Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
22 ก.ค. 2021 เวลา 02:18 • หนังสือ
#40 เล่ม 3 บทที่ 7 หน้า 187 ~193
...
N : แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าแมวตัวนั้นไม่ใช่ยายของผมกลับมาเกิด❓
...
...
...
G : กระบวนการที่เราคุยกันตรงนี้คือ "วิวัฒนาการ" คือการสร้างตัวตนขึ้นใหม่และวิวัฒน์ต่อไป และการวิวัฒน์นี้จะเป็นไปในทางเดียว นั่นคือ "สูงขึ้นและสูงขึ้นไปเรื่อยๆ"
ความปรารถนาสูงสุดของวิญญาณนั้นก็คือ : ✨การได้มีประสบการณ์ถึงด้านที่สูงส่งและสูงส่งขึ้นไปเรื่อยๆของตน✨
1
📌 ฉะนั้นวิญญาณจึงพยายามเลื่อนระดับการวิวัฒนาการให้สูงขึ้น ไม่ใช่ต่ำลง จนกว่าจะเข้าถึงภาวะที่เรียกว่า "นิพพาน" หรือภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้น ซึ่งก็คือ ✨เป็นหนึ่งเดียวกับฉัน✨
N : แต่ถ้าวิญญาณปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ถึงด้านที่สูงส่งและสูงส่งขึ้นเรื่อยๆของตัวเอง แล้วทำไมต้องมาวุ่นวายกับการกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ด้วย❓ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีทางเป็นการ "ขึ้นข้างบน" ได้อยู่แล้ว
G : 📌 ถ้าวิญญาณกลับมาเกิดใหม่ในร่างมนุษย์ นั่นเป็นเพราะมันพยายามที่จะมีประสบการณ์ให้มากขึ้นเสมอ ซึ่งก็หมายถึงเพื่อวิวัฒน์ให้มากขึ้น 🔸มีวิวัฒนาการหลายระดับที่สังเกตเห็นได้และแสดงออกผ่านความเป็นมนุษย์ได้🔸 วิญญาณบางดวงอาจเวียนว่ายตายเกิดหลายชาติภพ (หลายร้อยหลายพันชาติภพ) และวิวัฒน์ขึ้นเรื่อยๆ
📌 ทว่าการวิวัฒน์สูงขึ้นนี้ (ซึ่งเป็นความปรารถนาสูงสุดของวิญญาณ) ไม่อาจบรรลุได้ด้วยการกลับไปเกิดในรูปแบบชีวิตขั้นต่ำกว่าเดิม ฉะนั้นมันจึงไม่กลับไปเกิดในรูปนั้น จนกว่าวิญญาณจะกลับคืนสู่ภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้นในท้ายที่สุดแล้วนั่นล่ะ
N : ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหมายความว่า "มีวิญญาณดวงใหม่ๆ" เข้าสู่ระบบทุกวันด้วยการไปเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นต่ำ
G : "ไม่ใช่" ✴️วิญญาณทุกดวงที่เคยถูกสร้างขึ้นถูกสร้างขึ้นพร้อมกันหมด พวกเราดำรงอยู่พร้อมกันทั้งหมดในตอนนี้✴️
แต่อย่างที่ฉันได้อธิบายไปแล้วก็คือ เมื่อวิญญาณ (ที่เป็นส่วนหนึ่งของฉัน) บรรลุถึงภาวะสูงสุดแล้ว (จดจำได้โดยสมบูรณ์แล้ว) — ✴️มันมีทางเลือกที่จะเริ่มต้นใหม่หมด เลือกจะลืมทุกสิ่งอีกรอบเพื่อจะได้ระลึกทั้งหมดขึ้นใหม่ได้อีกรอบ และ สร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง✴️
✴️พระเจ้าจะยังมีประสบการณ์ถึงตัวเองได้ใหม่ด้วยวิธีการนี้✴️
📌 วิญญาณยังเลือกได้บ่อยเท่าที่ต้องการว่าจะ "กลับมาใหม่" ผ่านรูปแบบชีวิตอะไร ณ ระดับขั้นไหนก็ได้
หากไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด (ไม่สามารถกลับสู่รูปกายได้อีก) วิญญาณก็ต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ให้ได้ในชาติภพเดียว ซึ่งจากมุมมองของเอกภพแล้ว ถือเป็นเวลาที่สั้นยิ่งกว่าการกระพริบตาครั้งเดียวเป็นพันล้านเท่าเสียอีก
ฉะนั้น ใช่แล้ว...ใช่แน่นอนที่สุด การเวียนว่ายตายเกิดคือเรื่องจริง คือของจริง เพราะการเวียนว่ายตายเกิดมีจุดมุ่งหมายของมันอยู่และก็สมบูรณ์แบบอย่างที่สุดแล้ว
N : โอเคครับ แต่ยังมีอยู่อีกอย่างที่ผมงง พระองค์บอกว่าเวลาไม่มีอยู่จริง และทุกอย่างกำลังเกิดอยู่ตอนนี้ ถูกต้องมั้ยครับ❓
G : ถูกต้อง
N : แล้วพระองค์ก็บอกเป็นนัยว่า (ในเล่ม 2 พระองค์ลงรายละเอียดเรื่องนี้ไว้หมดแล้ว) มีตัวเราดำรงอยู่ “ในทุกช่วงเวลา” บนทุกระดับชั้น หรือในจุดต่างๆบนความต่อเนื่องโยงใยกันของพื้นที่ว่าง (อวกาศ) และเวลา
G : นั่นคือความจริง
N : ตรงนี้แหละที่ผมไม่เข้าใจสักทีและรู้สึกว่ามันบ้าบอมาก คือว่า ถ้าตัวผม "คนหนึ่ง" บนความต่อเนื่องโยงใยของพื้นที่ว่างและเวลาได้ "ตาย" ไป แล้วก็กลับมาเกิดใหม่เป็น "อีกคนหนึ่ง" ...ถ้าอย่างนั้น...แล้ว...ตัวผมตรงนี้เป็นใครล่ะครับ❓ เพราะมันต้องมีตัวผมอยู่ "สองคน" ในเวลาเดียวกัน
และหากผมทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด (อย่างที่พระองค์บอกว่าผมกำลังทำอยู่) ผมก็ต้องเป็นคนหลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน❗ เป็นพัน...เป็นล้าน เป็นคนหลายล้านคน ที่อยู่ในหลายล้านรูปแบบ อยู่หลายล้านจุด บนความต่อเนื่องโยงใยของพื้นที่ว่างและเวลา
G : เข้าใจถูกแล้ว
N : ผมไม่เข้าใจครับ มันเกินกว่าที่จะนึกภาพตามหรือทำความเข้าใจได้
G : จริงๆแล้วเธอเข้าใจถึงขั้นนี้ได้ก็ดีมากแล้วนะ เรื่องนี้อยู่ในระดับของความเข้าใจขั้นสูงมาก เธอเข้าใจมันได้ขนาดนี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว
N : แต่ว่า...แต่ว่ามัน...ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็แสดงว่า "ตัวผม" (ส่วนหนึ่งของ "ความเป็นผม" ที่เป็นอมตะไม่มีวันตาย) ก็ต้องกำลังวิวัฒน์อยู่เป็นพันล้านลักษณะ ผ่านชีวิตหลายพันล้านรูปแบบ อยู่บนหลายพันล้านจุดบน "กงล้อแห่งเอกภพ" ในนิรันดร์ขณะแห่งปัจจุบัน
G : เข้าใจถูกอีกแล้ว นั่นล่ะคือ : 🔸สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่🔸
N : ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมบอกว่าตัวผมต้องกำลังทำอย่างนั้นอยู่แน่ๆ
G : ก็ถูกอีกนั่นล่ะ นั่นคือสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไป
N : ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมบอกว่า...
G : ฉันรู้ว่าเธอพูดอะไร เธอก็พูดคำที่ฉันบอกว่าเธอพูดนั่นล่ะ ที่ชวนให้งงตรงนี้ก็เพราะเธอยังคิดว่ามีเรามากกว่าหนึ่ง
N : แล้วจริงๆไม่มี❓
G : ไม่เคยมีเรามากกว่าหนึ่ง ไม่มีทาง...ไม่มีวัน นี่เธอเพิ่งรู้จริงๆหรือ❓
N : หมายความว่าผมคุยกับ "ตัวเอง" ตลอดเวลาที่ผ่านมา❓
G : ก็ประมาณนั้น
N : หมายความว่าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้า❓
G : ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น
N : หมายความว่าพระองค์ "เป็น" พระเจ้า❓
G : นั่นล่ะที่ฉันพูด
N : แต่หากพระองค์เป็นพระเจ้าและก็เป็นตัวผมด้วย และผมก็เป็นพระองค์ด้วย ถ้าอย่างนั้น...ถ้าอย่างนั้น...ก็...ผมก็เป็นพระเจ้าน่ะสิ❗
G : 🌟ก็ใช่น่ะสิ...เธอคือพระเจ้า ถูกต้องแล้ว แล้วเธอก็ตื่นขึ้นจนได้นะ🌟
N : 🌟แต่ผมไม่ได้เป็นแค่พระเจ้าแต่ยังเป็นทุกๆคนอีกด้วย🌟
G : ใช่
N : ถ้าอย่างนั้น...มันก็หมายความว่า ไม่มีใครและอะไรอื่นอีกนอกจากตัวผม❓
G : ก็ฉันไม่เคยบอกหรือว่า...เราและพระบิดาคือหนึ่งเดียวกัน❓★
★วจนะของพระเยซู ~ ผู้แปล
N : เคยครับ แต่ว่า...
G : และฉันไม่เคยบอกหรือว่า...เราทั้งหมดล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน❓
N : เคยครับ แต่ไม่คิดว่าพระองค์จะ "หมายความตามนั้นจริงๆ" ผมคิดว่าพระองค์แค่พูดเปรียบเปรยเฉยๆ ผมเข้าใจว่าเพียงเป็นคำพูดในเชิงปรัชญา ไม่ได้คาดคิดว่าจะตั้งใจหมายถึงความจริงจริงๆ
G : มันเป็นคำพูดตามความเป็นจริง เราทั้งหมดล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน นี่คือความหมายของคำกล่าวที่ว่า "สิ่งใดที่ท่านกระทำแม้เพียงเล็กน้อยที่สุดแก่ใครสักคนหนึ่งในหมู่พี่น้องของเรา...ท่านก็ได้กระทำให้แก่เราด้วย"★
★วจนะของพระเยซู ~ ผู้แปล
เข้าใจหรือยังตอนนี้❓
N : เข้าใจแล้วครับ
G : อ้า...ในที่สุด ก็เข้าใจได้เสียทีนะ
N : แต่ว่า...อย่าเพิ่งหมดความอดทนกับผมนะครับ ถ้าผมจะขอพูดอะไรสักหน่อยตรงนี้...คือตอนที่ผมอยู่กับคนอื่นๆ อย่างเช่น ตอนที่ผมอยู่กับภรรยาและลูกๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองแยกขาดจากพวกเขา มีชีวิตที่แยกขาดจากกันเป็นของใครของมัน ผมรู้สึกว่าพวกเขาก็เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ "ตัวผม"
G : จิตรับรู้ (หรือจิตสำนึก) นั้นคือสิ่งมหัศจรรย์พันลึก มันสามารถแบ่งตัวเองออกเป็นส่วนย่อยๆได้นับไม่ถ้วน เป็นล้านๆ...เป็นล้านยกกำลังล้านส่วน
✴️ ฉันได้แบ่งตัวเองออกเป็น "ส่วนเสี้ยว" จำนวนนับไม่ถ้วนเป็นอนันต์ เพื่อว่าแต่ละ "ส่วน" ของฉันจะสามารถมองกลับมายังตัวเอง และประจักษ์แจ้งถึงความน่าอัศจรรย์ของตัวฉันและสิ่งที่ฉันเป็น ✴️
N : แต่ทำไมผมต้องผ่านช่วงเวลาแห่งการหลงลืมแบบนั้นด้วยครับ❓ ทำไมถึงต้องผ่านช่วงเวลาของการปฏิเสธความจริงและความไม่รู้นี้ด้วย❓ แม้แต่ตอนนี้ก็ใช่จะพูดได้เต็มปากว่าผมเชื่ออย่างเต็มที่ถึงสิ่งที่พระองค์พูด❗ ผมยังอยู่กับภาวะหลงๆลืมๆอยู่เลยตอนนี้
G : อย่ามองตัวเองในแง่ร้ายจนเกินไป นี่เป็นส่วนหนึ่งของ "กระบวนการ" เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่เสียหายอะไรหรอก
N : แล้วทำไมพระองค์ถึงมาบอกเรื่องราวทั้งหมดนี้กับผมในตอนนี้ด้วยล่ะครับ❓
G : เพราะเธอเริ่มจะไม่สนุกแล้วน่ะสิ ชีวิตเริ่มไม่ใช่เรื่องเบิกบานอีกต่อไปแล้ว 💢เธอเริ่มจมอยู่กับกระบวนการจนลืมไปแล้วว่ามันเป็นแค่กระบวนการ💢
📌 เธอถึงเรียกหาฉัน ร้องขอให้ฉันมาหาเธอ ให้ช่วยเธอได้เข้าใจ ให้แสดงความจริงอันลึกล้ำกับเธอ ให้เปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ 🔸ความลับที่ตัวเธอเองซ่อนเอาไว้ไม่ให้ตัวเองเห็น ความลับเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเธอเอง🔸
✴️ฉันกำลังทำทั้งหมดนั้นอยู่ในตอนนี้แล้ว เวลานี้เธอกำลังถูกฟื้นความทรงจำขึ้นมาใหม่อีกรอบ✴️
มันเป็นเรื่องสำคัญกับเธอไหม❓
มันจะเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของเธอในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า❓
มันจะทำให้เธอมีมุมมองและเข้าใจสิ่งต่างๆต่างไปจากเดิมหรือยัง❓
เวลานี้ เธอจะเยียวยาบาดแผลของผู้ร้าวรานไหม❓
จะบรรเทาความหวั่นไหวของผู้หวั่นเกรง ตอบสนองต่อความจำเป็นของผู้ทุกข์ยาก เคารพเชิดชูความเรืองรองของผู้บรรลุ และเห็นตัวฉันปรากฏและดำรงอยู่ในทุกแห่งหนหรือเปล่า❓
การรำลึกได้ถึงความจริงในครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไหม❓
และจะเอื้อให้เธอได้เปลี่ยนชีวิตของคนอื่นด้วยหรือเปล่า❓
หรือเธอจะกลับเข้าสู่ความหลงลืมอีกคราว กลับสู่ความเห็นแก่ตัวดังก่อน หวนคืนและคงอยู่กับความต้อยต่ำของตัวตนที่เธอคิดว่าเธอเป็นก่อนจะตื่นขึ้นอีกครั้งไหม❓
📌 มันจะออกมาในรูปไหนดี❓
(จบ)(บทที่ 7)
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
หนังสือสนทนากับพระเจ้า เล่ม 3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย