3 ส.ค. 2021 เวลา 00:30 • หนังสือ
สรุปหนังสือ “ไปใช้ชีวิตซะ”
มนุษย์อยู่กับความสุขและการพัฒนาตัวเอง
สิ่งใดที่ทำให้เราทุกข์นั้นไม่ใช่เรื่องของเรา
ปล่อยวางสิ่งนั้นไปซะ
ผู้เขียน: ฐาวรา สิริพัฒน์ (DR.POP) Pop Siwapat
สรุปโดย นักเรียน สรุปให้ รุ่นที่ 5 คุณ Sukrit Injun
=====================
ไม่พลาดสรุปหนังสือดี ๆ กดติดตาม เพจสรุปให้
#ไม่พลาดโปรดีๆติดตามที่ Line: @saroophai
N หมายถึง ประสบการณ์จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ตา หู สัมผัส จมูก ปาก แต่ละระบบประสาทจะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป L หมายถึง ภาษาที่ใช้เรียกประสบการณ์ ประสบการณ์จาก การมองเห็น คือ ภาพ ประสบการณ์จาก การได้ยิน คือ เสียง ประสบการณ์จาก การสัมผัส คือ ความรู้สึก ประสบการณ์จาก การได้กลิ่น คือ กลิ่น ประสบการณ์จาก การได้ลิ้มรส คือ รสชาติ P หมายถึง การขับเคลื่อนตัวเอง ถ้าคุณมองส้มตำเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ระบบประสาทจะโยงเราไปเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ การออกกำลังกาย ถ้าคุณมองส้มตำเป็นอาหารที่สกปรก ระบบประสาทก็จะโยงเราไปเรื่องที่น่ารังเกียจ สกปรก จนสุดท้ายชีวิตก็จะเจอแต่เรื่องสกปรก
ประสบการณ์เกิดจากการสัมผัสเรื่องราวต่างๆ ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 หลังจากนั้นก็จะตัดข้อมูลด้วยการคัดกรอง การคัดกรองประกอบด้วย การลบ คือ การลบสิ่งที่เราไม่สนใจออก การบิดเบือน คือ การคิดเองเออเอง ว่าเป็นแบบโน้นแบบนี้ การเหมารวม คือ การสรุปว่าคนแบบนี้ต้องมีนิสัยแบบนี้ เช่น ผู้ชายชอบเจ้าชู้ ผู้หญิงชอบแต่งตัว ซึ่งการคัดกรองจะถูกขับเคลื่อนด้วย 5 ปัจจัย คือ 1.ความเชื่อ 2.คุณค่า 3.ทัศนคติ 4.บุคลิก 5.ภาษาวัตนธรรม การตีความ การให้นิยามของเหตุการณ์นั้นๆ ด้วย ความคิด เหตุผล หรือข้ออ้างต่างๆ เมื่อเราทำพฤติกรรมกับเหตุการณ์นั้นๆซ้ำๆเป็นเวลา 21 วันจะกลายเป็นนิสัย และเมื่อเราทำนิสัยนั้นซ้ำๆหลายๆครั้งก็จะเป็นสันดาน
1.สิ่งที่คุณรู้ดี คือ เรื่องที่เรารู้จริง เป็นแฟนพันธ์แท้ ถามอะไรตอบได้ ถือเป็นพื้นที่ความรู้ที่น้อยที่สุด 2. สิ่งที่คุณรู้ คือ เรื่องทั่วไปที่คุณรู้ แต่ก็ไม่ได้รู้ดีอะไรมาก 3. สิ่งที่คุณรู้ว่าคุณไม่รู้ คือ เรื่องที่เรารู้แก่ใจดีว่าเราไม่รู้รายละเอียดอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ 4. สิ่งที่คุณไม่รู้ว่าคุณไม่รู้ คือ อะไรก็ตามที่คุณไม่รู้ว่าคุณไม่รู้ ถามไปนึกไม่ออก ในหัวไม่มีภาพนั้นเลย นี่คืออาณาจักรของความรู้ที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในชีวิต หากเราเปิดใจว่ามีหลายสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้ ย่อมจะทำให้เราเปิดใจรับรู้ จนกลายเป็นสิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้ หลักจากนั้นเราก็จะทำการศึกษามันจนกลายเป็น สิ่งที่เรารู้
การเปลี่ยนหัวเรื่อง คือการตีความสถานการณ์ที่คุณไม่ชอบมาตีความหมายใหม่ว่าคุณสร้างความได้เปรียบในสถานการณ์นี้ได้อย่างไร เช่น หากคุณสอบตก ให้คิดว่า มันเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้เพิ่มเติม อ่านหนังสือมากขึ้น ทบทวนมากขึ้น สุดท้ายเราก็จะเก่งขึ้น เป็นต้น การเปลี่ยนเนื้อเรื่อง คือ การเปลี่ยนความหมายของสถานการณ์นั้นไปเลย เช่น คนในครอบครัวประสบอุบัติเหตุจนพิการ ให้เราคิดว่าอย่างน้อยก็มีชีวิตอยู่กับเรา มันวิเศษที่สุดที่ไม่จากเราไป เป็นต้น
คนเสกทุกข์ ยึดติดกับความทุกข์ในอดีต หรือความรุ่งเรืองในอตีดที่จบไปแล้ว คำพูดติดปาก “ เมื่อก่อนฉันทำแบบนี้ เมื่อก่อนไอ้คนนี้ทำกับฉันแบบนี้” เป็นคนที่ยึดติดกับคำว่า “เมื่อก่อน” พวกเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน คนเสกฝัน เป็นคนเพ้อฝันถึงอนาคต โดยไม่สนใจขั้นตอนหรือวิธีการที่จะทำ ชอบพูดว่า “ฉันจะทำอย่างงี้ อย่างงั้น” แต่ไม่ลงมือทำสักที หรือคนประเภทที่หวาดกลัวไปก่อนที่ยังไม่เกิด ชอบพูดว่า “ฉันทำไม่ได้หรอก เขาจะว่าฉันไหม” คิดไปเองทั้งหมด คนเสกสุข คนที่อยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้ บัดนี้ Now เท่านั้น คนประเภทนี้จะไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมาแล้ว หรือเรื่องที่ยังไม่ถึง ตระหนักรู้แค่ตอนนี้ทำอะไร กินข้าวคือรู้ว่ากินข้าว อ่านหนังสือคืออ่านหนังสือ ไม่คิดไปถึงเรื่องอื่น
เพื่อนแท้ เกิดมาเพื่อให้เรามีความสุขเสมอ เมื่อใดที่คุณหน้าบึ้ง เพื่อนแท้จะบอกคุณว่า ยิ้มได้แล้ว เมื่อใดที่คุณเครียด เพื่อนแท้จะบอกให้คุณ ผ่อนคลาย เพื่อนแท้ก็เหมือนใจของคุณ จใต้สำนึกของคุณ
1.การหายใจที่ถูกต้องแบบ 1 : 4 : 2 จะเพิ่มปริมาณออกซิเจนในร่างกายได้มหาศาล ส่งผลดีต่อการทำงานของเซลล์นับล้านๆ เซลล์ การไหลเวียนเลือด การแลกเปลี่ยนก๊าซ การทำงานของสมอง การเผาผลาญ การกระตุ้นระบบน้ำเหลือง 2.การจัดวางร่างกายใน “โซนบวก” จะทำให้คุณเข้าสู่พลังงานที่บวก เมื่อคุณส่งพลังงานบวกออกไป คุณจะได้รับสิ่งดีๆ กลับมา นั้นคือ กฎแรงดึงดูด เคล็ดลับสำคัญคือ “ยอมจำนน” ให้เพื่อนแท้ชี้แนะคุณอย่างจริงใจ 3.สถานะที่พิเศษจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเห็นภาพ ได้ยินเสียง และรู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง 4.แสดงออกให้สอดคล้องกับสีหน้า แววตา น้ำเสียง และท่าทางของคุณในเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมนั้น แล้วคุณจะเข้าสู่สถานะแห่งความยอดเยี่ยมได้ทั้งทีทันใด
โฆษณา