1 ส.ค. 2021 เวลา 06:14 • นิยาย เรื่องสั้น
นอนอยู่ดีดี กลายเป็นผีซะงั้น
บทที่ 1 จุดเริ่มต้นของค่ำคืนอันมืดมิด (ตอนที่ 1)
ฉันตายแล้วอย่างนั้นเหรอ? นั่นคือความคิดวูบแรกที่แล่นเข้ามาภายในหัว หลังจากที่ลืมตาขึ้นมา ก็สัมผัสได้เพียงแค่ความมืด..
ฉันมองไปรอบๆ รับรู้ได้ว่าตนเองอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่งกว้าง และเมื่อแหงนมองไปยังด้านบน ก็เห็นเข้ากับดวงจันทร์สีแดงทอแสงส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า ช่างน่าแปลกใจ! นี่อาจเป็นโลกหลังความตายจริงๆ ฉันใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นไว้ ก่อนจะส่งแรงทั้งหมดพยุงร่างกายเพื่อลุกขึ้นยืน
ทว่าความผิดปกติอย่างแรกที่ฉันสัมผัสได้หลังจากนั้น คือแขนขาเบาหวิว ราวกับว่าความหนักอึ้งของกล้ามเนื้อจากอาการป่วยได้มลายหายไปจนหมดสิ้น
ฉันยิ้มฉีกปากอย่างชอบใจ ไม่ว่าที่แห่งนี้คือที่ไหนก็ตาม ฉันรู้สึกได้ว่าฉันชอบมัน ขาสองข้างก้าวออกอย่างเชื่องช้า เหยียบย่ำสู่พื้นพลางสายตากวาดมองรอบตัว
พลันร่างกายรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสทั่วร่าง แม้ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่เกินจะทานทน แต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ทำให้สบายตัว เกิดอะไรขึ้น? ทว่ามันกลับส่งผลรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ร่างกายค่อยๆ หนักอึ้ง และอ่อนล้าเกินกว่าที่จะลืมตาตื่น ฉันฟุบลงกับพื้นก่อนที่จะสลบไปในที่สุด..
*
*
*
แล้วตาก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างเชื่องช้า ภายใต้แสงสว่างอันแสนอบอุ่นที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนขนาดกว้างสี่เมตรที่แสนคุ้นเคย เมื่อหันหน้าไปทางด้านขวาก็พบกับหน้าต่างที่ตอนนี้ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของผู้ดูแล ฝันอย่างนั้นเหรอ? ฉันคิดพลางทำหน้าเศร้า..
เสียงกล่าวทักทายสดใสหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนที่ฉันจะหันไปมอง เธอคือพี่สุนี สาวสวยอายุ 18 ปี ที่พ่อแม่จ้างไว้ให้เป็นผู้ดูแลในตอนที่พวกท่านออกไปทำงาน ฉันยิ้มตอบโดยไม่กล่าวอะไรเพราะความเหนื่อยล้าจากอาการป่วย
พี่สุนีฝันอยากจะเป็นพยาบาล เธอจึงเริ่มทำงานอย่างหนักในระหว่างที่เรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบไปด้วย บ้านของเธอมีฐานะยากจนแต่เธอนั้นยังคงกัดฟันสู้เพื่อทำตามความฝัน ฉันก็อยากทำได้อย่างนั้นบ้าง..
ฉันชื่อว่าอิส ที่มาจากคำว่าอิสระ อายุ 17 ปี แต่ดูฉันสิ ฉันป่วย! กล้ามเนื้อที่ดูลีบเล็กที่แม้แต่ยืนยังทำได้ยาก ฉันไม่สามารถมีอิสระได้อย่างชื่อที่พ่อตั้งให้ได้เลย ขนาดตอนนี้ยังต้องให้คนอื่นคอยเช็ดตัวให้
ฉันคิดพลางถอนหายใจพร้อมแสดงท่าทีเขินอายในขณะที่พี่สุนียุ่งกับร่างกายแต่ละส่วนของฉันเพื่อทำความสะอาด
เสียงหัวเราะขำขันของพี่สุนีล่องลอยมายังใบหูของฉันพร้อมคำปลอบประโลมหลังจากนั้น สีหน้าของเธอไม่มีท่าทีเขินอายใดๆ ราวกับว่าเคยชินกับการทำงานแบบนี้แล้ว
ภารกิจของฉันดำเนินไปจนถึงเวลาเก้าโมงเช้าหลังจากทำกายภาพบำบัดโดยพี่สุนีเช่นเดิม เนื่องจากฉันเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจึงต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และเอาใจใส่จากคนรอบข้างอย่างสม่ำเสมอ
ฉันสังเกตรูปภาพที่อยู่ใกล้ๆ มันอยู่ตรงนั้นตลอดเหรอ? ภาพนั้นถูกถ่ายขึ้นวันเดียวกับในวันนั้น วันที่เริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นในตอนที่ฉันอายุได้ 12 ปี
เมื่อลองนึกย้อนเรื่องราวกลับไปที่โรงพยาบาล หลังจากที่ฉันหกล้มอย่างหนักขณะอยู่ที่โรงเรียน ฉันฟื้นขึ้นมาพบกับหน้าของแม่ที่กุมมือร้องไห้อยู่ข้างๆ และพ่อที่กำลังยืนคุยกับหมอด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด ไม่มีทางรักษา! ฉันได้ยินเสียงแว่วจากปากหมอว่าอย่างนั้น นั่นคือก่อนที่ฉันจะได้มาอยู่ในสภาพนี้..
9 โมงกับอีก 10 นาที ของทุกๆ วัน อาหารจะถูกส่งผ่านสายยางเข้าสู่ลำคออย่างเชื่องช้า มันรู้สึกแปลกนิดหน่อยแต่ฉันก็ชินกับมันแล้ว ในช่วงนี้พี่สุนีมักจะมองดูฉันเป็นพิเศษ เนื่องจากฉันไม่สามารถเคี้ยวหรือกลืนอาหารเองได้
เธอจะตั้งหน้าตั้งตาสอดส่องการเคลื่อนตัวของอาหาร ว่ามีการติดขัดหรือไม่จนกว่ามันจะหมดลง..
*
*
*
ฉันตื่นนอนอีกครั้งในยามบ่ายหลังจากได้รับยาหลังอาหาร และหลับลงไปในที่สุด พี่สุนียังคงอยู่ใกล้ๆ เช่นเดิม ในมือของเธอถือนิยายเล่มที่ยังอ่านไม่จบต่อจากเมื่อวาน หลายครั้งที่ฉันขอให้เธออ่านให้ฟัง จนตอนนี้ดูเหมือนมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของฉันไปแล้ว..
เธอยิ้มทักทายเล็กน้อยก่อนจะเริ่มต้นเปิดหน้าหนังสือเพื่ออ่านช่วงต่อจากตอนที่พักไว้ เรื่องราวในนิยายกล่าวถึงเด็กผู้ชายที่ถูกส่งไปเรียนยังโรงเรียนเวทมนตร์ แม้ว่าเขาจะสวมแว่นตาหนาเตอะ แต่ก็มีใบหน้าที่หล่อเหลาแถมยังฉลาด และเป็นที่รักของคณาจารย์มากมาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาได้มีเพื่อนที่สามารถไว้ใจได้
เพื่อนคนแรกเป็นหนุ่มหน้าตาดีแม้จะเรียนไม่ได้เรื่องแต่เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนอีกคนเป็นแม่มดสาวที่ทั้งสวย และฉลาด ขนาดพี่สุนียังกระซิบบอกฉันเลยว่าเธอชอบตัวละครนี้เป็นพิเศษ เธอคงอยากจะเก่งให้ได้อย่างตัวละครตัวนั้นบ้าง
ฉันขำเล็กน้อยด้วยเสียงอันแหบแห้งในตอนที่ได้ยินครั้งแรก บางทีนั่นอาจมีเหตุผล! เธอคงอยากให้ฉันหัวเราะบ้างหลังจากทำได้เพียงแค่นอนซบเซาอยู่บนเตียงเพียงเท่านั้น ในบางครั้งมันก็โดดเดี่ยวเหลือเกินเมื่อถึงเวลาที่พี่สุนีต้องกลับไป
ในทุกๆ วันพี่สุนีจะกลับไปในเวลา 18 นาฬิกากับอีกประมาณ 20 นาที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่พ่อ และแม่ของฉันกลับถึงบ้าน พวกเขาทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ อาชีพที่ถือว่ามีความมั่นคงในชีวิตค่อนข้างสูง พวกเขาควรมีความสุขสิ! แต่ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้านฉันไม่เคยเห็นพวกเขายิ้มอย่างมีความสุขได้เลย ทำไมกันนะ?

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา