10 ส.ค. 2021 เวลา 12:50 • ธุรกิจ
ใครคือเจ้าของแบรนด์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไวไว และ ควิก
1
รู้ไหมว่า ไทย เป็นหนึ่งในประเทศที่บริโภค บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากที่สุดในโลก
โดยเฉลี่ยแล้ว คนไทย 1 คน จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 53.2 ซอง/ปี
มากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และเป็นรองเพียง เกาหลีใต้ และเวียดนาม เท่านั้น..
10
จึงไม่แปลกใจเลย ทำไมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในประเทศไทย ถึงมีมูลค่าสูงถึง 17,000 ล้านบาท
ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าของตลาดสุกี้-ชาบู ที่ประมาณ 19,000 ล้านบาท
แม้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะขายกันซองละไม่กี่บาท ในขณะที่สุกี้-ชาบู ในแต่ละมื้อ มีราคาหลักร้อยอัป
2
โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะแซงหน้าขึ้นมาเป็นเมนูอันดับต้น ๆ ที่คนไทยนึกถึงเลยทีเดียว..
3
สำหรับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มูลค่า 17,000 ล้านบาท แบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด ได้แก่
- มาม่า 48%
- ไวไวและควิก 24%
- ยำยำ 21%
- อื่น ๆ 7%
4
ทุกคนคงไม่แปลกใจ กับแบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งอันดับที่ 1
เพราะมาม่า เป็นแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี และยังเป็น Generic Name หรือ ชื่อแบรนด์ที่กลายมาเป็นชื่อเรียกแทนประเภทกลุ่มสินค้า อย่างที่หลาย ๆ คนเรียกชื่อมาม่า แทนคำว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
5
แต่อีกแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์และจุดยืนที่น่าสนใจ ไม่แพ้มาม่าเลย
แถมยังเป็นแบรนด์ในดวงใจของผู้บริโภคจำนวนมาก ก็คือ “ไวไว”
เพราะหากพูดถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่มีจุดเด่นเรื่องเส้นเหนียวนุ่ม ต้องยกนิ้วให้กับแบรนด์นี้
4
จุดเริ่มต้นของ ไวไว เกิดจากคุณชาญ แต้มคงคา
ซึ่งเขากำลังทำธุรกิจนำเข้าและส่งออก หมากฝรั่งและลูกอม อยู่
ได้สังเกตเห็น กระแสความนิยมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากญี่ปุ่น ในประเทศไทย
คุณชาญ เห็นว่านี่อาจเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ จึงเริ่มศึกษาตลาดนี้อย่างจริงจัง และเดินทางไปดูงานในโรงงานในต่างประเทศ เพื่อศึกษา Know-how และกระบวนการผลิตต่าง ๆ
หลังจากรู้สึกว่าความรู้พร้อมแล้ว เขาก็ได้ร่วมกับเพื่อนอีก 6-7 คน ก่อตั้งบริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ขึ้นในปี พ.ศ. 2515 เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ไวไว จำหน่าย
ภายใต้สโลแกน "เส้นเหนียวนุ่ม.. ไม่อืด"
ซึ่งนับเป็นแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายที่ 3 ของประเทศไทย
9
ด้วยคุณภาพและความอร่อยของบะหมี่ไวไว ที่ถูกใจผู้บริโภคชาวไทย
ทำให้ธุรกิจเติบโต และครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเวลาหลายสิบปี จนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดนี้
2
และเพื่อต่อยอดความสำเร็จ และขยายธุรกิจให้เติบโตไปอีก
บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จึงได้แตกแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใหม่ อย่าง “ไวไว ควิก” ในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งในภายหลังก็เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น “ควิก” เฉย ๆ
1
หลังจากแบรนด์ควิก ออกสู่ตลาดนั้นไม่นาน ก็ประสบความสำเร็จตามรอยแบรนด์รุ่นพี่
เพราะปรากฏว่า ควิก กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น
การมีแบรนด์ควิกเข้ามาในพอร์ตสินค้า จึงกลายเป็นการสร้างฐานลูกค้าโดยรวมของบริษัทให้กว้างขึ้น
2
นอกจาก ไวไวและควิก แล้ว
บริษัทยังมีแบรนด์ “ซือดะ​​” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่มีเครื่องหมายฮาลาล
สำหรับเจาะลูกค้ากลุ่ม ชาวมุสลิม โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
2
และมีผลิตภัณฑ์ ผงปรุงสำเร็จ ภายใต้แบรนด์ “รสเด็ด” อีกด้วย
จะเห็นว่าแต่ละแบรนด์ จะเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน
เป็นการช่วยให้ธุรกิจเติบโต ด้วยการขยายฐานลูกค้า แถมลดความเสี่ยงของธุรกิจ จากการมีพอร์ตสินค้าหลาย ๆ ตัว
5
ปัจจุบันบริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด
มีคุณวรวุฒิ ปีกานนท์ เป็นประธานกรรมการ
มีคุณปรีชา นภาพฤกษ์ชาติ เป็นกรรมการผู้จัดการ
และมีโรงงานสองแห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดนครปฐม
5
นอกจากในประเทศแล้ว บริษัทยังส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในต่างประเทศอีกด้วย
โดยส่งออกกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ, ยุโรป, ออสเตรเลีย, จีน, ญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้าน
5
ที่ผ่านมา บริษัทยังมีการเดินเกมกลยุทธ์และการตลาดที่น่าสนใจหลายอย่าง
เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และปรับตัวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อาทิ
ได้เปิดตัวธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้ชื่อ “ควิก เทอเรส (Quick Terrace)” ตอนปี พ.ศ. 2558
มีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจใหม่ ๆ ด้วยการนำสินค้าที่มีอยู่แล้วของบริษัทมาต่อยอด
ผ่านการเพิ่มมูลค่าของบะหมี่ที่ซองละไม่กี่บาท แปลงร่างเป็นเมนูอาหารต่าง ๆ เช่น ยำ, สปาเกตตี, ก๋วยเตี๋ยว
ซึ่งการขยายสาขาของร้านควิก เทอเรส มีทั้งแบบบริษัทลงทุนเอง และขายแฟรนไชส์
หรือทุ่มงบการตลาด 50 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปน “ทำวันนี้ ทำไวไว”
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ได้รีบลุกขึ้นมาทำตามความฝัน
ด้วยกลยุทธ์ Music Marketing ผ่านเพลง “ทำวันนี้ ทำไวไว” จากคุณบอย โกสิยพงษ์, ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ และวง Room39
โดยเพลงนี้มากับท่อน Hook ที่จดจำง่ายและร้องตามได้
และสื่อว่า แบรนด์ไวไว พร้อมสนับสนุนให้ลุกขึ้น เพื่อลงมือทำตามความฝัน
นับเป็นแคมเปนที่ช่วยให้แบรนด์เล่าความตั้งใจของตัวเอง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
2
แล้วที่ผ่านมา ผลประกอบการของบริษัท เป็นอย่างไร ?
2
บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด
ปี 2562 มีรายได้ 6,526 ล้านบาท กำไร 342 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้ 7,059 ล้านบาท กำไร 431 ล้านบาท
1
รายได้เติบโต 8.2% และกำไรเติบโต 26.1%
1
โดยทุก ๆ รายได้ 100 บาท จะเป็น
ต้นทุนสินค้า 75 บาท
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ 17 บาท
ดอกเบี้ยจ่ายและภาษี 2 บาท
กำไร 6 บาท
4
สาเหตุที่ทำให้ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจของบริษัทเติบโต
อาจมาจากสถานการณ์โรคระบาด ที่ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก กำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนแอลง รวมถึงผู้คนต้องกักตัวอยู่บ้าน
ลูกค้าจึงหันมาพึ่งพา, ซื้อกักตุน และบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของบริษัท กันมากขึ้น
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ คนที่รวยสุดในประเทศเนปาล คือคุณ Binod Chaudhary ซึ่งมีทรัพย์กว่า 46,500 ล้านบาท
โดยธุรกิจที่ทำให้เขาร่ำรวยนั้น คือธุรกิจผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แบรนด์ไวไว..
3
เนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่า ชาวเนปาลที่เดินทางกลับมาจากไทย มักหิ้วบะหมี่ไวไว กลับมาด้วยจำนวนมาก
เลยเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงตัดสินใจเดินทางมาไทย เพื่อพบผู้บริหารของ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด และเจรจาขอเรียนรู้กรรมวิธีการผลิต
2
ต่อมาเขาได้สร้างโรงงานสำหรับผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว ขึ้นในเนปาล ในปี พ.ศ. 2527
1
ปัจจุบัน เนปาล เป็นประเทศที่มีการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากเป็นอันดับ 4 ของโลก
โดยเฉลี่ยแล้ว คนเนปาล 1 คน กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 52.9 ซอง/ปี ใกล้เคียงกับคนไทย
2
และแบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในเนปาลมากที่สุด คือ ไวไว
ซึ่งครองส่วนแบ่งมากกว่า 50%
2
เรื่องนี้จึงทำให้คุณ Binod Chaudhary กลายเป็นบุคคลที่รวยสุดในประเทศ นั่นเอง
3
โฆษณา