1 ส.ค. 2021 เวลา 08:49 • นิยาย เรื่องสั้น
เล่า ตอนที่ 5 แฝง
คุณเคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้หรือเปล่า ที่ในสมัยก่อนคนเฒ่าคนแก่เล่ากันว่า ในเวลาที่คนเราไม่สบายใจ
หรือเป็นทุกข์ใจมากๆ นั้น จิตของคนเราจะหลุดไป ทำให้จิตว่างและอาจทำให้สิ่งที่ไม่ดี เข้ามาแอบแฝงร่างได้
อาจจะเป็นผีเร่ร่อน หรือพวกของพวกคุณไสยที่โดนเจ้าของเก่าทิ้ง
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้คือ เรื่องที่เกิดขึ้นจริงชองฉัน ในตอนที่ฉันอายุ ประมาณ 16-17 ปี ในช่วงเย็นของวันนั้นได้เกิดปัญหาขึ้นระหว่างน้าของฉันและน้าสะไภ้ เกิดทะเลาะกันและมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จึงทำให้ยายเสียใจเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เพื่อนๆ ของยายมีนัดเล่นไพ่กันช่วงค่ำ ยายจึงบอกให้พี่สาวของฉันไปส่งบ้านเพื่อน เวลา 1ทุ่ม เนื่องจากยายไม่อยากอยู่บ้านและไม่สบายใจ แกจึงจะไปเล่นไพ่แก้เครียด
เมื่อถึงเวลาพี่สาวฉันจึงไปส่ง ด้วยรถมอเตอร์ไซต์ หลังจากที่ทั้ง2ออกจากบ้านไปได้ ไม่ถึง 10 นาที ก็ได้ยินเสียงร้องไห้พร้อมกับเสียงตะโกนออกมา ใช่ เสียงนั้นเป็นเสียงของพี่สาวฉัน
“ฮือ ๆ ๆ ๆ ย่า .....ย่า ลงกลางทางแล้ว”
ด้วยความตกใจพี่ของฉันก็พูดไม่ค่อยเป็นคำเท่าไรนัก ทุกคนที่บ้านจึงรีบออกตามหายายกันทั่ว ซึ่งจะบอกก่อนว่าระยะทางจากหมู่บ้านที่อยู่ออกไปบ้านเพื่อนของยาย ประมาณ 2 กิโลเมตร และข้างๆ ทางก็มีแต่ป่าเท่านั้น ไม่มีบ้านคนแม้แต่หลังเดียว ค่อนข้างที่จะเปลี่ยวมาก
หลังจากที่ทุกคนออกตามหายาย รวมถึงชาวบ้านใกล้เคียงก็ช่วยกันออกตามหายายด้วย แต่ไม่มีใครเจอยายเลยสักคน การตามหาในช่วงกลางคืนก็ค่อนข้างลำบากเพราะมืดมาก จำเป็นต้องใช้ไฟฉายส่องทาง ค่อนข้างทุลักทุเลไม่น้อย
คนที่รออยู่ที่บ้านก็คอยลุ้น และเผื่อว่ายายจะเดินกลับบ้านมาเอง แต่ก็ไร้วี่แววของยาย จนเวลาเริ่มเข้า 3 ทุ่ม ก็ยังไม่เจอยายเลย
พี่สาวเล่าว่า ตอนขับรถไปส่งยาย แกบอกให้ตนจอดรถ แล้วแกจะเดินไปกับคนที่อยู่ข้างหน้านั้น แต่พี่สาวบอกว่า
“ไม่เห็นมีใครสักคนเลยนะย่า”
ตนจึงไม่ยอมจอดและยังขับรถต่อไป แต่ในขณะนั้นยายได้ใช้เท้าลากกับถนน และขู่จะกระโดนลงจากรถถ้าไม่ให้แกลงเดินไปกับคนพวกนั้น พี่สาวกลัวแกจะกระโดดจึงจอดให้แกลง และแกก็หันกลับมาไล่ พี่สาวให้กลับไป แต่พี่สาวเป็นห่วงยายจึงค่อยๆ ขับรถตามแกอยู่ห่างๆ แต่แกก็หันกลับมาไล่ ด้วยสีหน้าที่โมโห
“ไป กูจะเดิน”
แสงไฟจากรถ ส่องเห็นได้ไม่ค่อยสว่างนัก แต่ส่องเห็นยาย ที่มีทีท่าแปลกไป พร้อมกับทำท่าไล่ให้พี่สาวกลับรถ ในตอนนั้นพี่บอกว่า น่ากลัวมาก ไม่มีรถสักคันวิ่งผ่านเลยทั้งที่ปกติยังมีเพราะแค่ช่วงค่ำเอง ด้วยความกลัวและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตนจึงรีบขับรถกลับมาและร้องไห้ด้วยความตกใจ
เวลาก็ค่อยๆ ดึกขึ้น เสียงหมาเห่าหอนไปทั่วทั้งบริเวณ แม่และตาได้จุดธูปไหว้พระ บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ตนบันดาลพายายให้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัย อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับยายเลย
เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงคืน มีป้าคนนึงเอะใจ แกจึงเดินไปทางด้านหลังร้านค้าขายของชำ ซึ่งเป็นร้านของหลานสาวตาสุดท้ายก็เจอยาย นอนร้องไห้อยู่ในป่าหญ้าหลังร้าน
“เจอแล้ว เจอแล้ว”
เสียงตะโกนดังลั่น ทุกคนดีใจรีบวิ่งไปดูยาย และพายายมานั่งที่แคร่ไม้ข้างร้าน ฉันได้จับแขนของยายและเรียกยาย สายตายายตอนนั้นน่ากลัว และเนื้อตัวของยายเย็นมาก ด้วยความกลัวฉันจึงถอยห่างออกมา ให้คนอื่นเข้าไปแทน
ซึ่งสายตา ท่าทาง ดูผิดแปลกไปต่างจากยายมาก ดูน่ากลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้
ตาได้เรียกยาย แต่เสียงตอบกลับมานั้นบอกว่า “กูไม่ใช่มัน”
ตาเลยถามว่า “เป็นใคร ชื่ออะไร”
ร่างที่แฝงยายก็เริ่มทำท่า เอามือจับหัว และบอกว่า เจ็บหัว ปวดหัว พร้อมเอาเสื้อหนาวของยายมาคลุมหัว แล้วพูดว่า
“พวกมึงลืมกู กูทำให้พวกมึงกิน พวกมึงใช้กู .......โอ้ย ปวดหัว กูจะนอน” แล้วแกก็นอนลงไปไม่ถึง2นาที
แต่จู่ๆ แกก็ลุกขึ้นมานั่งอีก แล้วบอกว่า “กูเจอมันเดินอยู่ในป่า กูอยู่บนต้นไม้”
กูเห็นมีคนพามันไป กูแย่งมา กูจะเอามันไปอยู่ด้วย แต่กูสงสารมัน กูเอามันกลับมานี่
หลังจากได้ฟังที่ร่างแฝงยายพูดนั้น ทุกคนรู้ได้ทันทีว่า นั่นคือ พี่สาวของตา แกได้จากไปมานาน เนื่องจาสกป่วยโรคมะเร็งในสมอง ตอนนั้นเสียงหมาหอนดังไปทั่ว น่ากลัวมากๆ บรรยากาศวังเวงทั้งที่มีคนอยู่ด้วยเยอะแยะแถมยังร้อนอบอ้าวทั้งที่มีลมพัด
“กูจะนอน กูเจ็บหัว”
และแกก็ค่อยๆ นอนลง แล้วบอกว่า จะไปแล้ว แต่แกก็ลุกพรวดขึ้นมา แล้ว ทำเสียง วู้ ทุกคนพากันตกใจแต่ก็ยังประคองสติกันได้ดี และแกก็บอกว่าไปจริงๆ แล้ว พร้อมนอนลงไป สักพักยายก็กลับมาและลุกขึ้นนั่ง ด้วยสภาพอิดโรย อ่อนแรงและไม่พูดไม่จา เงียบและซึม
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายพากันกลับบ้าน ยายที่ได้พักจากอาการเพลียก็ลุกเดินออกมานั่งข้างนอก จนเช้า ยายไม่ยอมนอน ตาก็คอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง เพราะยายเหมือนยังมีอาการล่องลอย และยังมองกวาดสายตาหาอะไรอยู่ตลอดเวลา ผ่านไปหลายวันกว่าอาการของยายจะดีขึ้น และได้พายายไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัด เพื่อความสบายใจกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา