27 ก.ค. 2021 เวลา 03:10 • หนังสือ
#43 เล่ม 3 บทที่ 8 หน้า 201 ~ 206
...
N : งดงามจริงๆครับ งดงามเหลือเกิน ขอบคุณมากครับ ตอนนี้พระองค์จะคุยเรื่องที่ค้างคาใจผมอยู่ได้หรือยังครับ❓ ผมอยากคุยเรื่องการฆ่าตัวตายมากๆ ทำไมการปลิดชีวิตตัวเองถึงเป็นเรื่องต้องห้ามร้ายแรงขนาดนั้นครับ❓
...
...
...
G : นั่นสิ ทำไมล่ะ❓
N : พระองค์หมายความว่า ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะจบชีวิตตัวเอง❓
G : ไม่มีทางตอบคำถามนี้ให้เธอพอใจได้ เพราะตัวคำถามแฝงแนวคิดที่ผิดพลาดไว้สองเรื่อง การคิดไปเองที่คลาดเคลื่อนสองอย่าง มีความเชื่อที่ผิดพลาดสองประการ
การคิดไปเองที่ผิดพลาดอย่างแรกก็คือ มีสิ่งที่เรียกว่า "ถูก" และ "ผิด" อย่างที่สองคือการจบชีวิตนั้นเป็นไปได้★ คำถามของเธอจึงพังทลายเป็นเสี่ยงๆทันทีที่มันถูกชำแหละออกมา
★เราไม่เคยตาย เราเพียงแค่เปลี่ยนรูปไปเท่านั้น การทำชีวิตให้จบสิ้นลงนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ ~ แอดมิน
"ถูก" และ "ผิด" เป็นขั้วตรงข้ามทางความคิดในเชิงปรัชญาของมนุษย์ในการให้ค่ากับสิ่งต่างๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความจริงสูงสุดเลยแม้แต่น้อย
ประเด็นนี้ฉันย้ำอยู่หลายครั้งตลอดการพูดคุยของเรา ที่มากกว่านั้นคือ 🔸มันไม่ใช่แม้แต่สิ่งที่จะคงอยู่ตายตัวในระบบสังคมแต่เป็นแค่ค่านิยมที่เปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา🔸
เธอเป็นคนปรับเปลี่ยนมัน ด้วยการเปลี่ยนความคิดที่เธอมีต่อค่านิยมต่างๆเพื่อให้เหมาะสมกับตัวเอง (ซึ่งก็สมควรแล้วในฐานะสิ่งมีชีวิตที่กำลังวิวัฒน์ตัวเอง) แต่ก็เถียงหัวชนฝามาตลอดว่าตัวเองไม่ได้ทำอย่างนั้น แถมยังนั่งยันนอนยันอีกว่า ค่านิยม "ที่ไม่เปลี่ยนผัน" ของเธอคือรากฐานแห่งความเป็นปึกแผ่นของสังคม สุดท้ายจึงเกิดเป็นสังคมที่ขัดแย้งในตัวเองขึ้นมา
เธอเปลี่ยนค่านิยมที่ยึดถืออยู่ตลอดเวลา แต่ก็ป่าวร้องอยู่ตลอดเช่นกันว่า ค่านิยมที่ไม่เคยเปลี่ยนคือสิ่งที่เธอ...อืมมม...ยึดถือให้ค่า❗
ทางออกของปัญหาที่เกิดจากความขัดแย้งกันเองนี้ ไม่ใช่การเทน้ำเย็นเข้าไปในกองทรายเพื่อหวังให้มันเกาะตัวไม่เปลี่ยนสภาพ แต่ต้องเฉลิมฉลองที่กองทราย (สถานการณ์) เคลื่อนตัวและเปลี่ยนไป เชิดชูความงามเวลาที่มันยังคงสภาพอยู่ในรูปปราสาท และก็ต้องเชิดชูรูปแบบและลักษณะใหม่ของมันหลังถูกกระแสน้ำซัดสาดด้วย
จงเห็นค่าของทรายที่เปลี่ยนรูปไปเป็นรากฐานให้กับเขาลูกใหม่ที่เธอจะปีนป่าย และบนยอดเขานั่น (และจากสิ่งที่อยู่บนนั้น) เธอจะได้สร้างปราสาทหลังใหม่ขึ้น แต่ได้โปรดเข้าใจว่า ภูเขาและปราสาทเหล่านั้นคือ "อนุสรณ์แห่งความเปลี่ยนแปลง" มิใช่อนุสรณ์แห่งความเที่ยงแท้
✨ จงเชิดชูสิ่งที่เธอเป็นในตอนนี้
💢 ทว่าจงอย่าประณามสิ่งที่เธอเคยเป็นเมื่อวันวาน
🌟 และจงอย่าปิดกั้นโอกาสของสิ่งที่เธอจะกลายเป็นในวันหน้า
จงเข้าใจว่า "ถูก" และ "ผิด" เป็นเรื่องที่เธอคิดจินตนาการขึ้นมาเอง รวมถึงเรื่องที่ "รับได้" และ "รับไม่ได้" ก็เป็นเพียงคำประกาศถึงความชอบและความคิดเห็นล่าสุดของเธอเท่านั้นเอง
อย่างเช่นคำถามเรื่องการจบชีวิตตัวเอง เวลานี้ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่บนโลกถือว่าเป็นเรื่องที่ "รับไม่ได้" ที่ใครจะทำอะไรแบบนั้น
ในทำนองเดียวกัน พวกเธอหลายคนยังยืนยันว่า การช่วยให้คนที่ปรารถนาจะจบชีวิตให้หมดลมถือเป็นเรื่องที่ "ไม่ถูกต้อง"
พวกเธอบอกว่าทั้งสองกรณีนี้ควรถือเป็นเรื่องที่ "ผิดกฏหมาย" การที่พวกเธอสรุปแบบนี้อาจเป็นเพราะว่าการจบชีวิตในรูปแบบนั้นเกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว ส่วนการกระทำที่ทำให้จบชีวิตเหมือนกันแต่ใช้เวลานานกว่านั้นสักหน่อยไม่ถือเป็นเรื่องผิดกฏหมายถึงแม้จะให้ผลลัพธ์ในแบบเดียวกัน
ฉะนั้น ถ้าใครสักคนในสังคมของเธอเอาปืนมายิงตัวตาย สมาชิกในครอบครัวของเขาจะไม่ได้รับค่าสินไหมชดเชยจากการทำประกันชีวิต — แต่ถ้าคนๆเดียวกันนี้ฆ่าตัวตายด้วยการสูบบุหรี่ ถือว่ายังมีสิทธิได้รับอยู่
หากแพทย์คนไหนช่วยให้เธอหมดลมตามความต้องการของเธอเอง จะต้องถูกสังคมกล่าวหาว่าฆ่าคนโดยประมาททันที — ในขณะที่บริษัทยาสูบทำแบบเดียวกันนี้เลย สังคมกลับบอกว่ามันคือการพาณิชย์
สำหรับพวกเธอมันดูเหมือนว่าเรื่องนี้ถูกตัดสินเอาจากความเร็วช้า การทำลายตัวเองที่ถูกต้องตามกฎหมาย (ซึ่งก็คือ "ความถูกต้องเหมาะสม" หรือ "ความผิดและไม่เหมาะสม") ดูจะวัดเอาจากว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้น "รวดเร็วแค่ไหน" และ "ใครเป็นคนทำให้เกิดขึ้น" ทำนองว่ายิ่งตายเร็วยิ่ง "ผิดมหันต์" แต่ถ้าตายช้าลงเท่าไหร่ ก็ถือเป็นเรื่องที่ "รับได้" มากขึ้นเท่านั้น
ที่มันน่าสนใจก็คือ มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับข้อสรุปที่ว่าสังคมที่มีมนุษยธรรมจริงๆนั้นควรเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเอาคำจำกัดความที่สมเหตุสมผลของคำว่า "มีมนุษยธรรม" จากไหนก็ตามมาเป็นเกณฑ์วัด ข้อสรุปที่ได้ก็คือ "ยิ่งตายเร็วมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น" — แต่สังคมของพวกเธอกลับลงโทษคนที่พยายามทำเรื่องที่มีมนุษยธรรม แล้วก็หันไปให้รางวัลกับคนที่ทำเรื่องวิกลจริตแทน
เป็นเรื่องวิกลจริตที่คิดว่า "พระเจ้าเรียกร้องให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานไปเรื่อยๆ" และการยุติความทรมานอย่างรวดเร็วและมีมนุษยธรรมถือเป็น "เรื่องผิด"
💢ลงโทษพวกมีมนุษยธรรม
💢ให้รางวัลพวกวิกลจริต
มีแต่สังคมที่สมาชิกในสังคมยังมีความเข้าใจที่คับแคบจำกัดอยู่เท่านั้นล่ะ ถึงจะยึดถือคำขวัญอะไรแบบนี้
พวกเธอจึงเอาสารพิษใส่เข้าไปในระบบของร่างกายด้วยการสูดสารก่อมะเร็งเข้าไป (ดูดบุหรี่) ใส่สารพิษเข้าไปในระบบด้วยการกินอาหารที่เต็มไปด้วยสารเคมีซึ่งจะฆ่าเธอในระยะยาว ใส่สารพิษเข้าไปในระบบด้วยการสูดอากาศที่ปนเปื้อนไปด้วยสารพิษสารพัดรูปแบบอย่างต่อเนื่อง 💢พวกเธอทำลายระบบของร่างกายตัวเองด้วยวิธีหลายร้อยวิธีอยู่แทบจะทุกขณะ💢
พวกเธอรู้ดีว่า "สารพัดสารพวกนี้ไม่เป็นผลดีกับตัวเอง" แต่เพราะมันใช้เวลานานกว่าจะฆ่าเธอได้ พวกเธอจึงฆ่าตัวตายได้โดยไร้มลทิน★
★คือไม่มีการลงโทษทางกฎหมายกับผู้คนที่ฆ่าตัวตายด้วยวิธีการเหล่านี้ หรือลงโทษผู้ที่เป็นตัวการให้เกิดการฆ่าตัวตายอย่างช้าๆแบบนี้ ~ แอดมิน
หากพวกเธอทำลายตัวเองด้วยอะไรสักอย่างที่ส่งผลทันตาเห็น ใครต่อใครก็จะบอกกับเธอว่าเธอละเมิดกฎทางศีลธรรม
แต่ฉันจะบอกกับเธอตรงนี้ว่า : 💢การฆ่าตัวเองให้ตายโดยเร็วก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวเองให้ตายทีละเล็กละน้อย ซึ่งผิดทำนองคลองธรรมไม่ต่างกัน💢
N : สรุปว่าคนที่จบชีวิตตัวเองจะไม่ถูกพระเจ้าลงโทษใช่มั้ยครับ❓
G : ฉันไม่ลงโทษใครทั้งนั้น...ฉันให้ความรัก
N : แล้วที่เราได้ยินกันบ่อยๆเกี่ยวกับคนที่คิดว่าตัวเองได้ "หลบหนี" จากปัญหาที่แก้ไม่ตก หรือไม่อยากทนกับสภาพเงื่อนไขที่กำลังเผชิญอยู่ด้วยการฆ่าตัวตาย แต่กลับพบว่าตัวเองต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือสภาวการณ์แบบเดียวกันในชีวิตหลังความตาย ซึ่งหมายความว่าหนีไปไหนไม่พ้นและเรื่องก็ไม่ได้จบอย่างที่คิดล่ะครับ❓
G : สิ่งที่เธอจะประสบในชีวิตหลังความตายตามที่เธอเรียกนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเธอตาย (หรือเข้าสู่ภพแห่งชีวิตหลังความตาย) 🔸ด้วยสภาวะจิตแบบไหน🔸
ทว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตที่มีทางเลือกอิสระ มีสิทธิเลือกตลอดเวลา 🔸ซึ่งเธออาจเปลี่ยนสภาวะหรือภพที่กำลังประสบอยู่ตอนไหนก็ได้ที่เธอเลือก🔸
N : ถ้าอย่างนั้นคนที่เรารักซึ่งเลือกการฆ่าตัวตายก็ยังปกติสุขดีอยู่ใช่มั้ยครับ❓
G : ใช่ ปกติสุขมากๆ
N : มีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ดีมากๆอยู่เล่มหนึ่งชื่อ "Stephen Lives"★ คนเขียนชื่อ แอนน์ เพอริเยียร์ เนื้อหาพูดถึงลูกชายของเธอที่ฆ่าตัวตายตอนเป็นวัยรุ่น มีหลายคนที่รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นประโยชน์กับชีวิตของพวกเขามาก
★Stephen Lives! : His Life, Suicide and Afterlife ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ สตีเฟ่น...รักเดียวในใจแม่ โดย OMG Books ~ ผู้แปล
G : แอนน์ เพอริเยียร์ เป็นผู้นำสาสน์ที่เยี่ยมยอด ลูกชายของเธอ (แอนน์) ก็เหมือนกัน
N : ถ้าอย่างนั้นพระองค์จะแนะนำหนังสือเล่มนี้สักหน่อยมั้ยครับ❓
G : หนังสือเล่มนี้สำคัญนะ เพราะมันพูดเรื่องการฆ่าตัวตายไว้มากกว่าที่เราคุยกันตรงนี้ ใครที่ปวดร้าวฝังลึกหรือยังคงถูกหลอกหลอนด้วยประสบการณ์ของการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักด้วยวิธีการปลิดชีวิตตัวเอง จะมีโอกาสได้รับการเยียวยาผ่านหนังสือเล่มนี้
N : น่าเศร้าจริงๆที่เราต้องเจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้ แต่ผมว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ ผลพวงจากสิ่งที่สังคม "ยัดเยียดให้เราเชื่อ" เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย
G : ในสังคมของพวกเธอ พวกเธอส่วนมากมองไม่เห็นถึงความขัดแย้งกันเองของแนวคิดทางศีลธรรมที่พวกเธอพากันสร้างขึ้นมา
"ความขัดแย้ง" ที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดเรื่องหนึ่งในประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์แต่มนุษย์กลับมองไม่เห็นก็คือ "การทำอะไรลงไปโดยรู้ตัวทุกอย่างว่าจะทำให้ชีวิตสั้นลง...แต่ทำแบบทีละเล็กละน้อย" กับ "การทำเรื่องที่ตัดชีวิตแบบปัจจุบันทันด่วน" นี่ล่ะ
N : แต่ที่มันดูเหมือนชัดขนาดนั้นก็เพราะว่าพระองค์ชี้ให้เห็นหรอกครับ ทำไมพวกเราถึงมองไม่เห็นความจริงที่เห็นได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ได้ด้วยตัวเองครับ❓
G : เพราะหากพวกเธอเห็นความจริงเหล่านี้ พวกเธอก็ต้อง "ทำอะไรสักอย่างกับมัน ซึ่งพวกเธอไม่อยากทำ" 💢พวกเธอก็เลยไม่มีทางเลือกนอกจากจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นไปเรื่อยๆ💢
N : แต่ทำไมพวกเราถึงไม่อยากทำอะไรกับความจริงเหล่านี้หลังจากที่เห็นมันแล้วล่ะครับ❓
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา