13 ส.ค. 2021 เวลา 13:15 • ท่องเที่ยว
นั่งรถไฟไปคัตสึชิกะ : เมืองเล็ก ๆ ชายขอบโตเกียวที่ถูกเข้าใจผิดว่าอยู่ชิสึโอกะเพราะกัปตันสึบาสะ | MAIN STAND
สำหรับเด็กผู้ชายหลายคนที่ชอบฟุตบอล โตทันยุคสมัยที่ฟรีทีวีไทยนิยมฉายอนิเมะญี่ปุ่นผ่านหน้าจอ "กัปตันสึบาสะ" คงเป็นการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ใคร ๆ ต่างตกหลุมรัก
เรื่องราวของกลุ่มนักเตะรุ่นเยาว์ที่เติบโตมาด้วยกันในเขตเมืองนันคัตสึ จังหวัดชิสึโอกะ ไต่เต้าขึ้นมาพา ญี่ปุ่น คว้าแชมป์เยาวชนโลก ก่อนแยกย้ายกันไปเติบโตตามวิถีทางนักฟุตบอลอาชีพในลีกใหญ่ และกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในนามทีมชาติ โดยในปัจจุบัน กำลังไล่ล่าเหรียญทองโอลิมปิกอยู่ ในภาค Rising Sun
"นายเป็นสึบาสะก็ได้ ส่วนฉันขอเป็น มิซากิ ?" "งั้นฉันเป็น วากาบายาชิ นะ" อาจเป็นบทสนทนาวัยเด็กของใครบางคนกับเหล่าพ้องเพื่อน
สิ่งหนึ่งที่ผมเข้าใจผิดมาตลอด และเพิ่งมารู้ความจริงเอาตอนโต ก็คือ "นันคัตสึ" ไม่ได้อยู่ที่จังหวัดชิสึโอกะ และสึบาสะแท้จริงมีต้นกำเนิดจากเมืองเล็ก ๆ ในโตเกียวนั่นเอง
อาจารย์ โยอิจิ ทาคาฮาชิ ผู้วาดการ์ตูนเรื่องนี้ ตั้งใจใช้บ้านเกิดของตัวเอง "เมืองคัตสึชิกะ" เป็นฉากหลังของมังงะ "กัปตันสึบาสะ" ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเกิดและเติบโตที่นี่ มันจึงทำให้วาดภาพประกอบเรื่องออกมาได้อย่างลื่นไหล เป็นธรรมชาติ
ที่สำคัญเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ก็มีเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์เฉพาะตัว แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับภาพจำของ "โตเกียว" ที่หลายคนมักนึกถึงภาพความเจริญ ทันสมัย และเพียบพร้อมไปทุกด้าน
ก่อนเดินทางกลับเมืองไทย 1 วัน หลังจากเสร็จภารกิจเกาะติด โอลิมปิก เกมส์ 2020 "อลงกต เดือนคล้อย" นักเขียนประจำ Main Stand ตัดสินใจสะพายกล้องนั่งรถไฟไปยังแขวงคัตสึชิกะ เพื่อสัมผัสกับโตเกียวในอีกด้านกับบรรยากาศที่หาไม่ได้จากย่านชิบูย่า, อุเอะโนะ หรือ อากิฮาบาระ
บ้านเกิดสึบาสะ
คัตสึชิกะ (Katsushika) เป็นเขตที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของจังหวัดโตเกียว มีพรมแดนติดกับจังหวัดชิบะ และเป็นต้นกำเนิดที่แท้จริงของมังงะเรื่อง "กัปตันสึบาสะ"
แม้เนื้อหาในเรื่องจะระบุว่า "เมืองนันคัตสึ" และตั้งอยู่ในจังหวัดชิสึโอกะ ห่างออกไปถึง 200 กิโลเมตรจากจุดกำเนิดที่แท้จริง แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะว่าตอนนั้น ชิสึโอกะ เป็นดินแดนที่มีชื่อเสียงด้านฟุตบอลมากที่สุดในญี่ปุ่น
นอกจากนั้นบรรยากาศในเนื้อเรื่อง ซีนเมืองอันแสนสงบ อบอวลไปด้วยธรรมชาติ แม่น้ำ ต้นไม้ใบหญ้า ที่ทุกคนได้เห็นผ่านภาพประกอบเรื่อง ล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองคัตสึชิกะ ที่เป็นบ้านเกิดของนักวาดและเป็นสถานที่กำเนิดการ์ตูนฟุตบอลเรื่องดังที่สร้างอิมแพกต์ไปทั่วโลกของ ทาคาฮาชิ อีกด้วย
ผมจึงตัดสินใจนั่งรถไฟจากย่าน Higashi-Nihonbashi (ฮิงาชิ-นิฮอนบาชิ) ไปยังเมืองคัตสึชิกะ จุดหมายปลายทางแรกคือ สถานีรถไฟ Yotsugi (โยตสึงิ)
เดิมทีสถานีแห่งนี้เป็นเพียงแค่จุดผ่านที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่คนที่มาคัตสึชิกะ มักเข้าไปเที่ยวชมย่านเมืองเก่า วัดโบราณ ตลาดการค้าที่ยังคงกลิ่นความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน Shimabata (ชิมะบาตะ) มากกว่า
แต่เพราะที่นี่คือบ้านเกิดของบุคคลสำคัญอย่าง อ.โยอิจิ ทาคาฮาชิ ผู้สร้างมังงะ "กัปตันสึบาสะ" สถานีรถไฟท้องถิ่น Yotsugi จึงถูกแปลงโฉมให้กลายเป็น "สถานีของกัปตันสึบาสะ" อย่างแท้จริง และนับตั้งแต่วันนั้น สถานีแห่งนี้ก็กลายเป็นจุดพักที่หลายคนแวะมาเที่ยว ถ่ายรูป ใช้จ่ายเงินในพื้นที่นี้
ภาพแรกที่ผมเห็นหลังจากก้าวเท้าออกจากขบวน คือ ป้ายข้อความ "Welcome To Captain Tsubasa Station" ตั้งตระหง่านอยู่บนชานชาลาฝั่งตรงข้าม หลังจากนั้นผมก็เหมือนคนที่ถูกมนต์สะกด ให้ต้องรีบยกกล้องขึ้นมารัวชัตเตอร์แบบไม่ยั้ง
เพราะสถานี Yotsugi ได้มีการนำเอาตัวละครในเรื่อง กัปตันสึบาสะ มาติดไว้รอบ ๆ สถานี ทั้งตัวละครหลัก ตัวรอง ไปจนถึงตัวประกอบที่โผล่มาแค่ไม่กี่ฉาก บางคนเป็นเพื่อนสมัยเรียนประถมของ สึบาสะ ที่นันคัตสึ ก็ถูกเอาใส่หมดเพื่อเอาใจแฟน ๆ แบบสุด ๆ
แถมยังทำให้ภาพนั้นมีมิติอีกด้วย เช่น สองป้ายนี้ ถูกตั้งไว้ในจุดที่ถ้ามองจากตรงกลาง จะเห็นเป็นการต่อสู้ระหว่าง ตัวละครจากโรงเรียนนันคัตสึ นำโดย โอโซระ สึบาสะ กับ โรงเรียนโทโฮ นำโดย โคจิโร ฮิวงะ (รวมถึงตัวละครเด่นจากโรงเรียนอื่น) เป็นเทคนิคที่นำมาใช้เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
ไหนจะทางเดินลงบันได ที่เอาใจคอการ์ตูนจากทั่วโลกด้วยข้อความต้อนรับหลากหลายภาษา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีภาษาไทยเป็นคำว่า "ยินดีต้อนรับ" รวมอยู่ด้วย ตามฝาผนังทางเดินขึ้นลงบันได ก็มีตัวละครและฉากต่าง ๆ แปะไว้ให้ผู้คนได้ชมกัน
เมื่อก้าวลงไปถึงขั้นสุดท้ายของบันไดแล้วมองกลับขึ้นมาก็จะพบว่า มีการทำภาพให้เป็นมิติเหมือนกับเป็นสนามหญ้า
ด้านในสถานีก็ยิ่งทำให้ว้าวเข้าไปอีก เพราะมีการแปลงโฉมให้พื้นสถานีเป็นเหมือนดั่งสนามฟุตบอล ด้านข้างแปะตัวละครต่าง ๆ และวาดภาพเงาให้เหมือนกับเป็นกองเชียร์
ส่วนด้านบนถูกวาดให้เป็นท้องฟ้าสีสดใส ที่ทุกคนคงคุ้นตากันอย่างดี หากได้ดูอนิเมะกัปตันสึบาสะ นอกจากนี้การวาดภาพท้องฟ้ายังสื่อถึงตัวเอกของเรื่องอีกด้วย
เพราะคำว่า "โอโซระ" อันเป็นนามสกุลของตัวเอก มีความหมายว่า ท้องฟ้าอันกว้างไกล ส่วนชื่อ "สึบาสะ" ก็หมายถึง ปีก เมื่อนำสองคำมารวมกันก็จะหมายถึง ปีกที่โบยบินไปบนท้องฟ้าอันกว้างไกล
1
แม้แต่ที่จุดทางเข้าห้องสุขา ถูกยังแปลงโฉมให้กลายเป็น กรอบประตูฟุตบอลอีกด้วย รายละเอียดถูกใส่มาถึงขนาดที่ หน้าห้องส้วมเขาก็ยังทำเส้นเป็นเหลี่ยมมุม แบบเดียวกับจุดเตะมุมในสนามฟุตบอลเลย (ไม่ได้ถ่ายมา เพราะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ครับ)
ก่อนออกจากสถานี Yotsugi ผมเหลือบไปเห็น รูปปั้น สึบาสะ ที่ด้านข้างเป็นเสื้อทีมนันคัตสึเบอร์ 8 ที่สกรีนชื่อ อันเดรส อิเนียสต้า นักฟุตบอลระดับตำนานชาวสเปน ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่ในเจลีก กับสโมสรวิสเซล โกเบ
อิเนียสต้า เคยให้สัมภาษณ์ว่า มังงะกัปตันสึบาสะ คือหนึ่งในแรงบันดาลใจในวัยเด็กของเขา ดังนั้นเขาจึงเป็นแฟนเดนตายของการ์ตูนเรื่องนี้ โดยเจ้าตัวได้เคยมีโอกาสเดินทางมาที่สถานี Yotsugi และได้พบกับ อ.โยอิจิ ทาคาฮาชิ อีกด้วย
ซึ่ง อ.โยอิจิ ได้วาดภาพ อิเนียสต้า เคียงคู่กับ สึบาสะ ให้เป็นที่ระลึก ส่วน อิเนียสต้า ก็จรดปากกาเซ็นลายเซ็นลงบนเสื้อทีมนันคัตสึและบนลูกฟุตบอล โดยของทั้งหมดนี้ถูกนำมาจัดแสดงในสถานี Yotsugi อีกด้วย
รวม ๆ แล้ว คุณสามารถใช้เวลาครึ่งชั่วโมงไปแบบเพลิน ๆ กับการอยู่ในสถานีรถไฟเพียงอย่างเดียวได้เลย
เมืองคลาสสิก
ภายในสถานีรถไฟ Yotsugi ยังได้เอาใจแฟนกัปตันสึบาสะ ด้วยการแจกแผนที่ให้ออกไปตามหารูปปั้น 6 ตัวละครในเรื่อง ที่อยู่รอบ ๆ เมือง โดยสามารถสตาร์ตจุดแรกได้ที่สถานีนี้เลย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็จะค้นพบทุกอัน ถือเป็นกิมมิคอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ให้นานที่สุด
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ไม่คาดคิดและไม่อยากเจอระหว่างการเดินทางก็มาถึงผม หลังจากเจอรูปปั้น ฮิวงะ เป็นอันแรกใน Yotsugi Park ฝนเจ้ากรรมก็ดันตกลงมาระหว่างที่ผมกำลังตามหารูปปั้นตัวที่ 2 เนื่องจากวันดังกล่าว ตรงกับวันที่มีพายุเข้ามาในญี่ปุ่นพอดี
แหม ก่อนหน้านี้ตอนเกาะติดโตเกียว เกมส์ ที่ต้องไปสนามแข่งขันต่าง ๆ 20 กว่าวัน ไม่เจอฝนเลยสักเม็ด แต่พอไม่ได้ไปสนามเป็นวันแรก ปรากฏว่าฝนตกมาเต็ม ๆ ทำให้ผมตัดสินใจเปลี่ยนแผนเป็นการนั่งรถไฟต่อเข้าไปดูวิถีชีวิตในเมืองคัตสึชิกะ แทน กลัวว่าถ้าไปเย็นมากแล้วจะเก็บภาพบรรยากาศมาได้ไม่ครบ
ผมนั่งรถไฟต่อมาลงที่สถานี Tateishi (ทาเทะอิชิ) ที่ห่างออกไปไม่ไกล ตอนเดินสำรวจชุมชนละแวกนี้ เม็ดฝนก็ซาลงพอดี ทำให้สามารถสัญจรไปตามทางเท้าได้
ย่านการค้าที่นี่ให้อารมณ์แบบเมืองเก่า ที่เปี่ยมไปด้วยความคลาสสิกและมนต์เสน่ห์บางอย่าง แม้โควิด-19 จะทำให้ร้านค้าหลายแห่งปิดตัวไปบ้าง
แต่ถนนหนทางแคบ ๆ และสถาปัตยกรรมสองข้างทางที่มีกลิ่นความโบราณ ก็ทำให้ผมรู้สึกว่า คัตสึชิกะ ค่อนข้างแตกต่างจากย่านอื่น ๆ ที่ผมเจอมาในซีกฝั่งโตเกียวตะวันตก
เหมือนจังหวะชีวิตถูกปรับให้ช้าลงในคัตสึชิกะ ที่เรายังสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตแบบคนชานเมือง ที่ต้องยืนหยุดรอตรงหน้าไม้กั้นรถไฟ เพื่อให้ขบวนรถไฟเคลื่อนผ่านก่อนจึงจะข้ามฝั่งได้ การได้มา คัตสึชิกะ ทำให้รู้สึกว่าที่นี่เป็นเมืองที่เงียบสงบดี ทั้งยังคงความขลังไว้ด้วยความวินเทจ
ผมคิดว่าการที่ อ.โยอิจิ ทาคาฮาชิ เกิดและเติบโตในเมืองคัตสึชิกะ ย่อมมีผลต่อตัวเขามากพอสมควร และกลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่ทำให้ กัปตันสึบาสะ เป็นการ์ตูนที่มีฉากหลังที่มีความละมุน อบอุ่น ไปด้วยเรื่องราวแห่งมิตรภาพ
การเล่าเรื่องที่ทำได้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ (แม้ท่าไม้ตายจะเหนือธรรมชาติ) ไม่พยายามประดิษฐ์ ทำให้ผู้ชมค่อย ๆ ได้เห็นพัฒนาการและเติบโตไปพร้อมกับ ๆ ตัวละครหลักอย่าง สึบาสะ และเหล่าพ้องเพื่อน ที่ล้วนมีคาแร็กเตอร์ที่มีปูมหลังมาจากเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
โทระ ซัง พระเอกท้องถิ่นอีกคน
นอกจากกัปตันสึบาสะแล้ว เมืองชายขอบอย่าง คัตสึชิกะ ยังเป็นต้นกำเนิดของการ์ตูนตลกเรื่องดังอย่าง "คุณตำรวจป้อมยาม" หรือ "โปลิศชักกระตุก" (KochiKame)" ผลงานดังของ อาจารย์โอซามุ อากิโมโตะ
หากเดินทางมายังสถานีรถไฟ JR Kameari (คาเมะอะริ) ก็จะพบว่า มีการแปลงโฉมสถานีให้เข้ากับมังงะเรื่องคุณตำรวจป้อมยามแบบที่สถานี Yotsugi ที่เป็นสถานีของกัปตันสึบาสะ เนื่องจากฉากหลังของการ์ตูนดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่นี้นั่นเอง
อีกหนึ่งมรดกทางวัฒนธรรมที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองเล็ก ๆ อย่าง คัตสึชิกะ คือ ภาพยนตร์ที่ถูกบันทึกลง Guinness World Records ในฐานะหนังภาคต่อที่ใช้นักแสดงคนเดิมสวมคาแร็กเตอร์เดิมติดต่อกันยาวนานที่สุดในโลก
ภาพยนตร์เรื่องนั้นมีชื่อว่า "Otoko wa Tsurai yo" เนื้อหาเป็นการเล่าชีวิตของตัวเอกอย่าง "โทระซัง" โทราจิโร คุรูมะ (แสดงโดย คิโยชิ อัตสึมิ) ผู้มีคาแร็กเตอร์น่ารัก อ่อนโยน โดยใช้ย่าน Shimabata เป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง และใช้เป็นถิ่นฐานกำเนิดของตัวละครอย่าง โทระซัง อีกด้วย
หนังเรื่องนี้มีภาคต่อมาราธอนยาวนานถึง 50 ภาค ฉายครั้งแรกในปี 1969 จนมาถึงภาคสุดท้ายในปี 2019 ความน่าทึ่งคือ ผู้ที่แสดงเป็นตัวเอกอย่าง คิโยชิ อัตสึมิ เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1996 หลังการเข้าฉายภาค 48 เมื่อปี 1995 แต่ฟุตเทจที่เขาแสดงก็ยังถูกนำมาร้อยเรียงเพื่อปรากฏตัวในซีนต่าง ๆ และนำมาสร้างเพื่อนำไปฉายได้อีก 2 ภาค (อย่างไรก็ตาม ภาค 50 ที่ฉายในปี 2019 นั้น มีช่องว่างจากภาค 49 ที่เข้าฉายเมื่อปี 1997 ถึง 22 ปีเลยทีเดียว)
นั่นแสดงให้เห็นว่า โทระซัง เป็นตัวละครที่ถูกสร้างให้มีพื้นเพเป็นคนท้องถิ่นในเมืองนี้ จนได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นมากแค่ไหน ถึงขนาดที่มีการสร้างรูปปั้นและพิพิธภัณฑ์ โทระซัง อยู่ตรงจุดที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองคัตสึชิกะ ในย่าน Shimabata
หากลงจากสถานีรถไฟ Shimabata ไม่ไกลนักก็จะเป็นทางเข้าสถานที่สำคัญอย่าง Taishakuten Sando Street (ไทชะคุเตน ซังโดะ) ที่ร้านค้าสองข้างทางของที่นี่ส่วนใหญ่ขายขนมโบราณ น่าเสียดายที่หลายแห่งปิดไป เพราะนักท่องเที่ยวเบาบางมากในช่วงนี้
แต่สิ่งที่เรายังคงพบเห็นก็คือ โปสเตอร์ภาพยนตร์ "Otoko wa Tsurai yo" ภาพของโทระซัง รวมถึงโบชัวร์สโมสร นันคัตสึ เอสซี (Nankatsu SC) ทีมท้องถิ่นในลีกระดับ 7 ของญี่ปุ่น ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทีมในมังงะกัปตันสึบาสะ และถูกนำเสนอในฐานะสโมสรฟุตบอลตัวแทนเมืองคัตสึชิกะในโลกแห่งความเป็นจริง โดยมี อ.โยอิจิ ทาคาฮาชิ เป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของสโมสร
ถ้าสังเกตในโบชัวร์ นันคัตสี เอสซี ก็จะพบว่าบนฉากหลังเป็นภาพวัดโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งวัดนั้นก็คือ วัดชิมาบาตะ ไทชะคุเต็น (Shamabata Taishakuten) และหากเดินตรงผ่านถนนการค้า ไทชะคุเต็น ซังโดะ ก็จะพบวัดตั้งอยู่ด้านในสุด
วัดแห่งนี้มีอายุมากกว่า 400 ปี แต่คงสวยงาม และเป็นสถานที่สำคัญที่ถูกนำมาใช้ทั้งการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดัง และการถ่ายโปสเตอร์โปรโมตทีมฟุตบอลประจำท้องถิ่น
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันออกของโตเกียว ที่ต่างมีเรื่องราวสอดประสาน เชื่อมโยง และจุดร่วมคล้ายกัน ที่ช่วยดึงดูดให้ผู้คนได้มาสัมผัสเมืองชายขอบแห่งนี้
แม้ไม่ได้มีความเจริญและทันสมัยทัดเทียมกับซีกฝั่งตะวันตกของโตเกียว แต่ที่นี่ก็มีมนต์เสน่ห์เฉพาะ ที่เปี่ยมไปด้วยความคลาสสิกและเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากใครมีเวลาแวะเวียนมาเที่ยวโตเกียว ก็อยากชวนให้ลองสละเวลาสักครึ่งวันหรือหนึ่งวันเต็ม ๆ นั่งรถไฟมาลองสัมผัสเมือง คัตสึชิกะ แห่งนี้ดูสักครั้ง
โฆษณา