17 ส.ค. 2021 เวลา 01:16 • ความคิดเห็น
สรุปเศรษฐกิจและตลาดจีนก่อนและหลังโควิดแบบพอสังเขป
ก่อนโควิด จีนยังคงเน้นการลงทุนในต่างประเทศ อย่างยิ่งในแถบทวีปแอฟริกา
Average annual outbound direct investment หรือ การลงทุนในต่างประเทศในแต่ละปีโดยเฉลี่ย ตั้งแต่ปี 1982 -2001 อยู่ที่ประมาณ 1.73พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 43.3เท่า ไปอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 7.5หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2002 -2018
2
เฉพาะในปี2018 การลงทุนในอุตสาหกรรมบริการของจีนในต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่า 8.42หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการลงทุนในต่างประเทศทั้งหมดของจีนในปีนั้น ประมาณ 1.29แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (เติบโตจากปีก่อนหน้า ประมาณ 4.2%) เรียกได้ว่า อุตสาหกรรมบริการ ครองสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศของจีนมากที่สุด
การลงทุนในต่างประเทศของจีน จะชะงักเล็กน้อยในปี2019 ตามข้อมูลที่เพิ่งเผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์จีน โดยการลงทุนโดยตรงของจีนในต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาคการเงิน (non-Financial ODI) ลดลง 6% เมื่อเทียบกับ 2018
7
สำหรับไทย ปี 2019 เป็นปีที่จีนก้าวมาแทนที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ครองตำแหน่งนักลงทุนเบอร์1ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกใต้มาอย่างยาวนานราว5ทศวรรษ โดยข้อเสนอการลงทุนในไทยจากจีน คิดเป็นมูลค่า 2.62 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่า 50%ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด สำหรับญี่ปุ่นแชมป์เก่า ลงทุนมูลค่า 7.31หมื่นล้านบาท ตามมาด้วยฮ่องกง 3.63หมื่นล้านบาท
1
แต่ตั้งแต่จีนทำสงครามการค้าจีนอเมริกา การลงทุนและเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากการทำการค้าระหว่างประเทศของจีน มีการชะลอตัวและกลายเป็นแผลเรื้อรังมาจวบจนตอนนี้หลังจากทำสงครามการค้ากับอเมริกา มีการตั้งกำแพงภาษีของทั้งสองฝ่าย แม้จีนจะพยายามแสดงท่าทีออกมาว่า “ไม่มีปัญหา” แต่ต้องยอมรับว่า จีนเจ็บหนักทีเดียว
เมื่อเกิดสงครามการค้าจีนอเมริกา จีนเลยถือโอกาสพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ลุยเน้นเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น ทั้งเร่งดำเนินนโยบาย Made in China 2025 สร้างเทคโนโลยีนวัตกรรมจีน เพื่อใช้ภายในประเทศและส่งออก ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีของประเทศอื่นเป็นหลักดังเช่นอดีต โดยเฉพาะการพึ่งพาทางฝั่งอเมริกาและตะวันตก
2
ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ การยกเว้นและลดอัตราภาษีสำหรับธุรกิจผลิตชิป เพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิตจีน ทำชิปออกมาให้ทัดเทียมประเทศอื่น จะได้นำมาใช้ในสินค้าประเภทไอที อิเล็กทรอนิกส์ อย่างกรณี Huawei
1
“ดิจิทัล” มีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน จีนเน้นลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะปัญญาประดิษฐ์ 5G (เริ่มวิจัย 6G แล้ว และวางเป้าใช้เชิงพาณิชย์ภายในปี 2030) หรือแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล ก็เป็นสิ่งที่จีนโฟกัส การเติบโตของดิจิทัลในจีน ทำให้เมื่อจีนเจอกับโควิด เลยเป็นตัวกระตุ้นให้ Digital transformation เกิดขึ้นได้ไว ทุกภาคส่วนยินดีเต็มใจต้อนรับ Digital Transformation เกิดขึ้นกับพวกเขา
อย่างที่อ้ายจงเคยเล่าไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้เกี่ยวกับตลาด Luxury จีน การบริโภคสินค้าหรูในจีนช่วงโควิด ปี 2020 สร้างเม็ดเงิน 1.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยวฃใช้ประโยชน์จากการปรับตัวสู่ "ดิจิทัล"
ตามข้อมูลจาก McKinsey เติบโตจากปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนหน้าร้านสินค้าแบรนด์เนมไปสู่บนโลกออนไลน์ และใช้ Livestreaming เป็นช่องทางการขายสำคัญ โดยสามารถกล่าวได้ว่า ช่วงระบาดหนักของโควิด มีตลาดจีนเพียงแห่งเดียวในโลก ที่ยังคงสร้างรายได้ให้กับสินค้าแบรนด์เนม ขณะที่ทั่วทั้งโลก ยิ่งในโซนยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตลาดหรูซบเซา ด้วยผลกระทบจากโควิด
1
และเมื่อจีนเจอกับการแพร่ระบาดโควิดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (2020) แน่นอนว่า การแพร่ระบาดโควิดส่งผลกระทบต่อประเทศจีน รวมถึงประเทศอื่นๆ (ไทยเองก็เช่นกัน)
1
สำหรับประเทศจีน ที่เห็นชัดเจนเลยคือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและนำเข้าส่งออก ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก แต่ ณ ปัจจุบัน เริ่มฟื้นตัว โดยมีการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเล็กน้อยจนถึงเปลี่ยนมาก
1
อย่างเช่น ธุรกิจท่องเที่ยว เน้นเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ก่อให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆขึ้น และเกิดรูปแบบการเที่ยวแบบใหม่ในจีนที่มุ่งเน้นตามเขตเมืองชนบท ตามธรรมชาติ เริ่มมองสิ่งที่บ้านตนเองมีมากขึ้น เนื่องจากออกนอกประเทศไม่ได้
1
ธุรกิจนำเข้าส่งออก หรือผู้ผลิตสินค้า ก็เน้นผู้บริโภคในประเทศมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส
คือนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดโควิด ทางการจีนมีการสื่อสารออกมาต่อประชาชนใน feel “สร้างความรักชาติมากขึ้น” คนจีนซึ่งให้ความสำคัญต่อการรักชาติ หรือชาตินิยมแบบแรงมากอยู่แล้ว เลยยิ่งเพิ่มระดับทวีคูณ มีผลโดยตรงจากการวางกลยุทธ์สื่อสารของรัฐบาลจีน เลยผลักดัน Demand การบริโภคให้เป็นแบบ บริโภคแบรนด์ในประเทศ แบรนด์ของจีน (Local brand) มากขึ้น เป็นการบริโภคแบบชาตินิยม
ข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจของ Global Times สื่อกระบอกเสียงทางการจีน เมื่อเดือนมีนาคม 2021 ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็น “ผู้บริโภคชาวจีนพึงพอใจในการบริโภคสินค้า Local Brand มากขึ้น” แต่ รถยนต์ และ สินค้าความสวยความงาม-สกินแคร์ ยังคงพอใจ Foreign Brand มากกว่า Local
ทั้งนี้ ถ้าจะให้ผมยกประเภทธุรกิจอะไรสักอย่างเป็นหนึ่งในธุรกิจจีนที่เติบโตในยุคโควิด ผมขอยกให้ "ค้าปลีกออนไลน์"
1
ถือว่าเติบโตเป็นอย่างมากนะ สืบเนื่องมาตั้งแต่ก่อนโควิด ดูได้จากมูลค่าค้าปลีกออนไลน์เติบโตจาก 4.61 แสนล้านหยวน ในปี 2010 ใช้เวลาเพียง 10 ปี ทะลุหลัก10 ล้านล้านหยวน เมื่อปี 2020 ซึ่งการค้าปลีกออนไลน์แบบข้ามพรมแดน หรือ Cross Border E-commerce ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สร้างเม็ดเงินต่อการค้าออนไลน์จีนเป็นอย่างมาก เพิ่มขึ้นกว่า 31% สร้างมูลค่า 1.69 ล้านล้านหยวน แม้ปี 2020 จีนเจอโควิดกระทบหนัก
1
การค้าปลีกออนไลน์ หรือ E-commerce จีน ไม่ได้กระจุกอยู่ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ของจีนอีกต่อไป แต่หลายปีมานี้ เมืองชั้นรอง Tier 3 และ Tier 4 กลายมาเป็นฐานหลักที่บริโภค จับจ่ายใช้สอยแบบออนไลน์
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมีงานต้องแก้ไขอีกเยอะในเรื่องของเศรษฐกิจ อย่างยิ่งการ "Balance" ระหว่างมาตรการการป้องกันและควบคุมโควิดอย่างเข้มงวด จนส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนอยู่ไม่น้อย
1
เพราะแม้จีนจะกลับมาเน้นการบริโภคอุปโภค หรือการสร้างเม็ดเงินแบบจีนทำจีนใช้ แต่นอกจีนก็ส่งผลต่อจีนอยู่มาก เป็นงานที่จีนกำลังวางแผนว่าจะจัดสมดุลอย่างไร เมื่อโควิดก็ต้องป้องกัน เศรษฐกิจก็ต้องรักษาบาดแผลที่มี (และมีมานาน ไม่ใช่เพิ่งมีตอนโควิด) และฟื้นฟูตนเองให้ผงาดเป็นมหาอำนาจโลกอย่างที่วาดหวังไว้
1
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
โฆษณา