เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนหรือคนอื่นๆ (หูได้ยินเสียง) ขณะแรกควรมีสติรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทันทีว่าคืออะไร(พอใจหรือไม่พอใจ) หากพอใจ ให้รู้ว่าพอใจเพราะอะไรเช่น (เขาชม สรรเสริญเยินยอ) หากไม่พอใจเพราะอะไรเช่น ( ถูกตำหนิ ติเตียน ดุด่า) หากเรามีสติรู้ เห็นความพอใจ ไม่พอใจได้(เรียกว่ามีสติสัมปะชัญญะ) ใจเราจะไม่หลงไปตามคำพูดนั้น แต่หากเราไม่มีสติสัมปปชัญญะ(รู้สึกตัวทั่วพร้อม) ย่อมเกิดกรรมคือการกระทำโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ เช่นเกิดความยินดีพอใจในคำสรรเสริญก็เกิดความหลงเผลอเพลินจนลืมตัวและสำคัญผิดว่าเราดี เราเก่ง ส่วนความไม่พอใจจนเกิดโทสะก็เกิดกรรมตั้งแต่โกรธแล้วทำกรรมที่ไม่ดีออกไปทางกาย วาจา และใจ บางคนอาจจะบอกว่าทางใจไม่เป็นไรมั้ง แต่มันติดอยู่ที่ใจก็จะสะสมเก็บกดและเมื่อมากๆเข้าอาจระเบิดขึ้นได้ในวันหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นเรื่องใหญ่มาก
ที่สำคัญที่สุดคือมีสติรู้สึกตัวก็พอ คือหากเป็นคำสรรเสริญเยินยอก็แค่รู้ แต่ไม่นำมาทำให้เกิดการหลงตัวหลงตน หากเป็นคำตำหนิ ติเตียนต่อว่า ก่นดุด่า ก็แค่รู้ และพิจารณาว่าเป็นอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นควรนำมาแก้ไขปรับปรุงตัวเสียใหม่ หากสามารถขอบคุณที่เขาเตือน(แม้จะตรงๆเกินไป) และขอโทษได้ยิ่งดีแสดงว่าเราไม่ถือโทษคำดุด่านั้น หากยังทำไม่ได้ขนาดนั้นก็เอาคำติเตียนนั้นมาปรับปรุงแก้ไขเสียใหม่ถือเป็นการพัฒนาตนเองค่ะ