Anthony Tan ผู้ก่อตั้ง Grab กับกองเรือรบที่กำลังจะพิชิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
1
ไม่มีใครคาดคิดว่า Grab จะยิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้ก่อตั้งก็ยังต้องดิ้นรอนต่อสู้ในช่วงแรกของการก่อตั้งบริษัท แต่หลังจากจัดการเอาชนะคู่แข่งได้หลายครั้ง และหลังจากเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ครั้งสำคัญ ตอนนี้กองเรือรบของ Anthony Tan กำลังจะพิชิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จ
4
Anthony Tan ผู้ก่อตั้ง Grab กับกองเรือรบที่กำลังจะพิชิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงประสบความสำเร็จในการครอง ecoysystem ทั้งหมดของการใช้ชีวิตของเหล่าผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ นำโดย Anthony Tan
1
ชีวิตในวัยเด็ก
Anthony Tan เกิดในปี 1982 เมื่อตอนที่เขายังเล็ก Tan เป็นคนพูดน้อย ทำให้หลายคนคิดว่าเขาเป็นคนโง่ บางคนถึงกับคิดว่าเขาเป็นคนหูหนวกเลยด้วยซ้ำ
1
แต่ในขณะนั้น Tan อยู่ในสังคมที่พูดภาษาต่างๆ มากเกินไป ในประเทศอย่างมาเลเซีย ผู้คนพูดภาษาจีนกลาง ฮกเกี้ยน ภาษามาเลย์ และภาษาอังกฤษ ทำให้ Tan ไม่สามารถปรับตัวได้ดีนัก
“ไม่ ผมไม่ได้หูหนวกหรือใบ้ ผมเข้าใจภาษา ผมแค่สับสน มีภาษามากมาย… ถูกพูดอยู่รอบตัวผม เรามีคนขับชาวอินเดียซึ่งมีสำเนียงต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นทุกอย่างก็สับสนไปหมด” Tan กล่าว
1
Tan เป็นหลานชายของ Tan Yuet Foh อดีตคนขับแท็กซี่ ผู้ก่อตั้ง Tan Chong Motor Holdings, Bhd. ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
1
Tan Yuet Foh ประสบความสำเร็จในการก่อตั้งบริษัทด้วยเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางในประเทศมาเลเซีย ซึ่งในที่สุด บริษัทก็ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์นิสสันรายใหญ่ในประเทศมาเลเซีย
4
Tan Heng Chew พ่อของ Tan เป็นหนึ่งในผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในมาเลเซียในปี 2015 และสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมโยธา เขาสืบทอดธุรกิจของครอบครัว แม่ของ Tan ทำงานเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในมาเลเซีย
1
บ่อยครั้งที่ Tan ต้องได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ยากลำบากที่ปู่ของเขาต้องทนก่อนที่จะประสบความสำเร็จในที่สุด
1
พ่อแม่ของเขามักพูดถึงวิธีที่ปู่ของ Tan ท้าฝน 14 ชั่วโมง โดยรอประธานบริษัทรถญี่ปุ่น Datsun อยู่หน้าสถานทูตญี่ปุ่นเพื่อโน้มน้าวให้เขาขายรถเพียงสองคัน
2
“’แต่คุณไม่มีประสบการณ์เลย’” ประธานจากญี่ปุ่นตอบ Tan กล่าวว่า แม้ปู่ของเขาไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว แต่สิ่งที่ตามมามันคือประวัติศาสตร์
1
“เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องราวที่ติดอยู่ในหัวของผมเป็นเวลานานมาก สิ่งสำคัญที่ผมได้เรียนรู้จากการเป็นผู้ประกอบการคือ อย่าพูดว่า ‘ไม่’ คุณต้องตอบว่า ‘ใช่’ เสมอ” Tan กล่าว
6
ด้วยประสบการณ์ครอบครัวที่หลากหลาย Tan ได้รับการสอนให้เป็นนักธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น แม้จะเป็นน้องคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องสามคน Tan ยังเป็นทายาทของธุรกิจครอบครัวของเขาด้วย
Tan เล่าว่าความสนใจในการเป็นนักธุรกิจครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นเมื่ออายุได้ 6 ขวบ และลงมือทำครั้งแรกเมื่อขายหนังสือการ์ตูน X-Men เมื่ออายุ 11 ขวบ
ในเวลานั้น หนังสือการ์ตูนเป็นของเขาเอง ที่พ่อซื้อให้เมื่อครอบครัวไปงานประชุมการ์ตูนนานาชาติที่สิงคโปร์ เมื่อเขากลับมาที่มาเลเซีย เพื่อนของเขาอยากจะมีการ์ตูนบ้างแต่ไม่มีอะไรจะแลกกับการ์ตูนเลย ด้วยเหตุนี้ เพื่อนของเขาจึงซื้อมันมาจาก Tan ด้วยเงิน แทนที่จะแลกเปลี่ยนกันอย่างที่ Tan ต้องการ
ด้วยคติประจำครอบครัว “อย่าปฏิเสธ” Tan สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมด้านเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะจากมหาวิทยาลัยชิคาโก และเข้าเรียนที่ Harvard Business School
3
ก่อตั้ง My Teksi
ที่มหาวิทยาลัย Harvard Tan เริ่มสนใจในการเป็นผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
เมื่อตอนที่เขาอยู่ใน Harvard Business School Tan มีความฝันที่จะสร้างองค์กรของตัวเอง ซึ่งสามารถดูแลสวัสดิการสังคมและอื่นๆ อีกมากมาย
2
อยู่มาวันหนึ่ง Tan Hooi Ling เพื่อนของเขาบ่นกับเขาเกี่ยวกับสภาพที่เลวร้ายของอุตสาหกรรมรถแท็กซี่ในมาเลเซีย
1
ในเวลานั้น Ling มาที่มาเลเซียและนั่งแท็กซี่ไปและถูกคนขับโกง เธอโกรธและบ่นกับ Tan และถามเขาว่าทำไมเขาถึงทำอะไรกับมันไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แผนธุรกิจดังกล่าวได้รับรางวัลรองชนะเลิศในการแข่งขัน Harvard Business School New Venture ในปี 2011 ซึ่งได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 25,000 เหรียญสหรัฐ
1
หลังจากสำเร็จการศึกษา Tan ได้ก่อตั้งแอป My Teksi ในมาเลเซียในปี 2012 ร่วมกับ Tan Hooi Ling ซึ่ง My Teksi เริ่มต้นด้วยเงินทุนเริ่มต้น 25,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งทั้งสองได้รับจากการแข่งขันที่ Harvard Business School และจากเงินทุนส่วนตัวของ Tan
3
แม้ว่าทั้งคู่จะเริ่มต้นบริษัท แต่ Tan ก็ประสบปัญหา
การดิ้นรนต่อสู้ของ Tan
ประการแรก Ling ต้องกลับไปที่ McKinsey & Company หลังจากสำเร็จการศึกษาเพื่อใช้ทุนของเธอกับบริษัทที่ปรึกษา ที่เป็นเงื่อนไขในการสนับสนุนการศึกษาของเธอ ต่อมาเธอย้ายไปทำงานกับ Salesforce บริษัทซอฟต์แวร์ในซานฟรานซิสโก เงื่อนไขนี้ทำให้ Tan ต้องทุกอย่างด้วยตัวเอง
3
เมื่อไม่มี Ling แล้ว Tan ก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างบริษัทของเขา
1
Tan กล่าวว่าเขาจำได้ชัดเจนในตอนเปิดตัวครั้งแรกว่าเขาต้องชักชวนให้แท็กซี่ในมาเลเซียใช้แอปของเขา แต่เหล่าคนขับแทบไม่สนใจเลย
3
Tan ตระหนักว่าเขาจำเป็นต้องรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มเติมจากฝั่งผู้บริโภค ไม่ใช่เฉพาะด้านคนขับเท่านั้น ดังนั้น Tan จึงใช้เวลาหลายวันในการนั่งแท็กซี่เพื่อทำความเข้าใจปัญหาการเดินทางโดยใช้วิธีการขนส่งในประเทศมาเลเซีย
2
จากนั้นเขาก็กลายเป็นคนขับรถให้ My Teksi เพียงเพื่อทำความเข้าใจว่าต้องแก้ไขอะไรในด้านคนขับ
1
Tan เชื่อมั่นในปรัชญาญี่ปุ่นว่า ‘เห็นด้วยตัวเอง ทำด้วยตัวเอง รักษาด้วยตัวเอง’
ประการที่สอง เพื่อแสวงหาเงินทุนก่อนกำหนดและการพัฒนาที่มากขึ้น Tan ที่อุทิศตนเพื่อสร้างบริษัทของเขาจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายซัพพลายเชนและการตลาดที่ Tan Chong Group ซึ่งเป็นตำแหน่งงานที่เขาทำในธุรกิจครอบครัวในขณะนั้น .
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้ก่อตั้ง Gojek มีข้อพิพาทกับ Tan โดยเชื่อว่า Tan ขโมยโมเดลแพลตฟอร์ม Super Application ของเขาไป Tan ตอบว่า: “การมีความคิดที่ดีไม่ได้รับประกันความสำเร็จ”
3
มีรายงานว่าทั้ง Makarim และ Tan เป็นเพื่อนกันจริงๆ พวกเขารู้จักกันเป็นการส่วนตัวเพราะเป็นเพื่อนร่วมชั้นระหว่างเรียนที่ฮาร์วาร์ด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการแข่งขันทางธุรกิจ ตอนนี้พวกเขา “พูดคุยกันน้อยมาก”
นี่คือเหตุผลที่ Grab อาจจะมีการควบรวมกับ Gojek และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น Tan ก็แสวงหาตำแหน่ง CEO Tan ยังต้องการควบคุมบริษัทได้แบบเบ็ดเสร็จ และรักษาอำนาจของเขาในฐานะ CEO หากการควบรวมเกิดขึ้นจริง
ดูเหมือนการเดินทางของ Super App แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น จะยังไม่มีผู้ชนะอย่างชัดเจน เราก็ต้องมาติดตามกันต่อไปนะครับ ว่าความฝันอันยิ่งใหญ๋ของ Tan นั้นจะทำได้สำเร็จหรือ ไม่ และหากควบรวมกับ Gojek จริง จะเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจเหล่านี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่อย่างไรก็ตาม เราจากเรื่องราวของ Tan ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ ให้เหล่านักธุรกิจรุ่นใหม่ โดยเขาได้เคยกล่าวถึงแนวทางการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จไว้ว่า
“เราเชื่อว่าเมื่อเรานำเสนอบริการที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นมากขึ้นในแต่ละวัน จะมีผู้ใช้มากขึ้นและการมีส่วนร่วมที่สูงขึ้นทั่วทั้งฐานผู้ใช้ของวเรา และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น มันจะดึงดูดพันธมิตรมากขึ้น และเป็นวัฏจักรการขาขึ้นที่ดี ที่เหมาะสำหรับธุรกิจในระยะยาวของเรา” Anthony Tan