หลังจากการทำงานที่ใช้สมองยาวนานเกือบทั้งวัน ร่างกายต้องการพักผ่อน การทำอาหารอร่อย ๆ ทาน ดูหนัง ฟังเพลง เดินเล่น ปลูกต้นไม้ ช่วยได้มาก
แต่สิ่งที่สร้างความสุขได้อีกอย่าง คือ การได้เข้าไปอยู่ในโลกหนังสือ การได้ไขปริศนา จากชื่อปกหนังสือ นับเป็นเรื่องที่สนุกและท้าทาย
วันนี้ผ่อนคลายด้วยการหยิบหนังสือ เรื่อง "ฉลาดกว่า AI" เป็นหนังสือ AI ที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ตีพิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2564 เพียงแค่ข้อมูลหน้าปก ก็ดึงดูดให้อ่านแล้วซิ
และด้วยหน้าที่การงาน ของ Happy Life, Happy Girl ที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ผ่านงานการบริหารคน องค์กร กระทั่งผันตัวเองมาเป็นผู้ให้ความรู้ในศาสตร์นี้
มีความกังวลว่า แรงงานในอนาคตจะถูกแย่งงานจาก AI จริงหรือ? AI จะสามารถทำทุกอย่างได้เหมือนมนุษย์งั้นหรือ? มนุษย์มีความสามารถน้อยกว่า AI จริงหรือ? หนังสือเล่มนี้จึงตอบโจทย์มาก ๆ
อาราอิ โนริโกะ นักคณิตศาสตร์ และผู้วิจัย AI ที่มีชื่อเสียงระดับโลก พัฒนาหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า "โทโรโบคุง" ให้มีความสามารถในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของประเทศญี่ปุ่น จนได้รับรางวัล Netexplo Award ในปี 2016
และด้วยจุดมุ่งหมายที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ AI แก่ผู้คนในสถานะต่าง ๆ ได้ทราบ
อย่างถูกต้อง เพื่อเตรียมความพร้อม เมื่อต้องอยู่ร่วมกับ AI ในอนาคต จึงเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้
AI คืออะไร?
AI ย่อมาจากคำว่า Artificial Intelligence ส่วนคำที่ใช้ในภาษาไทย คือ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ คอมพิวเตอร์ที่มีปัญญา
หลักการของปัญญาประดิษฐ์ คือ การใช้วิศวกรรมในการออกแบบสิ่งประดิษฐ์นั้น เพื่อให้มีปัญญาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับมนุษย์ แต่ไม่สามารถทำได้ทั้งหมดที่มนุษย์ทำ ซึ่ง AI ทำได้เพียงการคำนวณที่เกี่ยวข้องกับการบวก ลบ คูณ หาร ของสติปัญญาของมนุษย์ และแสดงผลการคำนวณออกมาเท่านั้น
หุ่นยนต์ "โทโรโบคุง" ได้รับการทดสอบและทดลองให้เป็นหนึ่งของผู้เข้าสอบกลางภาค ที่มีนักเรียนประมาณ 500,000 คน ผลคือ เจ้าโทโรโบคุงติดอยู่ใน 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ทำคะแนนสูงสุด ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่า ความสามารถของ AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้ ซึ่งก็ทำให้น่าเป็นห่วงแรงงานมาก
อาราอิ โนริโกะ จึงตัดสินใจศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยศึกษาจากข้อมูล เหตุการณ์ การคาดการณ์ รวมถึงแนวโน้มของงานที่จะหายไปใน 10-20 ปี ข้างหน้า จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ
อย่างไรก็ตามการพัฒนา เจ้า "โทโรโบคุง" ยังเกิดปํญหาอยู่บ้าง ในประเด็น ทักษะการอ่านและสามัญสำนึก ด้วยเหตุผลว่า AI ทำได้เพียงคำนวณสมการ ซึ่งถูกเขียนออกมาเป็นภาษาคณิตศาสตร์เท่านั้น จึงเป็นสาเหตุให้ โทโรโบคุง ไม่สามารถทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
แม้ว่า AI จะทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงและช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น ก็ตาม แต่ทักษะการปรับตัว ความยืดหยุ่น ความคิดสร้างสรรค์ ที่ไม่ได้อยู่ในกรอบแนวคิด หรือวิธีเดิม ๆ เป็นข้อจำกัดที่ AI ทำไม่ได้
AI ไม่สามารถตรวจและให้คะแนนข้อสอบเขียนบรรยายที่ต้องใช้ทักษะ soft skill หลากหลายด้านได้ ข้อสังเกต คือ มนุษย์มีทักษะที่ดีเพียงพอแล้วหรือยัง ในการทำสิ่งที่ AI ทำไม่ได้
เมื่อมองในเชิงผู้ประกอบการ AI สามารถแบ่งแยกประเภทของ "อารมณ์" ได้ แต่ก็ไม่สามารถใช้ไอเดียของตัวเองเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพได้
AI ทำได้เพียงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ไม่สามารถสร้างบริการใหม่ ๆ และหาวิธีการแก้ไขปัญหาได้ และข้อสังเกตในแง่มุมนี้คือ
ผู้ประกอบการประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน ขณะที่สังคมเต็มไปด้วยคนว่างงาน การสร้างงานให้มากกว่างานที่ถูกแย่งไป จึงน่าจะเป็นหนทางที่ดี
เมื่อพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย อ้าว จบแล้วหรือ บอกได้เลยว่าข้อมูลที่ได้มากกว่าราคาหนังสือที่จ่ายไป
อย่างน้อยก็สบายใจว่า มนุษย์ยังสามารถทำอะไรได้หลายอย่างที่ AI ไม่สามารถทำได้
จริงอยู่ว่าแรงงานบางตำแหน่งจะได้รับผลกระทบบ้าง จากกระแสของการจ้างงานในอนาคต ในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนการประกอบการ
แต่จากข้อมูล และหลักการพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเหตุเป็นผล พร้อมทั้งการยืนยันอย่างหนักแน่นของผู้เขียนที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน AI
ทำให้คลายความกังวลต่อคำถาม "AI กำลังจะแย่งงานมนุษย์" หรือ "AI จะมีอำนาจ เหนือมนุษย์" ได้ว่าสิ่งเหล่านี้ "ไม่มีวันเกิดขึ้น"
เมื่ออ่านจบ ก็สามารถไขปริศนาจากชื่อเรื่อง ได้ว่า "มนุษย์ฉลาดกว่า AI ได้ด้วยการพัฒนาทักษะที่แตกต่างจาก AI"
ผู้เขียน: อาราอิ โนริโกะ
ผู้แปล: อาคิรา รัตนาภิรัต
สำนักพิมพ์: อมรินทร์
หมวดหมู่: จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง , การพัฒนาตัวเอง how to
ราคา: 245
จำหน่ายที่ ร้านนายอินทร์ ซีเอ็ดบุ๊ค
- 17
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
