
พอตกกลางคืนเรากำลังจำวัดอยู่ในกลด ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง อยู่ดีๆก็มีลมกระโชกแรงเหมือนคืนก่อน ๆ แต่สิ่งที่มันแปลกคือ รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนขย่มอยู่บนต้นไม้ที่เราปักกลดกันอยู่ ขย่มแรงถึงขนาดที่ว่ากิ่งไม้ใบไม้ร่วงลงมาเต็มพื้นเลย และมีเสียงเหมือนอะไรสักอย่างกำลังกลิ้งอยู่บนต้นไม้ แล้วสักพักมันก็ร่วงลงมากลางกองไฟที่เรานั่งปักกลดกันอยู่ จนถ่านแดงๆกระจายรอบบริเวณ
ในความมืด ผมมองออกไปนอกกลด เห็นหัวคนเป็นผู้ชาย สิ่งที่สังเกตคือผมของมันเป็นกระจุกๆเหมือน ผมศพที่หลุดจากหัว มันอ้าปาก แล้วก็พูดว่า “กู๋ เต็ง แม็ง กี ซ่อ ลอ จั๋ว ชั่ว” พูดซ้ำไปซ้ำมา
ผมมองไปที่พระอาจารย์ เห็นท่านหยิบบางอย่างออกมา ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรเหมือนกัน แล้วท่านก็ขว้างมันออกมาจากในกลดโดนหัวชายคนนั้น มันร้อง โอ้กกกกก เหมือนเสียงที่เราได้ยินวันแรกในตอนที่มีพายุมา
สักพักหัวนั้นมันก็กลิ้งหายลงเนินไป ทุกอย่างสงบลง ลมพายุหายไป ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกจนกระทั่งเช้า
ตอนเช้าพระอาจารย์แล้วพวกเราก็เดินทางไปหาพ่อบ้าน ถามพ่อบ้านว่าอาการปวดท้องยังเป็นอยู่ไหม พ่อบ้านบอกว่าไม่มีอาการปวดท้องแล้ว แต่เมื่อคืน เป็ดไก่ในหมู่บ้านถูกกินเครื่องในอีกแล้ว สิ่งที่แปลกอีกอย่างคือมีรอยกลิ้งบริเวณรอบรั้วเป็ดไก่ชาวบ้าน
จนประมาณช่วงรอฉันเพล กลุ่มผู้ชายที่พระอาจารย์ให้เดินทางไปอีกหมู่บ้าน ก็เดินทางกลับมาพร้อมกับหัวคน เมื่อเปิดผ้ายันต์ออกมามันเป็นลักษณะหัวผู้ชายแห้งจนหนังติดกระดูก ผมเป็นหลุดกระจุก ตาลึกโบ๋ แต่สิ่งที่แปลกจากซากศพปกติ คือที่บริเวณปากและฟันมีคราบเลือดที่ยังดูสดอยู่ มีขนไก่ขนเป็ดติดอยู่
พ่อพระอาจารย์ท่านฉันเพลเสร็จ ท่านก็ทำพิธีปลุกเสกน้ำมนต์ พร้อมกับใช้ลูกนิมิตที่ให้ชาวบ้านติดตัวไป  มาใส่ลงในขันน้ำมนต์
ผมได้ถามกับคนที่ไปขุดว่า ไปถึงแล้วเจอเลยหรอ คนที่ไปขุดบอกว่า ตอนไปถึงหายังไงก็หาไม่เจอ ก็เลยหยิบลูกนิมิตที่พระอาจารย์ให้มาพนมมือขึ้นเหนือหัว และบอกว่าขออำนาจครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้ข้าเจอด้วยเถิด อยู่ๆลูกนิมิตก็หลุดร่วงลงจากมือกลิ้งไปตรงบริเวณใต้บันได ไปหยุดอยู่ตรงโอ่งน้ำ ก็เลยพากันไปขุดตรงนั้น ปรากฏว่าเจอหัวจริงๆ จึงสามารถเอากลับมาได้
3
พอพระอาจารย์ท่านทำน้ำมนต์เสร็จ ท่านก็ได้ใช้น้ำมนต์รถไปที่หัวศพนั้น เสร็จแล้วให้ชาวบ้านนำมันไปเผาเสีย และให้สังเกตสถานการณ์ดูอีก 2-3 วัน  ว่าจะมีเหตุการณ์เป็ดไก่ตายอีกหรือไม่ สรุปก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก
จนเวลาผ่านไป 3-4 วัน ได้มีคนมาส่งข่าวว่า ชายคนที่มาขอลูกสาวของพ่อบ้าน นอนตายอยู่บนบ้าน สภาพศพที่ท้องเป็นรูโบ๋ขนาดเท่าลูกบอล และเครื่องไหนก็หายไปหมดเลย
พระอาจารย์บอกว่า เมื่อทำลายหัวของหากกล่อม ก็ทำให้อาคมที่คุมอ่ะกลมถูกปลดปล่อย  คนที่ควบคุมห่าก้อมตอนนี้ น่าจะโดนของเข้าตัว ห่าก้อมก็เลยย้อนกลับไปเล่นงาน จนเสียชีวิต
ผมก็เลยถามกับพระอาจารย์ว่าไอ้คำที่หัวกระโหลกมันพูดเนี่ยมันแปลว่าอะไร พ่อบ้านก็เลยบอกว่า ไอ้คำที่เขาพูดเนี่ยมันแปลว่า “เรื่องของกู…มึงอย่ามายุ่ง”
สรุปเรื่องราว ห่าก้อมก็คือผีที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกับปอบ คนที่เล่นของแล้วเอาของไม่อยู่ หรือคนที่ผิดครูจะกลายเป็นปอบแต่เป็นปอบมีวิชาอาคมแก่กล้า เรียกว่า ห่าก้อม เมื่อหมอผีมีวิชาอาคมรู้ว่าคนนี้เป็นห่าก้อม ที่มีอิทธิฤทธิ์มากแล้ว หมอผีก็จะไปตัดหัวของศพมา เพื่อที่จะเอามาเลี้ยงไว้ใช้งาน ซึ่งลักษณะพิเศษของห่าก้อมที่ว่านี้ มักจะมีแค่หัว
1
หมอผีที่นำหัวของห่าก้อมไปฝังไว้ใต้บันไดบ้าน เวลาที่เดินขึ้นบันไดก็ต้องเหยียบหัวมันตลอด เพื่อเป็นการข่มห่าก้อมเอาไว้ เมื่อเราขุดขึ้นมาแล้วทำการถอนวิชาอาคม ห่าก้อมก็จะถูกปลดปล่อยจากอาคมที่ถูกคุมไว้ และกลับย้อนไปทำลายเจ้าของมัน
1
นี่แหละคือผลกรรมและผลเสียของคุณไสยมนต์ดํา หมองูตายเพราะงู บางสิ่งบางอย่างที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะจบลงไม่สวย ผลสุดท้ายก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
โฆษณา