11 ส.ค. 2021 เวลา 05:46 • สุขภาพ
หมอแนะ รักษาโควิดที่บ้าน สังเกตอาการเบื้องต้นว่าอาจมี “เชื้อลงปอด”
1
เมื่อวันก่อน กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการชี้แจงกรณีการถอนงานวิจัยฟ้าทะลายโจรจากการตีพิมพ์ ซึ่งหลายคนก็ตกอกตกใจ คิดว่า “ฟ้าทะลายโจร” จะช่วยบรรเทาโควิดไม่ได้
แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่...
ในเวลาต่อมา พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ออกมาชี้แจงว่า การถอนงานวิจัยดังกล่าว เพราะมีตัวเลขจากการคำนวณบางตัวไม่ตรงเท่านั้น และยืนยันความเป็นไปได้ว่า “ฟ้าทะลายโจร” ที่มีประสิทธิภาพในการรักษา และไม่พบปัญหาผลกระทบเรื่องตับ ไต และระบบเลือด
4
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเวลานี้มีคนป่วยโควิด-19 มากขึ้น และเกือบทุกคนเลือกใช้ “ยาฟ้าทะลายโจร” โดยเฉพาะคนที่ต้องรักษาโควิดที่บ้าน หรือ Home Isolation ของผู้ป่วยสีเขียว หรือแม้แต่สีเหลืองก็ตาม ที่สำคัญคือ “ฟ้าทะลายโจร” คือหนึ่งในยาที่ สธ.ส่งมาช่วยเหลือทุกคนที่ป่วยในเวลานี้ด้วย
2
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ต้องรักษาโควิดที่บ้าน ก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะคำถามที่ค้างคาใจคือ
3
เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรา “หายป่วย” หรือยัง...
กินยา “ฟาวิพิราเวียร์” (Favipiravir) ต้องกิน “ฟ้าทะลายโจร” ต่อไหม
อาการดีขึ้นต้องกินยาต่อไหม เช่น “ฟ้าทะลายโจร”
อาการดีขึ้นแล้วต้องตรวจโควิดซ้ำไหม...ต้องตรวจปอดหรือเปล่า?
1
หลายๆ คำถาม คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเวลานี้...ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงไปหาผู้รู้มาไขคำตอบ กับ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
2
คุณหมอมนูญ กล่าวว่า วิธีการสังเกตตัวเองระหว่าง “Home Isolation” หรือรักษาตัวที่บ้านนั้น มีง่ายๆ 2 ข้อ
1
1.อาการไข้ ลดลงหรือไม่
2.อาการไอ ลดลงหรือไม่
ถ้า 2 อย่างนี้ลดลงก็แสดงว่า อาการป่วยจากไวรัสโควิด-19 ดีขึ้น แต่หากมีอาการไอ หอบเหนื่อยไหม ซึ่งตรงนี้คือสิ่งสำคัญ เพราะมันคือสัญญาณว่าอาจจะมี “เชื้อลงปอด”
1
ในช่วง 7 วันแรก เชื้อไวรัสจะลงไปที่ทางเดินหายใจ หรือบางคนจะลงไปที่ปอด ซึ่งเราก็ต้องรักษาตามอาการ กินยาตามแพทย์สั่ง จากนั้นดูอาการต่อเนื่อง
เมื่อมาถึงรอบ 7 วันที่สอง (สัปดาห์ที่ 2) ถ้าร่างกายเรากำจัดเชื้อไม่ดี จะทำให้ภูมิคุ้มกันของเราก็จะมาต่อสู้ หากภูมิคุ้มกันต่อสู้มากๆ เกินไป จะทำให้ปอดเสียหายมากขึ้น ตรงนี้อาการจะแสดงออกมาคือ ไอมากขึ้น มีไข้สูง ซึ่งถือเป็นช่วงที่อันตรายมาก ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
5
“7 วันแรกไม่รู้อันตรายไหม แต่ 7 วันที่สอง มันจะบ่งบอกอาการว่าจะดีขึ้น หรือแย่ลง ซึ่งโดยปกติแล้วเชื้อโรคจะอยู่กับเราประมาณ 10 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ หมดไป” หมอมนูญ กล่าว
1
⇛ สิ่งที่ต้องทำ หาก “อาการดีขึ้น”
คำแนะนำจาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ ระบุว่า หากอาการดีขึ้น เรายังจะสามารถตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดเจอได้ แต่...ไม่ต้องห่วง เพราะมันไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้ เพราะเชื้อมันตายแล้ว จากนั้นก็ต้องกักตัวเพิ่มอีก 14 วัน
1
จำเป็นต้องไปตรวจซ้ำหรือไม่ นายแพทย์มนูญ ย้ำชัดๆ ว่า “ไม่จำเป็น” เพราะจะเสียเงินฟรีๆ เพราะตรวจไปก็อาจจะเจอแค่ “ซากไวรัส”
1
แล้วจำเป็นต้องกิน “ฟ้าทะลายโจร” หรือไม่ หมอมนูญ กล่าวว่า ถ้าสังเกตอาการว่าดีแล้ว หรือคนที่ได้รับยา “ฟาวิพิราเวียร์” ครบแล้ว ไม่จำเป็นต้องกิน “ฟ้าทะลายโจร” แล้ว แต่บางคนอาจจะเลือกรับประทานเพื่อความอุ่นใจ...
1
“สิ่งสำคัญของการรักษาโควิด คือ ต้องกินยาเร็ว เมื่อมีอาการ แต่ถ้ากินช้าก็ไม่ได้ผล”
1
✤ จะหายเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับร่างกายผู้ป่วย ย้ำ “ยังไม่มียารักษา”
คำแนะนำสำหรับคนที่อาการไม่ดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ ระบุว่า การรักษาโควิดแล้วแต่ร่างกายของคนป่วย บางคนดีขึ้น...บางคนแย่ลง ซึ่งถึงขั้นใช้ออกซิเจน บางคนให้ออกซิเจนแบบต่ำๆ ก็ไม่เพียงพอ ต้องถึงขั้นใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งการจะหายป่วยเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับคนป่วย
“เพราะยาที่ใช้ ไม่ใช่ยารักษา แต่เพื่อประคับประคอง ไม่ว่าจะเป็น ฟาวิพิราเวียร์ ยาลดอาการอักเสบ และยาอื่นๆ ซึ่งผลการรักษามันอยู่ที่ตัวคนไข้ ที่สำคัญ ถึงเวลานี้ยังไม่มีการพิสูจน์เลยว่า “ยา” ตัวไหนใช้แล้วได้ผล”
1
สมมติเอาคนที่ติดเชื้อมา 100 คน
กลุ่มแรก : อาจจะไม่จำเป็นต้องกินยาอะไรเลย ก็หาย
กลุ่มที่สอง : กินฟ้าทะลายโจร แล้วหาย
กลุ่มที่สาม : กิน “ฟาวิพิราเวียร์” ปรากฏว่าดีขึ้น
กลุ่มที่สี่ : กินยา “ไอเวอร์เม็กติน” (ยาถ่ายพยาธิ) ก็อ้างว่าดีขึ้น
“เพราะฉะนั้นเราจะตอบยังไงว่ากินยาตัวไหนแล้วหาย เพราะคนที่ไม่ได้กินยาเลยก็ดีขึ้นแล้วเขาก็หาย ในทางการแพทย์จึงเชื่อว่ายังไม่มียารักษาในปัจจุบัน” หมอมนูญ กล่าวให้เห็นภาพอย่างชัดเจน
✤ แนะวิธีปฏิบัติตัว Home Isolation
นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กล่าวว่า โรคนี้สำหรับคนที่ร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว ก็จะเหมือนไข้หวัดธรรมดา ก็สามารถรักษาตัวที่บ้าน จากนั้นไม่นานก็หายไป
1
เพียงแต่ว่า สิ่งที่ต้องระวังคือ ต้องไม่แพร่เชื้อให้กับคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่สูงอายุ และที่มีโรคประจำตัว ดังนั้นผู้ป่วยจึงต้องระมัดระวัง หากรักษาตัวที่บ้านก็ควรอยู่แต่ในห้อง หากออกมาเจอใครก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด รวมถึงคนที่อยู่ร่วมในบ้าน
สิ่งที่ต้องทำ คือ พยายามให้ห้องมีอากาศถ่ายเท เปิดหน้าต่าง พยายามอย่าเปิดแอร์ เพราะเชื้อโรคจะวนเวียนอยู่ในนั้น นอกจากนี้ ต้องพยายามทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสต่างๆ รวมไปถึงในห้องน้ำต้องทำความสะอาด ใช้เสร็จพยายามปิดฝาชักโครก
1
✤ สิ่งที่ต้องเตรียม ✤
1. ยาสามัญประจำบ้าน ประกอบด้วย ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก
2. เครื่องวัดออกซิเจน ต้องคอยวัดอยู่ตลอด ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 96% หากต่ำกว่า 94% คือสัญญาณว่าเชื้ออาจจะลงปอดแล้ว (ค่าวัดดังกล่าวสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ป่วยบางโรค เช่น ถุงลมโป่งพอง หรือโรคหัวใจ อาจจะมีค่าต่ำกว่านี้ได้)
1
✤ คาดมีคนติดโควิดสูงกว่าที่รายงาน 8 เท่า แต่ค่าเฉลี่ยยอดตายต่ำลง
คุณหมอมนูญ พูดในประเด็นที่มีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันก่อน กรณีว่าอาจจะมีคนติดโควิดมากกว่าตัวเลขที่ สธ.รายงานถึง 8 เท่า โดยระบุว่า เป็นการคาดการณ์ เพราะจากตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลก มีจำนวนคนเสียชีวิตราว 4.3 ล้านราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสม 203 ล้านคน อัตราการเสียชีวิตคำนวณโดยจำนวนคนเสียชีวิต หารด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ เท่ากับร้อยละ 2.1 ตัวเลขนี้น่าจะสูงกว่าความเป็นจริง
ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสหรัฐอเมริกาคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงในสหรัฐฯ คือ 36 ล้านคน ตัวเลขที่แท้จริงคือต้องคูณด้วย 4 คือน่าจะติดประมาณ 120 ล้านคน
ส่วนประเทศอินเดียสำรวจด้วยการตรวจเลือด ที่รายงานว่ามีคนติดเชื้อ 31 ล้านคน แต่จากการศึกษาข้อมูล เชื่อว่าคูณด้วย 28 หรือ เกือบ 900 ล้านคน
2
ที่มารูปเพจ : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC
ขณะที่ ประเทศไทย เชื่อว่าอัตราการคูณสูงกว่าสหรัฐฯ แน่นอน แต่ก็คงไม่เท่าอินเดีย ซึ่งถ้าเราอยากรู้ตัวเลขที่แท้จริง ก็ต้องตรวจเลือดให้รู้ว่าคนไทยติดแล้วกี่คน แต่คาดว่า ประเทศไทย น่าจะต้องคูณ 8
หากนำจำนวนผู้ติดเชื้อ คือ 756,505 คน มาคูณด้วย 8 (ประมาณ 6 ล้านคน) หากมาคิดอัตราส่วนผู้เสียชีวิตสะสม 6,204 ราย หารด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราการตายน่าจะลดลงกว่านี้ 8 เท่า จาก 0.82 เหลือ 0.1 ทั้งที่มีการตรวจเชิงรุกที่น้อยกว่าประเทศอื่นๆ เท่ากับว่า “คนไทย” เสียชีวิตจากโควิด-19 น้อยกว่าสหรัฐอเมริกา
“ข้อดีของตัวเลขดังกล่าว คือ แม้จะมีตัวเลขที่มีคนติดเยอะ แต่เมื่อดูอัตราตายก็ต่ำลง หากมีการติดมากขึ้นแล้วรักษาหาย ก็จะกลายเป็นมีภูมิคุ้มกันกลุ่ม และในที่สุด ทุกคนก็จะติดโรคนี้ ซึ่งจะติดช้าหรือเร็วเท่านั้น
1
ต่อให้มีการฉีดวัคซีนก็ยังติด ซึ่งมันจะช่วยให้ไม่ป่วยหนัก ไม่ถึงตาย สมมติว่า คนไทยทุกคนติดเชื้อ 70 ล้านคน หากมาดูที่อัตราการเสียชีวิตก็จะมากสุดแค่ 7 หมื่นคน ถ้ายิ่งได้รับวัคซีน อัตราการตายน่าจะน้อยกว่านี้อีก ซึ่งการฉีดวัคซีนจะทำให้อัตราการตายลดไปอีก 10 เท่า”
4
สิ่งที่หมอมนูญฝากทิ้งท้าย ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนควรตระหนัก คือ ขอว่าอย่ารังเกียจคนที่เคยป่วยโควิดเลย เพราะเขาเองก็หายแล้ว ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าทุกคนก็ต้องติดเชื้อ ฉะนั้น อยากให้เปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่.
5
ผู้เขียน : อาสาม
โฆษณา