1 ส.ค. 2021 เวลา 08:47 • นิยาย เรื่องสั้น
เล่า ตอนที่ 4 ป่าช้าเก่า
ครั้งหนึ่ง สมัยที่ผมเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ผมได้ทำรายงานเกี่ยวกับต้นไม้ที่มีชื่อว่า ต้นกอ หรือ เกาลัดป่า ที่มีอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งจะเป็นลูกปลายปี โดยสรรพคุณของต้นกอนั้นมีค่อนข้างเยอะ ซึ่งผมกับเพื่อนอีก4คนยังไม่เคยมีใครเห็นต้นกอจริงๆ สักครั้งว่ามีลักษณะอย่างไร ผมจึงอาสาพาเพื่อนๆ ไปดูที่บ้านนอกซึ่งเป็นบ้านของตากับยาย ตอนเด็กๆ ผมจำได้ว่า ยายเคยพูดถึงต้นกอที่มีในป่าใกล้ๆ กับหมู่บ้านด้วย แถมยังตรงกับเดือนที่ต้นกอออกผลพอดี
พอถึงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ จึงได้เดินทางไปบ้านของตากับยายแต่เช้า ระหว่างทางผมก็ขับรถไปและได้สังเกตุไปตลอดทาง ซึ่งก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ทางเข้าหมู่บ้านก็ยังคงเป็นสวนยางพาราและป่ารกทึบสุดลูกหูลูกตา 2ข้างทางก็เต็มไปด้วยป่าไม่มีบ้านคนเลย ค่อนข้างที่จะเปลี่ยวเอามากๆ ระยะทางเข้าหมู่บ้านจากถนนสายหลักเข้ามาถนนของหมู่บ้านเกือบๆ 2กิโลเมตร
เมื่อถึงบ้านตากับยาย แกก็ดีใจมากที่ผมมาหา เนื่องจากก่อนจะมานั้นผมไม่ได้โทรบอกก่อนล่วงหน้า
“อ่าว เจ้ากล้า จะมาทำไมไม่บอกตาก่อนละ”
“พอดีผมมาทำรายงาน และก็จะมาเซอร์ไพรส์ตากับยายด้วยครับ”
“รายงานเรื่องอะไรล่ะ? “ (ยายถาม)
“ผมทำรายงานเกี่ยวกับต้นกอครับยาย ว่าจะพาเพื่อนมาดูของจริงสักหน่อย ผมเคยได้ยินยายพูดว่าแถวนี้มีต้นกออยู่ด้วย”
สิ้นเสียงผมพูดจบ ตากับยายก็หันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก พร้อมกับชวนผมและเพื่อนให้เข้าบ้าน และชวนกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
“ตามสบายเลยนะเด็กๆ กินให้อิ่มนะ ขาดเหลืออะไรก็บอกตาเขา”
หลังจากกินข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้ว ผมจึงถามกับตาว่า ต้นกอที่ยายว่าอยู่ที่ไหน ผมจะพาเพื่อนไปดู ตาได้ชงักนิดหน่อย ก่อนจะบอกผมว่า อยู่ทางทิศออกของหมู่บ้าน เดินไปไกลมาก เพราะรถเข้าไปไม่ถึง เนื่องจากต้องข้ามลำธารไปและยังเป็นป่ารกทึบ สลับกับสวนยางพาราที่ทิ้งร้างในบริเวณนั้น
“ตาว่า พวกเอ็งไม่ต้องไปดูต้นมันจริงๆ หรอกนะ ทางที่จะไปมันลำบาก”
“พวกผมตั้งใจแล้วครับตา “ (เพื่อนอีกคนเสริม)
“เอาเป็นว่า พรุ่งนี้เช้า ตาค่อยพาไปละกันนะ วันนี้อยู่บ้านกันไปก่อน เดี๋ยวตากับยายจะเข้าสวนสักหน่อย พวกเอ็งอย่าไปไหนกันละ”
ผมรู้สึกเอะใจ เหมือนตาปิดบังอะไรเกี่ยวสถานที่แห่งนั้น ก็เลยแอบพากันไปตอนที่ตากับยายเข้าไปในสวน
พวกผมได้เดินเข้าไปตามทางสวนยางของชาวบ้านไปเรื่อยๆ จนถึงลำธาร แต่แถวนี้แทบจะไม่มีบ้านคนเลย เดินมาเหนื่อยเพื่อนอีกคนขอนั่งพักและแวะเล่นน้ำกันตรงลำธาร บรรยากาศตอนนั้นมันวังเวงและเงียบมากๆ ได้ยินแค่เสียงน้ำไหล เสียงลมพัดกิ่งไม้พลิ้วเบาๆ แอบน่ากลัวเบาๆ ทั้งที่ยังเป็นกลางวันอยู่
จากนั้นจึงได้พากันเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆ จนถึงต้นไม้ต้นใหญ่ และเป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในป่าก็ว่าได้ ดูเหมือนว่าจะเป็นต้นกอที่ตามหาแน่เลย บริเวณรอบๆ ก็เป็นป่ารกทึบ มองทางไหนก็มีตแต่สวนยางพารา ที่สภาพเหมือนถูกปล่อยทิ้งร้าง ไม่ได้กรีดเอาน้ำยางมานานแล้ว
“ใช่ต้นกอหรือเปล่าวะ”
เพื่อนๆ ได้เดินไปใต้ต้นไม้นั้น ก็เจอกับผลของมันเข้า น่าตามันเหมือนลูกเกาลัดแต่เม็ดมันเล็กกว่า เปลือกยังมีหนามด้วย
“เกาลัดชัดๆ เก็บใส่กระเป๋าไปคั่วกินดีกว่าว่ะพวกมึง”
พวกผมได้ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานพอสมควร เก็บลูกกอจนได้เต็มกระเป๋า และถ่ายรูปเก็บภาพกันอย่างสนุก จนแสงอาทิตย์เริ่มหรี่แสงลง บรรยากาศรวมๆ โดยรอบเริ่มมืด มีเสียงนกร้องดังกังวานไปทั่วทั้งป่า ทำให้รู้สึกวังเวงและชวนขนลุกไม่น้อย
“ไปกันเถอะพวกมึง เริ่มจะมืดแล้วเดี๋ยวตากับยายเป็นห่วง”
“เฮ้ย! พวกมึงได้ยินเสียงเด็กหัวเราะไหมวะ?”
“ไม่เห็นจะได้ยินเลย มึงหูแว่วเสียงนกหรือเปล่า”
พวกผมได้เดินออกมาจากบริเวณต้นกอเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะดังขึ้น และครั้งนี้ได้ยินกันหมดทุกคน มีทั้งเสียงเด็กเล่นกัน หัวเราะ ร้องไห้ ตีกันไปหมด ทำให้พวกผมเริ่มหวาดกลัวใจเต้นแรงขึ้น และมองไปรอบๆ บริเวณนั้น ยืนจับตัวกันเป็นกลุ่มด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก จะวิ่งออกจากตรงนั้นก็กลัวไม่สู้หันหลังให้ต้นกอนั้น ทำได้ยืนจับตัวกันและค่อยๆ ขยับออกมา
ท้องฟ้ามืดลง มีลมอ่อนๆ พัดมากระทบตัว เสียงสัตว์น้อยใหญ่ร้องดังไปทั้วทั้งป่า มีเพียงแสงไฟจากโทรศัพท์ของทั้ง5คนเท่านั้น ที่ส่องสว่างให้อุ่นใจ ทุกคนตกอยู่ในอาการขวัญฝ่อ จะโทรหาใครก็ไม่ได้เนื่องจากไม่มีสัญญาณ และมองหาทางกลับไม่เจอ เหมือนหลงป่า แต่แล้วก็มีแสงไฟแต่ไกลๆ จำนวน10ดวง กำลังเดินตรงเข้ามาหา พร้อมเสียงตะโกนเรียก
“เด็กๆ อยู่ที่ไหน ตามาช่วยแล้ว”
“ตรงนี้ครับตา พวกผมอยู่ตรงนี้”
ผมกับเพื่อนรีบตะโกนตอบและส่องไฟจากโทรศัพท์เพื่อบอกตำแหน่งของตน
“กล้า เป็นยังไงบ้างลูก ตาบอกแล้วว่าให้อยู่บ้าน”
หลังจากที่ทุกคนกลับออกมาได้แล้ว ก็โดนอาบน้ำมนต์กันยกใหญ่ ตาและยายรวมถึงชาวบ้านคนอื่นๆ ทำการเรียกขวัญและผูกข้อมือให้
หลังจากได้สติกันทุกคนแล้ว ผมก็ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสถานที่แห่งนั้น ทำไมมีผีเด็กมาหลอกพวกผม
ตาเล่าว่า สมัยก่อนนั้น ไม่มีหมอ มีแต่หมอตำแยหรือหมอบ้าน เวลาใครคลอดลูกแล้วเด็กไม่รอด หรือมีเด็กเสียชีวิตในหมู่บ้าน ก็จะนำร่างไปฝังไว้ที่ต้นกอต้นนั้นแหละ ก็เลยกลายเป็นป่าช้าเด็กไป ไม่มีใครกล้าเข้าไปเพราะมันน่ากลัวและเฮี้ยนมากๆ คนที่กรีดยางบริเวณนั้นก็เจอดีมาแล้วทุกราย เลยกลายว่าสวนนั้นโดนทิ้งร้างไม่มีใครกล้าเข้าไปกรีดยางเลย
เช้านั้นตาได้พาพวกผมไปทำบุญ และพาไปขอขมายังสถานที่นั้นเพื่อความสบายใจ เพราะพวกผมอาจเข้าไปรบกวน หรือทำอะไรที่ไม่ดีต่อสถานที่ ผมได้เช็คดูรูปภาพจากกล้องที่ถ่ายไว้ทำรายงาน ภาพทุกภาพเห็นเป็นเงาดำเต็มไปหมด ผมจึงได้ลบทิ้งไปและคิดว่าใช้รูปจากอินเตอร์เน๊ตแทน และบอกลาตากับยาย เดินทางกลับพร้อมกับลูกกอที่เก็บมาได้นั้น ยายได้คั่วให้รีบร้อยแล้วและกินด้วยความโล่งใจและเหตุการณ์นี้ผมและเพื่อนคงจำไม่ลืมแน่นอน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา