11 ส.ค. 2021 เวลา 17:46 • ความคิดเห็น
พระพุทธเจ้ากับความฝันหรือนิมิต มีในพระไตรปิฎก บทว่าด้วย สุปินสูตร
อ้างอิงจาก...อรรถกถา
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๔๓๓ - ๔๓๕
ซึ่งพออนุมานได้ว่าผู้หลับจึงฝัน
ฝันนั้นท่านว่ามี 4 แบบ
- เพราะธาตุกำเริบ ๑ เช่น กายบกพร่องผิดปกติไป กินมากไปน้อยไปก็เลยฝัน
- เพราะเคยเป็นมาก่อน ๑ อารมณ์เก่าๆ ที่ผูกพันค้างคาในใจพาให้ฝัน
- เพราะเทวดาดลใจ ๑ ด้วยอำนาจเทวดา มาช่วยหรือมาแกล้งก็มี ดีร้ายแล้วแต่
- เพราะบุรพนิมิต ๑ ลางบอกเหตุจากจิตที่เคยอธิษฐานไว้หรือบุญบาปพาให้ฝัน
ฝันจะเป็นกุศลหรืออกุศลก็ต้องอาศัยเจตนา แต่เจตนาในฝันนั้นจะยึดถือเป็นจริงเป็นจังนั้นคงไม่ได้อะไร เพราะเกิดในที่ๆ อยู่ในภวังค์คือไม่มีอยู่จริง นอกจากยึดถือที่จะทำตามนั้นเมื่อตื่นแล้วนั่นก็สุดแต่เจตนาจะพาไปสู่กุศลก็ได้กุศล พาไปอกุศลก็ได้อกุศล (ตามใจแล้วแต่ ดังนั้นจะฝันดีหรือฝันร้ายก็เมื่อตื่นแล้วก็อย่าให้ฝันพาอารมณ์เราไปทำเรื่อยเปื่อยตามฝันเลยน่าจะดีกว่านะ-เราว่าเอง)
ยังมีอีกว่าฝันตอนใกล้รุ่งมักเป็นจริงเพราะร่างกายพักฟื้นดีแล้วละมังเลยไร้อิทธิพลใดมาชักจูงให้ฝันไง ฝันก็เลยเป็นจริง
(ในตำราทำนายฝันก็มักบอกเช่นว่า ถ้าฝันใกล้รุ่ง เห็นผี เห็นใครตาย เจอะของเน่าเหม็น มักได้ลาภ ตีเป็นเลขหวยแม่นนักแล ... จะว่าไม่อยากเชื่อ แต่เราก็เคยฝันเห็นซากชิ้นส่วนของศพตอนใกล้รุ่ง ฝันซ้ำไปซ้ำมาจนจำได้ก็ลองเอามาตีหวยถูกมาแล้วตั้งครั้งนึงแน่ะ นั่นอาจเพราะเจ้าที่ในที่พักนั้นมาดลใจก็ได้เพราะไปพักครั้งแรกก็ฝันเลย ตอนกลางวันเราไหว้ศาลพระภูมิประจำและเพราะนอนแปลกที่จึงก่อนนอนก็สวดมนต์ขอพรไว้ แฮ่ะๆ ที่คุณฝันร้ายนั่นน่ะลองมาตีเลขหวยกันไหมล่ะ อย่าไปเครียดเลยน่า)
ลองอ่านบทความใน The Secret ดูก็ได้ ท่านยังว่าอย่าไปเชื่อความฝัน ลองอ่านดู สั้นดี
ที่มา  นิตยสาร Secret
เรื่อง : พระอาจารย์ ชาญชัย อธิปญฺโญ
โฆษณา