Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The NEX Fit Research
•
ติดตาม
20 ก.ค. 2021 เวลา 15:17 • สุขภาพ
"การออกกำลังกายแบบแอโรบิค(aerobic exercise) หรือแบบแรงต้าน(resistance exercise) สามารถลดไขมันในเลือดและส่งผลดีต่อค่าตับในร่างกายได้มากกว่ากัน?"
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เรามีสุขภาพดีและส่งผลต่อการใช้ชีวิตก็คือการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็น เพศใด วัยใด แม้กระทั่งผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือข้อจำกัดทางร่างกายต่างๆ ก็สามารถเลือกรูปแบบการออกกำลังกายได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งในปัจจุบัน ก็มีรูปแบบการออกกำลังกายที่หลากหลายให้เลือกกันตามความสนใจหรือก็อาจจะเลือกตามกระแสสังคมที่ผ่านเข้ามาในแต่ละช่วงเวลา
แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีปัญหาสุขภาพต่างๆ การออกกำลังกายอาจจะสามารถเปลี่ยนชีวิต ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยที่กำลังเป็นอยู่ก็ได้ ดังนั้นการเลือกรูปแบบที่ถูกต้องเหมาะสมจึงมีความจำเป็นสำหรับคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วย NAFLD
NAFLD คืออะไร
NAFLD หรือ Nonalcoholic Fatty Liver Disease คือ โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นภาวะที่มีไขมันเกาะที่ตับมากผิดปกติ ซึ่งเป็นโรคตับที่พบมากที่สุดถึง ในประเทศจีนพบมากถึงราว 1 ใน 4 ของประเทศเลยทีเดียว / ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน อ้วน โดยเฉพาะอ้วนลงพุง ผู้ป่วยเบาหวานทั้ง 2 ประเภท ผู้ที่มีความดันสูง หรือไขมันในเลือดสูง โดยผู้ป่วย NAFLD หากไม่รักษา สามารถพัฒนาไปถึงระดับเป็นตับแข็ง ได้เลยที่เดียว
นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การออกกำลังกายจึงมีความสำคัญและมีผลอย่างมากต่อการรักษา
จึงเป็นคำถามและนำมาซึ่งการศึกษาว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิค (aerobic exercise) หรือแบบแรงต้าน (resistance exercise) แบบไหนจะส่งผลต่อการลดไขมันในเลือดและค่าตับที่เป็นตัวบอกการทำงานของตับในร่างกายได้มากกว่ากัน
โดยกระบวนการศึกษา ได้มีการสุ่มเลือกผู้ป่วย NAFLD ในจีน มาทั้งหมด 103 คน แล้วทำการสุ่มเพื่อแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิค 34 คน กลุ่มที่ 2 ออกกำลังกายแบบ resistance 34 คน และกลุ่มที่ 3 ไม่ได้กำหนดให้ต้องออกกำลังกาย (non-exercising control) อีก 35 คน เป็นระยะเวลาทั้งหมด 22 สัปดาห์ โดยมีการให้ความรู้ทั้งเรื่องของโภชนาการที่ถูกต้องและการปรับ lifestyle ของทุกคนอย่างเหมาะสม เพื่อลดตัวแปรต่างๆที่จะมีผลต่อการวัดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากการออกกำลังกายในแต่ละกลุ่ม
ผลจากการศึกษานี้พบว่า กลุ่มที่มีการออกกำลังกายแบบแอโรบิคและกลุ่มที่ออกกำลังกายแบบแรงต้าน มีค่า HDL ซึ่งเป็นไขมันดีเพิ่มสูงขึ้นทั้ง 2 กลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ แต่นอกเหนือจากนั้นในกลุ่มที่ออกกำลังกายแบบแอโรบิคมีค่าไขมัน Triglyceride และระดับของ ALT (ค่าเอนไซม์ในตับซึ่งควรมีค่าน้อย) ลดลงอีกด้วย ส่วน LDL นั้นมีการลดลงในทุกกลุ่มจากการปรับเปลี่ยนโภชนาการ
จึงสรุปข้อมูลจากการศึกษานี้ได้ว่า สำหรับผู้ที่มีไขมันสูง การออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างเหมาะสม จะช่วยลดไขมันในเลือด และส่งเสริมการทำงานของตับได้ดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม การจะออกกำลังกายให้ได้ผลไม่ว่าเราจะเลือกแบบไหนก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญคือจะต้องมีความสม่ำเสมออย่างเหมาะสมร่วมด้วยแน่นอน
แหล่งอ้างอิง:
- Int J Clin Exp Med 2018;11(5):4867-4874
www.ijcem.com
/ISSN:1940-5901/IJCEM0066844
Effect of aerobic and resistance exercise on liver
enzyme and blood lipids in Chinese patients
with nonalcoholic fatty liver disease: a
randomized controlled trial
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย