21 ส.ค. 2021 เวลา 00:09 • ธุรกิจ
เรื่องราวโศกนาฏกรรมเบื้องหลังความลับของ Victoria’s Secret
1
Roy Raymond ที่จบการศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจจากสแตนฟอร์ด ต้องการซื้อชุดชั้นในให้ภรรยาของเขา แต่เขาอายเกินกว่าจะไปซื้อในห้างสรรพสินค้า เขาจึงได้คิดไอเดียใหม่ขึ้นมากับธุรกิจชุดชั้นใน
3
เรื่องราวโศกนาฏกรรมเบื้องหลังความลับของ Victoria’s Secret
Raymond ได้กู้เงิน 40,000 เหรียญจากธนาคาร และยืมเงินจากครอบครัวมาอีก 40,000 เหรียญ และทำการเปิดร้านที่มีชื่อว่า Victoria’s Secret และสามารถทำเงินได้ 50,000 เหรียญในปีแรก
1
เขาได้ทำการขยายธุรกิจ เปิดร้านอีก 3 แห่ง และหลังจากนั้นอีก 5 ปี เขาก็ขายบริษัทให้กับ Leslie Wexner และ The Limited ในราคา 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนจะจบแบบ Happy Ending?
1
แต่สองปีต่อมา บริษัท ที่เขาได้ขายไปมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ Roy Raymond ก็ได้จบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดจากสะพาน Golden Gate !!
1
ต้องบอกว่า เนื้อหาข้างต้น เป็นบทสนทนา ระหว่าง Sean Parker และ Mark Zuckerberg จากภาพยนตร์ชื่อดัง The Social Network
1
ในฉากดังกล่าว Zuckerberg ได้ถาม Sean ว่า ทำไมแฟนสาวของเขาถึงดูหน้าคุ้นนัก ปรากฏว่าผู้หญิงคนดังกล่าว เป็นนางแบบของ Victoria’s Secriet
1
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แรงผลักดัน และความมานะ อุตสาหะของเราในการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ซักสิ่งหนึ่งอย่างที่ Zuckerberg ได้ทำการสร้าง Facebook นั้น
1
บทสนทนา ระหว่าง Sean Parker และ Mark Zuckerberg จากภาพยนตร์ชื่อดัง The Social Network (CR:The Ofy)
มันสามารถที่จะทำให้แนวคิดหรือไอเดียไปได้ไกลแค่ไหน ซึ่งไม่มีตัวอย่างแนวคิดใดที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ได้ดีไปกว่าเรื่องราวของ Roy Raymond , Wexner และ Victoria’s Secret นั่นเอง
1
และ นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับ Raymond ในช่วงกลางทศวรรษ 1970 ที่ Raymond ได้เข้าไปในห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกซื้อชุดชั้นในให้ภรรยาของเขา
3
แต่เขากลับเจอชุดที่พิมพ์ลายดอกไม้ที่น่าเกลียด ซึ่งเขาจินตนาการว่า หากภรรยาเขาใส่ไปคงยิ่งน่าเกลียดแย่ หากอยู่ภายใต้แสงไฟฟลูออเรสเซนต์ รวมถึงสีหน้าท่าทางของพนักงานขายที่มีต่อ Raymond ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนผิดที่มาซื้อชุดชั้นในให้ภรรยา
6
นั่นเองที่เขาได้ปิ๊งไอเดียขึ้นมา เพราะคิดว่าผู้ชายหลาย ๆ คนน่าจะประสบปัญหาเดียวกัน Raymond ในวัย 30 ปี จึงได้มองเห็นโอกาสในการสร้างตลาดใหม่ นั่นคือ ร้านชุดชั้นในที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ชายรู้สึกสะดวกใจในการช็อปปิ้ง
Raymond ได้จินตนาการไปถึงห้องแบบส่วนตัวสไตล์ Victoria ซึ่งเต็มไปด้วยไม้สีเข้ม และพรมแบบตะวันออก รวมถึงผ้าม่านไหม เขาจึงได้เลือกที่จะใช้ชื่อ “Victoria” เพื่อให้เกี่ยวข้องกับยุค Victoria และ “Secret” ของ Victoria ที่ถูกซ่อนไว้ภายในนั่นเอง
ในปี 1977 ด้วยเงินออมและเงินกู้ยืมจำนวน 80,000 เหรียญสหรัฐฯ จากครอบครัว Raymond และภรรยาของเขาได้เช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าเล็ก ๆ ในพาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย และถือกำเนิดสาขาแรกของ Victoria’s Secret ขึ้น
1
ต้องเรียกได้ว่าการถือกำเนิดขึ้นของ Victoria’s Secret นั้นเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างของวงการชุดชั้นใน เขาได้สร้างแคตตาล็อกที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้จากทั่วประเทศ
2
Raymond ได้เปิดร้านอีกสามแห่งในซานฟรานซิสโก ภายในปี 1982 บริษัทมียอดขายกว่า 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่เพียงไม่นานเขาก็ต้องพับกับปัญหาใหญ่ เมื่อ สูตรลับของ Raymond นั้นใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป และ Victoria’s Secret กำลังจะล้มละลาย
4
Leslie Wexner ชายผู้บุกเบิกชุดกีฬาในตลาดแมส เขามีร้านที่ชื่อว่า The Limited ในตอนเริ่มต้นธุรกิจนั้น Wexner อายุได้เพียง 20 ปีเพียงเท่านั้น
2
โดยในปี 1963 เขาได้เปิดร้านที่ขายเฉพาะชุดกีฬาเพียงอย่างเดียว ซึ่งการมองการณ์ไกลของ Wexner นั้นได้ผล The Limited ได้ขยายจนมีสาขา 11 สาขาในปี 1970 และ เพิ่มเป็น 188 สาขาในปี 1977
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 Wexner กำลังมองหาลู่ทางในการขยายไปสู่แบรนด์ใหม่ ๆ ขณะที่ไปเยี่ยมสาขาหนึ่งของ The Limited ในเมืองซานฟรานซิสโก เขาได้ไปเจอกับร้าน Victoria’s Secriet ซึ่งมีชุดชั้นในที่มีความเซ็กซี่มาก ๆ ในแบบที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
Wexner มองทะลุปรุโปร่งมาก ๆ กับธุรกิจของ Victoria’s Secret ที่มุ่งเน้นไปที่แคตตาล็อกที่ดึงดูดใจผู้ชาย Raymond ล้มเหลวในการดึงดูดใจลูกค้าตัวจริงที่เป็นผู้หญิง
2
Wexner มองว่า ผู้หญิงจะรู้สึกอึดอัดที่ร้าน Victoria’s Secret มากพอ ๆ กับที่ Raymond นั้นรู้สึกอึดอัดในร้านชุดชั้นในแบบเดิม ๆ ตามห้างสรรพสินค้านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม Wexner กลับมองเห็นศักยภาพของ Victoria’s Secret ที่มีโอกาสที่จะเติบโตได้ในอนาคต เขาจึงเข้าซื้อกิจการต่อจาก Raymond ด้วยราคา 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
1
วิธีการแรกที่เขามาปรับปรุง Victoria’s Secret คือ ทำการศึกษาร้านบูติกชุดชั้นในจากฝั่งยุโรป ซึ่งลูกค้าผู้หญิงมองว่าชุดชั้นในนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
Wexner นั้นมั่นใจว่าถ้าผู้หญิงอเมริกันมีชุดชั้นในที่เซ็กซี่และราคาไม่แพงแบบเดียวกับผู้หญิงในยุโรป พวกเธอก็จะอยากสวมใส่มันทุกวันเช่นเดียวกัน
2
เขาได้ปรับโฟกัสธุรกิจของ Victoria’s Secret ใหม่ โดยให้เน้นไปที่ตลาดแมสมากขึ้น โดยใช้สภาพแวดล้อมการช็อปปิ้งใหม่แบบที่ Raymond ทำมา แต่เพิ่มสิ่งที่ขาดไปนั่นก็คือ การดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าผู้หญิง ซึ่งนั่นจะสามารถสร้างความต้องการในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น
ในที่สุดแนวคิดของ Wexner ก็ประสบความสำเร็จ มันคือร้านค้าที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากอังกฤษที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันต่างหลงใหลไปกับมัน
แคตตาล็อกซึ่งถูกปรับให้สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่กับนางแบบที่ดูเหมือนเพิ่งจะเดินแบบอยู่ในหนังสือ Vogue หรือ Glamour และสินค้าใหม่อย่าง Miracle Bra ได้กลายเป็นสินค้าขายดีแบบฉุดไม่อยู่เลยในแทบจะทันที
1
ในปี 1995 Victoria’s Secret ได้กลายเป็นบริษัทมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ โดยมีร้านค้า 670 แห่งทั่วประเทศ Wexner ยังได้ปรับแต่งภาพลักษณ์ของบริษัทใหม่ ซึ่งทำให้ในที่สุด Victoria’s Secret กลายเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ตามรายงานของ YouGov BrandIndex โดยมีรายได้สุทธิเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์
1
Leslie Wexner ชายผู้มาสร้างตำนานสานต่อ Victoria’s Secret (CR:TheRealDeal)
แต่เรื่องน่าเศร้าก็คือความสำเร็จของ Wexner และ Victoria’s Secret นั้น สวนทางกับเส้นทางชีวิตของ Raymond ผู้ที่ก่อตั้งแบรนด์ดังกล่าวมาด้วยมือตัวเอง
ชีวิตของ Raymond พังทลายลงหลังขายกิจการให้กับ Wexner โดยหลังจากขายกิจการให้ Wexner ทาง Raymond เองได้ดำรงตำแหน่งประธานของ Victoria’s Secret ต่อไปอีกประมาณหนึ่งปีก่อนที่จะออกไปเปิด My Child’s Destiny ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกและแคตตาล็อกสำหรับเด็ก ที่เป็นผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ในซานฟรานซิสโก
2
แต่ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่ดี โดยเน้นไปที่ผู้ปกครองที่มีรายได้สูงมากจนเกินไป และสถานที่ตั้งของร้านก็ไม่อยู่ในทำเลที่ดีนัก ทำให้เขาต้องประสบกับปัญหาอีกครั้ง
หลายปีต่อมา ในปี 1986 ครอบครัว Raymonds ได้หย่าร้างกัน และในปี 1993 Roy Raymond ได้ตัดสินใจจบชีวิตัวเองด้วยการกระโดดจากสะพาน Golden Gate โดยทิ้งลูก ๆ สองคนที่ยังอยู่ในวัยรุ่นไว้เพียงเบื้องหลัง
2
มันคือเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ นะครับ ซึ่งไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ที่ทำไม Sean Parker ถึงได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้ Mark Zuckerberg ฟัง
มันคือบทเรียนเช่นเดียวกับที่ Friendster และ MySpace เจอ เมื่อ Facebook ได้ขึ้นมาครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จในท้ายที่สุด
1
เรื่องราวของ Raymond เหมือนเป็นคำเตือนจาก Sean ว่า แม้คุณจะคว้าโอกาสที่ยอดเยี่ยมได้เหมือนที่ Raymond เจอโอกาสทางการตลาดของ Victoria’s Secret
1
แต่มันก็ยังมีโอกาสพลาดได้ เหมือนที่ Friendster และ MySpace ได้พบเจอโอกาสในตลาดเครือข่ายสังคมออนไลน์ก่อนที่ Facebook จะก่อตั้งขึ้นมาด้วยซ้ำ
Wexner เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์และทักษะที่ดีกว่า และคิดหาวิธีการที่จะทำมันให้ประสบความสำเร็จ เขาทำให้ชุดชั้นในเซ็กซี่กลายเป็นเรื่องธรรมดาของสาวชาวอเมริกัน และทำให้เราเชื่อว่าการลงทุนในสิ่งที่อยู่ใต้เสื้อผ้าของเรา ที่ไม่เคยมีใครมองเห็นในอดีตนั้น ก็สามารถประสบความสำเร็จได้
2
มันสะท้อนให้เห็นว่า โลกของเรา และวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ในโลกของเรานั้น มันจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปนั่นเองครับผม
3
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
1
The original article appeared here https://www.tharadhol.com/victoria-secret-raymond/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
=========================
ร่วมสนับสนุน ด.ดล Blog และ Geek Forever Podcast
เพื่อให้เรามีกำลังในการผลิต Content ดี ๆ ให้กับท่าน
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog ผ่าน Line OA เพียงคลิก :
=========================
ฟัง PodCast เรื่องเกี่ยวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ที่ Geek Forever’s Podcast
——————————————–
ฟังผ่าน Podbean :
——————————————–
ฟังผ่าน Apple Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Google Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Spotify :
——————————————–
ฟังผ่าน Youtube :
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา