Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกการเดินทาง
•
ติดตาม
27 ก.ค. 2021 เวลา 10:23 • ท่องเที่ยว
Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (6)
วันที่5 (8/11/2017) Shangrila-Songzanlin Temple-Lijiang-Black Dragon pool
ติดตามอ่านตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่
อ่านเพิ่มเติม
blockdit.com
[บันทึกการเดินทาง ] Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (1)
Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (1)
อ่านเพิ่มเติม
blockdit.com
[บันทึกการเดินทาง ] Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (2)
Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (2)
อ่านเพิ่มเติม
blockdit.com
[บันทึกการเดินทาง ] Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (3)
Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (3)
อ่านเพิ่มเติม
blockdit.com
[บันทึกการเดินทาง ] Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (4)
Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (4)
อ่านเพิ่มเติม
blockdit.com
[บันทึกการเดินทาง ] Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (5)
Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (5)
เช้าวันนี้ก่อนจะออกจากแชงกรีล่า จะแวะไปวัด Songzanlin Temple บ่ายจะเดินทางกลับมาพักที่เมืองลี่เจียง อีกครั้ง และช่วงเย็นจะเดินเที่ยวในเมืองเก่าลี่เจียง
ก่อนจะไปวัดซงจ้านหลิน ก็ขอแวะชมเมืองแชงกรีล่า กันสักหน่อย ตัวเมืองแชงกรีล่า มีความทันสมัยมาก ถนนกว้าง สะอาดตาน่าอยู่มาก
วัดลามะซงจ้านหลิน (Songzanlin) เป็นวัดใหญ่ที่สำคัญของเมืองแชงกรีลา อยู่ห่างจากตัวเมืองจงเตี้ยนไปทางเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นวัดนิกายลามะแบบทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนานอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี
การเดินทางมายังวัด เราจะต้องซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเข้าไปยังวัด และจอดรถของเราไว้ที่จุดซื้อตั๋ว จากนั้นขึ้นรถบัสของทางวัดที่ใช้เวลาเดินทางไม่ไกลนัก แต่ถนนที่ไปยังตัววัดแคบมากๆ และผ่านชุมชนบ้านเรื่อนชาวบ้าน ดังนั้นการให้นั่งรถบัสจึงเป็นวิธีที่ดี ในการที่จำกัดการเข้าออกวัดและไม่รบกวนคนในชุมชนมากเกินไป
จากลานจอดรถ วัดซงจ้านหลิน ก็เผยโฉมให้เห็น
จากประตูทางเข้า จะมีทางเดินและขั้นบันใดขึ้นไปยังตัววัด
บันใดไม่สูงนัก แต่เราอยู่บนที่สูงอากาศเบาบาง การใช้แรงจะเหนื่อยมากกว่าปกติ ฉะนั้น ออกซิเจนกระป๋องที่เหลืออยู่ จึงถูกเอามาใช้ให้หมด
ภายในวัดจะมีอาคารหลายอาคาร สวยงามและอลังการมาก
ออกจากวัด เราก็ออกเดินทางออกจากแชงกรีล่า มุ่งหน้ากลับมาลี่เจียง แวะกินอาหารกลางวันแบบจัดเต็มที่ร้านอาหารที่เคยมาทานตอนขามา การเดินทางมาเป็นกลุ่มคณะก็ดีไปอย่างในแง่การหาร้านอาหารรับประทานสำหรับที่นี่ เพราะร้านอาหารที่นี่ให้ปริมาณอาหารแบบชามเปลใหญ่เบิ้ม ถ้ามาแค่ 2-3 คน เราคงเสียดายไม่กล้าสั่งเยอะ แต่พอมากันคณะใหญ่ เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ เต็มโต๊ะ และเกือบทุกมื้อก็จัดกันแบบนี้ หมดเกลี้ยงทุกครั้ง นับเป็นคณะทัวร์อยู่เพื่อกินกันโดยแท้ เห็นจัดเต็มชุดใหญ่อย่างนี้ ค่าอาหารแต่ละมื้อประมาณ 2 พันบาท สำหรับ 10 คน ซึ่งก็อยู่ในงบที่ตั้งไว้แต่แรก จบทริปยังมีเงินเหลือคืนสมาชิกให้ช้อปปิ้งที่คุนหมิงอย่างครื้นเครง
เคล็ดลับในการสั่งอาหาร และ ได้อาหารในแบบที่เราต้องการ คือ เราเตรียมพร้อมมาจากกรุงเทพ พิมพ์ภาพอาหารยูนานที่มีในเน็ต ใส่กระดาษไว้ แล้วเอารูปให้พ่อครัวดู เท่านี้เราก็ได้อาหารอร่อยๆแล้ว
ก่อนรถจะเข้าเมืองลี่เจียง ต้องแวะล้างรถให้สะอาดก่อน เหมือนเป็นกฎระเบียบของที่นี่ เพราะรถบัสทุกคันก็เข้าแถวมาล้างรถอย่างนี้ ระหว่างรอล้างรถ ก็มีร้านค้าแผงลอยขายผลไม้ให้เราเลือกซื้อแก้เบื่อ
เข้าเมืองลี่เจียง พอมีเวลาช่วงบ่าย จุดแรกที่แวะคือ สระน้ำมังกรดำ (Heillongtan, Black Dragon Pool) หรือเฮยหลงถัน อยู่ในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งเรียกว่า สวนยู้วฉวน (Yuquan) สระมังกรดำ นี้มีที่มาจากตำนานเล่าขานกันว่าในอดีตมีคนพบเห็นมังกรดำปรากฏกายใต้น้ำบ้าง ผุดขึ้นมาจากสระน้ำบ้าง บรรยากาศภายในสวนนั้นเงียบสงบและงดงามด้วยบึงน้ำใสสะอาดสะท้อนภาพทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมะมังกรหยกได้อย่างชัดเจน ว่ากันว่าทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมะมังกรหยกที่มองจากบริเวณสระมังกรดำเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของจีน
เย็นมากแล้ว ถึงเวลาต้องเข้าที่พักซะที วันนี้เลือกพักที่ Lijiang Lize Graceland Merry Inn เพราะเข้าใจผิดคิดว่าอยู่ริมถนนใกล้จุดกังหันน้ำ ที่จริงโรงแรมอยู่บนเขา ถึงจะไม่ได้อยู่ริมถนน แต่ก็เดินไม่ไกลนัก การที่โรงแรมอยู่บนเนิน ก็ดีไปอย่างเพราะเราสามารถมองเมืองเก่าลี่เจียงจากมุมสูงได้
หลังจากเก็บของเข้าที่พัก เราก็ออกเดินชมเมืองเก่า ความที่อยู่ที่สูงก็ต้องเดินลัดเลาะลงบันไดลงมาในที่ราบ มาตั้งต้นที่กังหันน้ำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
เมืองโบราณลี่เจียง เมืองเก่ากว่า 800 ปี ที่มีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแตกต่างไปจากเมืองโบราณอื่นๆของจีน เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งรกรากของชาวหน่าซี หรือนาซี มาตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองนี้ยังได้รับการขนานนามว่า "เวนิสแห่งตะวันออก" และเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย และเมืองโบราณลี่เจียงเองก็ยังคงรักษาความงามในอดีตไว้ได้เป็นอย่างดี มีทางเดินที่ปูด้วยหินอัดแน่น อาคารไม้แบบจีนโบราณ ลำธารที่ไหลผ่านเกือบทุกหลังคาเรือน สะพานโค้งหินเก่าแก่ ต้นหลิวริมลำธารที่กิ่งใบลู่ไหวไปตามสายลม ถนนแต่ละสายในเขตเมืองเก่าจะมาบรรจบกันที่ตลาดสี่เหลี่ยม “ซื่อฟางเจีย” ศูนย์กลางการซื้อขายสินค้า
ก่อนจะเดินชมเมืองเก่า ก็ต้องหาอาหารเย็นทานกันก่อน น่าชื่นชมร้านอาหารชื่อดังอย่าง สตาร์บัค เคเอฟซี หรือ แมคโดนัล ต่างก็ตกแต่งร้านในสไตล์เมืองเก่าอย่างกลมกลืน
ในที่สุดเราก็เลือกร้านอาหารได้ร้านนึง สั่งติ่มซำ เกี๊ยวซ่า และข้าวต้ม มาทาน แต่เราเจอทีเด็ด ข้าวต้มหวานเจี๊ยบ นึกถึงตอนเห็นบ๋อยที่แชงกรีล่า กินข้าวต้มใส่น้ำตาล 3 ช้อน นึกว่าเป็นความชอบส่วนตัว ที่ไหนได้มันเป็นอาหารของคนที่นี่ แต่เราก็เห็นบ๋อยกินกับผักดองแบบข้าวต้มนี่ ที่เด็ดกว่า ก็พ่อครัวและคนในร้านทุกคนมารุมดูพวกเรากินอาหาร คงนึกสังเวชพวกเราว่าจะกินข้าวต้มหวานกับกับข้าวยังไง และก็จำไม่ได้ว่าพวกเราที่สั่งข้าวต้มหวานมาทานได้หรือทานหมดหรือไม่
ทานกันเสร็จก็ได้เวลาเดินชมเมืองเก่ากันแล้ว เดินแล้วก็ต้องซื้อด้วยสิถึงจะได้อรรถรสในการชมเมือง
และก็หมดเวลาสำหรับยามค่ำที่เมืองเก่าลี่เจียง ที่สวยแค่ความเป็นเมืองเก่าของอาคารบ้านเรือนเท่านั้น แต่วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ กลับไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นเมืองเก่า ตามริมตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยคลับ บาร์ ส่งเสียงอึกทึก ร้านค้าก็ขายกันแต่สินค้าของใช้ ของที่ระลึก มันกลายเป็นเมืองเก่าแต่เปลือก จัดฉากสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เมืองสำหรับชาวเมือง สู้ด้านนอกของเมืองเก่าที่เราพักกันวันแรก ยังดูเป็นเมืองที่สงบเงียบและเห็นคนที่นี่ใช้ชีวิตแบบเป็นจริง ไม่ว่าจะร้านค้าต่างๆที่ขายของที่จำเป็น ร้านอาหารที่ขายอาหารที่คนที่นี่รับประทาน
แต่ถึงยังไง ลี่เจียงก็ยังเป็นสถานที่น่ามาเยี่ยมชม น่ามาเดินและพักสัมผัสกับความเป็นเมืองเก่า แกล้งไม่สนใจแสงสีเสียงที่ครึกโครม และให้ความสนใจกับความเป็นเมืองเก่าที่ยังคงเป็นเมืองเก่าที่สมบูรณ์จนได้รับเลือกให้เป็นเมืองมรดกโลก
ด้วย 3 เหตุผลที่ทำให้ลี่เจียงได้รับเลือกจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก คือ ลี่เจียงเป็นเมืองเก่าที่ชนเผ่านาซีอาศัยอยู่ มีสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่สวยงาม หน้าบานทุกหลังจะมีแม่น้ำไหลผ่าน มีการค้าขายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว เหตุผลต่อมาคือ ลี่เจียงมีแม่น้ำ 3 สายไหลขนานกัน ได้แก่ แม่น้ำจินซาเจียง ไหลไปเซี่ยงไฮ้ แม่น้ำโขง ไหลไปเขมร และแม่น้ำหลู่เจียง ไหลไปพม่า แต่แม่น้ำสามสายไม่เคยไหลมาบรรจบกันเลย เพราะตรงกลางของแม่น้ำ มีภูเขาเหล่าจินกั้นกลางแม่น้ำสามสาย และสุดท้ายมีหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ข้างทะเลสาบ หลูกู เป็นหมู่บ้านหญิงล้วน เด็กๆ จึงไม่มีพ่อ ไม่มีปู่ มีแต่แม่กับยาย เท่านั้น
พรุ่งนี้เช้า จะลองสำรวจว่าเมืองเก่านี้ยามเช้าจะเป็นเช่นไร ติดตามชมได้ค่ะ
อ่านเพิ่มเติม
blockdit.com
[บันทึกการเดินทาง ] Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (7)
Kunming-Dali-Lijiang-Shangrila (7)
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Shangrila "The Lost Horizon" 4-12 Nov 2017
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย