Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
2 ต.ค. 2021 เวลา 02:13 • นิยาย เรื่องสั้น
6.30. สัญญาณความหายนะ (จบภาค 6)
สุมาล่ง ผู้นำสกุลสุมา - จูกัดเอี๋ยน ขุนพลกระหายเลือด(พยัคฆ์ใต้) - เตงงาย องครักษ์ไร้น้ำใจ
หลังจากเกิดเหตุการณ์กำจัดโจสิด เอียนสี โจหอง และอิกิ๋มไปแล้วอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขุนนางนายทหารทั้งหลายหวั่นเกรงฮ่องเต้ใหม่โจผีเป็นยิ่งนัก แม้แต่กาเซี่ยง เทียหยกเองก็ไม่กล้าตอแยเกินขอบเขตหน้าที่ ยังดีที่โจผีมัวแต่หมกมุ่นลุ่มหลงต่อกุยฮวย ฮองเฮาคนใหม่ และพลอยโปรดปรานกลุ่มขบวนการลับฟ้าดินของเตียวโถเป็นพิเศษ
ในที่สุด การบูรณะเมืองหลวงลกเอี๋ยงก็เสร็จสิ้น กษัตริย์โจผีจึงสั่งย้ายเข้าเมืองหลวงใหม่ พร้อมปรับตั้งขุนนางนายทหารขึ้นใหม่ ถัดจากสามมหาเสนาบดี (ซานกง) อันได้แก่ โจหยิน สมุหกลาโหม กาเซี่ยง สมุหราชเลขา และสุมาอี้ สมุหนายก อันได้แก่ เทียหยกคุมการคลัง แฮหัวป๋าคุมพระราชวัง โจจิ๋นคุมเมืองหลวง (เจ้าเมือง) และโจฮิวคุมงานเสบียง
ยังมี แฮหัวหลิมคุมงานตุลาการ โจต้ายคุมงานการค้า ซึ่งทำให้พวกห้าเทพบุตร ทายาทรุ่นถัดมาของพวกสกุลโจและแฮหัว เริ่มฉายแววรุ่งโรจน์ทางการเมืองขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับ ฮัวหิม เสนาบดีงานราชพิธี กุยเฮง เสนาบดีงานการทูต และ อองลอง ประมุขสำนักหอสมุดใต้หล้า ที่ถูกดึงตัวกลับเข้ามาเป็นเสนาบดีงานการศึกษาอีกครั้ง รวมเก้าตำแหน่งสำคัญ ครอบคลุมงานราชการทั้งหมด
ทางด้านการทหาร ห้าขุนพลพยัคฆ์นั้น เหลือเพียงเตียวเลี้ยว ซิหลง เตียวคับ จึงโปรดให้เทียนอู จูกัดเอี๋ยน ขึ้นแทนที่ อิกิ๋ม งักจิ้น นับเป็นขุนพลพยัคฆ์รุ่นที่สอง และให้ห้าพยัคฆ์แยกย้ายไปควบคุมชายแดนสำคัญรอบนอก ส่วนเตงงาย กุยห้วย ซึ่งเป็นขุนพลหนุ่มมาแรง แต่ยังอ่อนอาวุโสนั้น ให้เป็นหัวหน้าราชองครักษ์ประจำวังหลวงไปพลางก่อน
เปลือกนอกนั้น ราชวงศ์โจคล้ายมีความแข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อนกว่าในอดีีตที่เคยค้ำจุนกษัตริย์เหี้ยนเต้มาเนิ่นนาน หากแต่คนรุ่นใหม่ย่อมต้องใช้เวลาในการสร้างสมดุลย์กันเองอีกสักระยะหนึ่ง ดังนั้น การเมืองภายในราชสำนักจึงร้อนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
…
เทียหยกหรือเทียลิด อดีตกุนซือในเงามืด ปกติเป็นคนระวังตน และอ่อนน้อมถ่อมตน ถึงกับยอมลดชั้นเป็นเพียงพ่อบ้านใหญ่ในสกุลโจมานาน พอโจผีมอบตำแหน่งขุนนางใหญ่โตให้เป็นการตอบแทนคุณ และได้รับการยอมรับนับถือจากกาเซี่ยง จึงค่อยเปลี่ยนท่าที คิดขุ่นเคืองไม่ยอมรับสุมาอี้ ซึ่งถือว่าอ่อนอาวุโสกว่า ให้มีตำแหน่งเหนือตนเอง
กาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ หรือ กระตั้วแห่งหน่วยปักษาสวรรค์ ซึ่งช่ำชองทางการเมือง ย่อมคาดเดาท่าทีได้ไม่ยาก จึงคิดหาเหตุสร้างความแตกแยกให้กับกุนซือทั้งสองคนเป็นการส่งท้ายก่อนอำลาจากโลกยุคสมัยโบราณนี้ ตัวมันเองตระหนักดีว่า โรคชรากำลังคุกคามตนเองอย่างหนัก และอาจจะไม่มีโอกาสได้ถ่ายทอดความคิดสืบต่อให้กับพรรคพวกเสียแล้ว เพราะพี่น้องคนอื่นล้วนหวาดระแวงในท่าทีทางการเมืองของตนเอง
คำร่ำลือในตลาดร้านค้าอื้ออึงในเรื่องชู้สาวและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของปฐมกษัตริย์ แต่ละเรื่องล้วนเป็นความลับที่ไม่น่าจะมีใครล่วงรู้ นอกจากคนในสกุลโจเอง ซึ่งทำให้อดีตพ่อบ้านใหญ่คนใกล้ชิดกลับกลายเป็นเป้าหมายขึ้นมาในทันที
ด้วยนิสัยขี้ระแวงของเทียหยก ทำให้เข้าใจว่าเป็นเกมการเมืองของคนที่มันชิงชัง นั่นก็คือ สุมาอี้ จึงหาเรื่องเปิดโปงเรื่องราวเก่าก่อนของสกุลสุมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่โจโฉเคยระแวงท่าทีของสุมาอี้ เบื้องหลังความเป็นมาที่คลุมเครือ หรือแม้แต่เมียคนปัจจุบันที่อาจจะไม่ใช่เตียวชุนฮัว เตียวฮูหยิน เสียแล้ว
พอเทียหยกจับจุดตายได้ จึงรีบเดินเกมรุก ผูกสัมพันธ์กับพวกเตียวโถ อาศัยโอกาสที่วุยก๊กเฉลิมฉลองเมืองหลวงใหม่ เสนอให้กษัตริย์โจผีจัดงานเลี้ยงพิเศษให้เสนาบดีทั้งหลายนำฮูหยินและลูกหลานมาทำความรู้จักคุ้นเคยกัน หากงานนี้ เตียวฮูหยินมีปัญหา ก็จะเข้าทางที่ตนต้องการ เพราะเทียหยกล่วงรู้ความลับประการหนึ่งมาเนิ่นนานแล้ว เตียวชุนฮัว เตียวฮูหยินนั้นที่จริงคือหลานสาว และทายาทเพียงคนเดียวของขันทีเตียวโถ
…
ในอดีตสมัยกษัตริย์ฮวนเต้ เตียวโถเป็นหัวหน้าองครักษ์ หนึ่งในสี่วิญญูชนนครหลวง ต้องโทษทัณฑ์ร้ายแรง ถูกจับตอนเป็นขันที ครอบครัวเกรงกลัวอาญา จึงหนีกลับบ้านเกิดไปหมดสิ้น ภายหลัง พอเตียวโถกลับมามีฐานะความมั่นคงขึ้น ค่อยส่งผู้คนออกตามหา พบว่า ครอบครัวถูกโจรร้ายปล้นชิงตายสิ้น เหลือเพียงหลานสาวรอดอยู่ตามลำพัง จึงอาศัยเส้นสายภายใน นำเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวงโดยไม่เปิดเผยฐานะที่แท้จริง ลอบผลักดันให้เชื่อมสัมพันธ์กับโจผี แต่ผิดคาด พอโจผีหลงรักนางเอียนซี ถึงกับสลัดรักทิ้งเตียวชุนฮัวให้กับสุมาอี้อย่างไร้เยื่อใย มันเองเป็นญาติอาวุโส แต่กลับเหมือนน้ำท่วมปาก มิอาจเคลื่อนไหวใดๆ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาของผู้คนเอง
เทียหยกเคยซ่อนตัวอยู่ในฐานะพ่อบ้านใหญ่สกุลโจ จึงต้องสืบเสาะเรื่องราวมากมาย รวมทั้งผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับคนของสกุลโจ ดังนั้น ความลับเรื่องนี้จึงตกมาอยู่ในกำมือของมันมานานแล้ว หากแต่มันไม่เคยหยิบยกขึ้นมาใช้ประโยชน์ จนกระทั่งถึงวันนี้
…
พิธีการงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ครั้งแรกถูกจัดการขึ้นด้วยฝีมือของเทียหยกในฐานะเสนาบดีการคลัง กษัตริย์โจผีประทับนั่งบนบัลลังก์อยู่กับกุยฮวย ฮองเฮาคนใหม่ โดยมีโจยอยนั่งถัดมาในตำแหน่งรัชทายาท และขันทีเตียวโถยืนกำกับด้านหลัง ถัดมาเป็นสามมหาเสนาบดี โจหยิน กาเซี่ยง สุมาอี้ แล้วจึงเป็นเก้าเสนาบดี ที่มีพวกห้าเทพบุตรเป็นสำคัญ และอาคันตุกะพิเศษคือ เขาเฉียว ในฐานะโหรหลวงคนโปรด แต่กลับไม่มีคนในสายทหารได้เข้ามาร่วมงานพิธีเลยสักคนเดียว เพราะล้วนแต่ประจำสมรภูมิรบด้านนอก จึงมีเพียงเตงงาย กุยห้วย สองหัวหน้าองครักษ์ใหญ่ ที่ได้เข้าร่วมงานตามหน้าที่
บรรดาฮูหยินและลูกหลานของเหล่าขุนนางระดับสูงนั้นถูกจัดให้ดื่มกินอยู่ในโถงใหญ่อีกห้องหนึ่ง โดยเทียหยกจัดให้ฝ่ายหญิงได้สิทธิพิเศษในการคลุมผ้าปกปิดใบหน้าเข้ามาได้ เพื่อมิให้เป็นการเสียกิริยามารยาทเรื่องชายหญิงต่อกัน และอันที่จริง ผู้คนกลุ่มนี้ก็มีหลากหลายอายุนัก รุ่นลูกรุ่นหลานของขุนนางระดับสูงนั้นมีลำดับอาวุโสที่แตกต่างกันมากอยู่ เช่น กากุ๋ย ลูกชายของกาเซี่ยงที่อายุสูงสุดในรุ่นลูกก็มีอายุถึงห้าสิบปี และมีตำแหน่งราชการที่มั่นคงอยู่แล้ว ส่วนกาอุ้นผู้หลานอายุเพียงเจ็ดปี กลับเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด และยังวิ่งเล่นอยู่กับกลุ่มเด็กๆได้อย่างไม่ขัดเขิน
สี่คุณชายนครหลวงรุ่นใหม่ นอกเหนือจากรัชทายาทโจยอย อันได้แก่ โจซอง ลูกโจจิ๋น พี่น้อง สุมาสู สุมาเจียว ลูกของสุมาอี้ ก็ถูกจัดลำดับไว้ที่นี้ และถือเป็นดาวเด่นในรุ่นลูก เพราะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง ซึ่งทั้งสามเดินทางมาร่วมงานพิธีล่าช้าที่สุด เพราะมัวแต่สะสางเรื่องเงินทองที่สถานบันเทิงครบวงจร แต่ก็มาทันเวลาได้พบปะกับสาวน้อยอองหยวนจี หลานสาวของอองลอง ที่กำลังยืนต่อบทกวีตอบโต้กันกับซุนต่ำ ผู้นำสำนักหอสมุดใต้หล้าคนใหม่ ผู้เป็นอาจารย์ ให้กับผู้คนได้รับฟังกันอย่างเพลิดเพลิน
การละเล่นแต่งบทกวีตอบโต้กันนั้น เป็นเรื่องปกติในยุคสมัยโบราณ โดยเฉพาะยามที่โจโฉ โจผี และโจสิดเป็นตำนานนักกวีอันรุ่งโรจน์ การแสดงของสำนักหอสมุดใต้หล้าภายใต้การผลักดันของกาเซี่ยงนั้น มักจะนำเอาบทการประพันธ์ของสามพ่อลูกสกุลโจมาเผยแพร่เชิดชู ทางหนึ่ง เพราะผลงานนั้นเข้าขั้นยอดเยี่ยมจริงๆ และอีกทางหนึ่ง ก็เพื่อประกันความมั่นคงของสำนักหอสมุดเอง แต่งานนี้ ซุนต่ำกลับนำบทกลอน ”เถาถั่วฝักถั่ว” ท่อนแรกของโจสิดมาเล่นกลางงานเลี้ยงอย่างจงใจหรือประมาทก็ยากจะคาดเดา
น้ำเสียงอันไพเราะและหน้าตาจิ้มลิ้มตามวัยของอองหยวนจี สะดุดตาของโจซองและสุมาเจียวในทันที จนสุมาสูต้องเรียกสติคืนให้กับคนทั้งสอง พร้อมลากจูงให้ไปนั่งในที่อันสมควร แต่แล้ว โจซองที่กำลังมึนเมาอยู่บ้าง กลับเดินตรงไปผลักอกซุนต่ำ เพื่อยืนประกบสาวน้อย พร้อมชิงเปลี่ยนบทกลอนเป็นเนื้อหาเกี้ยวพาราสีแทน หวังเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาว เรียกเสียงฮือฮาด้วยความหวั่นเกรงจากผู้คนโดยรอบ
อองหยวนจียังอายุน้อย ย่อมรู้สึกขุ่นเคืองใจ ขณะที่จะอาละวาดกลับคืน พอดี สุมาเจียวถือจอกสุราก้าวเข้ามาคลี่คลายความวุ่นวายให้ พร้อมสะกิดให้มองไปทางประตู “พี่โจซอง มาดื่มกินสุราอาหารก่อนเถิด อีกสักครู่ ผู้คนในแต่ละครอบครัวก็จะถูกเบิกตัวเข้าเฝ้าแล้ว สมควรเป็นครอบครัวสกุลของท่านเป็นกลุ่มแรก”
โจซองพลันสังเกตเห็นเตงงาย องครักษ์ใหญ่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตู คงมาตรวจสอบการเข้าเฝ้า มันจึงยอมกลับเข้าที่นั่งโดยดี สุมาเจียวได้ที จึงแย้มยิ้มขยิบตาให้กับสาวน้อยทีหนึ่ง ทำเอาอองหยวนจีเอียงอายด้วยความพึงพอใจในท่าทีอันสง่างาม และไหวพริบในการคลี่คลายเหตุการณ์ แต่บังเอิญที่โจซองแอบเห็นเข้า จึงคิดขุ่นเคืองในใจ นั่นคือบริบทแรกพบของสุมาเจียวกับอองหยวนจี คู่รักสะท้านปฐพี และเป็นจุดเริ่มต้นความบาดหมางระหว่างสกุลโจกับสกุลสุมาที่นำไปสู่การล้มล้างราชวงศ์วุยในที่สุด
…
เวลาอันสำคัญมาถึงแล้ว การจัดเรียงเป็นไปตามลำดับตำแหน่งสูงสุด เริ่มจากครอบครัวของสามมหาเสนาบดี สกุลโจของโจหยิน สมุหกลาโหม เป็นลำดับแรกที่ถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าพร้อมกับฮูหยินและลูกหลานใกล้ชิด อันมี ห้าเทพบุตร รุ่นลูก โจซอง รุ่นหลาน เดินนำหน้าเข้ามาถวายบังคมต่อกษัตริย์โจผีและกุยฮองเฮา ติดตามมาด้วยสกุลกาของกาเซี่ยง สมุหราชเลขา ซึ่งนำมาโดยกากุ๋ย เมธีประกายดาว เจ้าเมืองฮูโต๋ รุ่นลูก กาอุ้น รุ่นหลาน แล้วจึงค่อยเป็นลำดับของสกุลสุมาของสุมาอี้ สมุหนายก ซึ่งมีเพียงสุมาสู สุมาเจียว รุ่นลูก และเตียวฮูหยิน ภรรยาของสุมาอี้เท่านั้น ยังไม่ปรากฏถึงรุ่นหลาน
พิธีการขับเคลื่อนไปอย่างราบรื่น ฝ่ายชายคุกเข่าคารวะตามสมควร ในขณะที่ฝ่ายหญิงต้องเลิกผ้าคลุมขึ้นเปิดเผยใบหน้าก่อนค่อยย่อตัวคารวะตามธรรมเนียมปฏิบัติ เท่าที่ผ่านมา รุ่นลูกรุ่นหลานสกุลโจและสกุลกาล้วนแต่มีตำแหน่งราชการอยู่แล้ว จนกระทั่งมาถึงสกุลสุมา ซึ่งสุมาสู สุมาเจียวยังไม่ได้รับราชการ และเพิ่งได้เข้าเฝ้าเป็นครั้งแรก
แม้ว่าสองคุณชายจะเติบโตอยู่ในเมืองหลวง และคุ้นเคยกับโจยอย โจซองก็ตาม แต่ก็ไม่เคยพบเจอกับโจผีอย่างจริงจังเลยสักครั้ง จึงมีอาการประหม่าอยู่บ้าง แต่กษัตริย์โจผีกลับคล้ายพึงพอใจในบุคลิกท่าทางคนทั้งสอง ถึงกับยกตำแหน่งราชการขั้นต้นให้กับคนทั้งสองในทันที ทำให้คนอื่นที่รอเรียกตัว เริ่มรู้สึกงานพิธีครั้งนี้น่าสนใจขึ้นบ้างแล้ว
ลำดับถัดไป เป็นเตียวฮูหยินก้าวมารอคอยจังหวะอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ พอได้ยินประกาศชื่อเตียวชุนฮัวแล้ว คนสามคนเกิดความสะท้านใจด้วยความคิดที่แตกต่างกัน คนหนึ่งคิดถึงอดีตคู่ขาเก่าที่เคยสลัดทิ้งให้กับสุมาอี้ อีกคนหนึ่งนึกถึงหลานสาวตนเองที่อาภัพในโชคชะตา แต่คนสุดท้ายต้องตัดสินใจทำภารกิจที่ผิดต่อขนบธรรมเนียมประเพณี
เตียวฮูหยินยืนแน่วนิ่งอยู่นานคล้ายเกิดความลังเลใจจนหลายคนเริ่มผิดสังเกต กษัตริย์โจผีจึงวางป้านสุราลงจ้องมอง ในขณะที่ขันทีเตียวโถสังเกตเห็นวัสดุเป็นแท่งปูดโปนซุกซ่อนอยู่ในแขนเสื้อที่หลวมกว้าง จึงรีบตวาดสั่ง “ทหารองครักษ์ รีบจับกุมตัวนางไว้”
“เตียวฮูหยิน”พลันปล่อยคันเกาทัณฑ์เหล็กออกจากแขนเสื้อ ตวัดมือขึ้นยิงเกาทัณฑ์สองดอกใส่โจผีที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่สิบก้าวอย่างรวดเร็ว พร้อมตวาด “คืนชีวิตพี่โจสิดกลับมา”
แต่เงาร่างหนึ่งพลันลอยตัวเข้ามาผลักดันบัลลังก์มังกรให้เคลื่อนพ้นไปก่อน เสียงทึบดังขึ้น ลูกเกาทัณฑ์ทั้งสองปักเข้าที่กลางอกผู้มาใหม่ แล้วร่วงหล่นกับพื้นโดยไม่มีเลือดไหล เป็นองครักษ์ใหญ่กุยห้วย ใช้ร่างกายตัวเองรับอาวุธแทนเจ้าชีวิตอย่างห้าวหาญยิ่งนัก
“เตียวฮูหยิน” สลัดผ้าคลุมหน้าทิ้ง กลับเป็นโจเซียง น้องสาวต่างมารดาของโจผี และอดีตนางสนมของกษัตริย์เหี้ยนเต้ กระโดดลอยตัวขึ้นยิงเกาทัณฑ์ใส่โจผีติดต่อกันอีกสองชุดใหญ่ สมกับเป็นศิษย์ทายาทของแฮหัวเอี๋ยน จอมขมังธนูแห่งวุยก๊กในอดีต
กุยห้วยยังคงลอยตัวขึ้นปกป้องฮ่องเต้เช่นเดิม สมกับหน้าที่หัวหน้าองครักษ์ใหญ่ พร้อมตะโกนเสียงดัง “คุณหนูโจ หยุดมือเถิด” หากแต่ด้านข้าง กลับมีเงาร่างอีกสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่พร้อมฟาดฝ่ามือที่เปี่ยมด้วยกำลังภายในแรงกล้า กุยห้วยสังเกตเห็นแล้วแต่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ทัน จึงได้แต่ใช้ฝ่ามือที่เหลือข้างเดียวรับแรงกระแทกตรงๆ
เสียงเปรี้ยงดังสนั่น กุยห้วยที่ลอยตัวในสภาวะที่เสียเปรียบ กลับไม่อาจต้านทานพลังกำลังภายในของผู้มาใหม่ได้ จึงลอยกระเด็นไปด้านหลัง และเกิดเสียงเพียะพะต่อเนื่องภายในแขนขวา คาดว่า กระดูกแขนแตกออกเป็นท่อนอยู่ภายในไปแล้วด้วยพลังภายใน หากมิใช่มีพลังพิเศษคุ้มครองตนไว้ เกรงว่า การลงมือครั้งนี้คงถึงแก่ชีวิตเป็นแน่
อาการของผู้ลงมือก็สาหัสไม่น้อย เพราะถูกพลังมังกรเกราะสวรรค์สะท้อนกลับจนแขนหักบิดงอผิดสภาพไปเช่นกัน แต่แขนอีกข้างหนึ่งเป็นกรงเล็บมีดดาบติดอยู่ก่อนแล้ว ยังสามารถเป็นอาวุธพิสดาร เตงงาย หัวหน้าองครักษ์อีกคนที่เพิ่งกลับเข้ามายังท้องพระโรง จึงรีบใช้กระบี่ปักใส่เข้าที่กลางหลัง พร้อมสะกดจุดมือสังหารไว้จนได้
พอกวาดตามองดูโดยรอบ ผู้คนในพระราชวังล้วนแตกตื่นไปอยู่ทางด้านข้างตั้งแต่แรกแล้ว เว้นแต่ผู้เฒ่าเทียหยกที่โชคร้าย ถูกกุยห้วยร่วงใส่เต็มแรงเมื่อครู่ อาการกลับสาหัสยิ่งนัก อยู่ภายในอ้อมกอดของเทียบู บุตรชาย โดยมีหมอหลวงเข้ามาดูแลแล้ว
กษัตริย์โจผีที่ยืนเคียงข้างกันกับกุยฮวย โจยอย เตียวโถ เขาเฉียว อยู่ในวงล้อมของเหล่าองครักษ์แล้ว มองดูห้าเทพบุตรกำลังรุมลงมือจับกุมโจเซียง นางแม้ว่าจะเก่งกาจด้านเกาทัณฑ์ แต่วิทยายุทธ์ทั่วไปไม่สูงส่งนัก น่าจะถูกห้าเทพบุตรจับกุมได้ในไม่ช้า จึงหันมาดูมือสังหารชัดๆ “กำเหลง โจเซียง พวกเจ้ามาร่วมมือกันได้อย่างไรกัน”
กำเหลงยังคงถูกตรึงไว้ด้วยกระบี่ของเตงงาย รีบกวาดตามองไปโดยรอบ จนค้นพบเป้าหมาย รู้ตัวดีว่า ตนเองไม่อาจมีชีวิตยืดยาวแล้ว จึงใช้โอกาสสุดท้าย เร่งพลังภายในคุ้มครองชีพจรไว้จนปราณสีเขียวเข้มขึ้นสะดุดตา พร้อมสะบัดแขนที่ผิดรูปไปกระแทกหัวของเตงงายที่ไม่ทันระวังตัว จนเสียงดังกร๊อบ แขนหักซ้ำจนห้อยร่องแร่ง แต่เตงงายก็มีเลือดอาบใบหน้าหมดสติ เปิดโอกาสให้กำเหลงพุ่งตัวเข้าใส่คนที่หมายชีวิตไว้
คนทั้งหลายล้วนเข้าใจว่า เป้าหมายคือโจผี หากแต่กำเหลงกลับพุ่งเข้าใส่กุยเฮง เสนาบดีงานการทูตที่อยู่ห่างออกไปก่อน คล้ายมีความอาฆาตแค้นลึกล้ำต่อกัน ใช้ตะขอเหล็กทรงกรงเล็บในมือแทงทะลุลำคอพ่อตาของโจผีจนตายคาที่ แล้วหันไปหากุยฮวยฮองเฮาเป็นรายถัดไป
เผอิญฮัวหิม เสนาบดีงานราชพิธีที่นั่งเคียงคู่กันกับกุยเฮงยืนตัวสั่นเทาขวางทางอยู่ กำเหลงกลับมีใจเมตตา เพียงใช้ท่อนแขนผลักให้พ้นทางตามแบบฉบับนักเลงเก่า ไม่ลงมือพร่ำเพรื่อ พร้อมตวาดขึ้น “ซินผี ถอยออกไป เจ้าไม่ใช่คนที่ข้าต้องการ”
กำเหลงลงมือหนักหน่วงจนเหล่าองครักษ์แตกกระจาย ห้าเทพบุตรพอสยบโจเซียงได้แล้ว จึงหันมากลุ้มรุมกำเหลงต่อ แต่ก็ต้านทานไม่ไหว ล้มลงบาดเจ็บกันทั่วหน้า ดังนั้น สมุหกลาโหมโจหยิน เทวะคนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในราชสำนักจึงต้องลงมือแล้ว
โจโฉเคยประเมินเอาไว้ว่า ในกลุ่มสี่เทวะนั้น วิทยายุทธ์เป็นเลิศคือแฮหัวตุ้น จิตใจดีงามคือแฮหัวเอี๋ยน ปัญญาพลิกแพลงคือโจหยิน และละเอียดถี่ถ้วน (แผลงเป็นตระหนี่ถี่เหนียว) คือโจหอง ดังนั้น โจหยินจึงทิ้งเวลา ปล่อยให้คนอื่นลงมือไปก่อน เพื่อประเมินศัตรูที่บ้าคลั่งเกินไป ดุดันเกินไป หากเกิดผลสำเร็จลุล่วง ย่อมดีกว่าลงมือแล้วพลาดพลั้งให้เสื่อมเสียเกียรติประวัติของตนเอง
เห็นโจหยินคว้าตัวโจเซียงที่ถูกคุมตัวไว้แล้ว ขึ้นมาใช้กระบี่ขวางลำคอ พร้อมเอ่ยปากเรียกกำเหลงให้หยุดมือ เห็นกำเหลงชะงักวูบหนึ่ง หันมามองหน้าโจเซียง แล้วค่อยกล่าว “เซียงเซียง ที่แท้เจ้าคือคุณหนูสกุลโจ หากเจ้าตายไป ลกซุนคงไม่เสียใจมากนัก”
พอเอ่ยคำจบสิ้น กำเหลงถึงกับสะบัดกรงเล็บแทงเข้าใส่โจเซียงเสียเอง จนโจหยินตกใจ ต้องรั้่งตัวนางให้พ้นจากรัศมี กลับทำให้โจเซียงหลุดพ้นการจับกุม หันมาคว้าเอาตัวกำเหลงให้หลบหนีไปพร้อมกัน แต่ขุนพลโจรสลัดกลับชิงผลักส่งนางออกไปทางหน้าต่าง พร้อมตะโกน “กำเหลงมาล้างแค้นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่นใดทั้งสิ้น”
กำเหลงเสียสมาธิไปกับโจเซียงมากมายเกินไป ทำให้โจหยินชิงรุกจู่โจม แต่กำเหลงก็สวนกลับด้วยพลังฝีมือที่เหนือกว่า จนกรงเล็บปักทะลุอกของโจหยินค้างอยู่ชั่ววูบ ทันใดนั้น เห็นสุมาสู สุมาเจียวลงมือพร้อมกันจากด้านขวาทั้งบนล่าง และสุมาอี้ก็หมุนคว้างมาทางด้านซ้าย กำเหลงคนเดียวไม่อาจรับมือสามทิศทางได้ทัน จึงเห็นสุมาอี้ใช้กระบี่ฟันเข้าใส่ไหล่ซ้ายจนแขนที่ติดตั้งกรงเล็บขาด แต่กำเหลงยังไม่ยอมสิ้นฤทธิ์เดช ถึงกับสะบัดแขนขวาให้ขาดหลุดออกไปดั่งอาวุธซัดพุ่งเข้าใส่กุยฮวยฮองเฮาอย่างรวดเร็ว
ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างกระทันหันจากทางด้านหลังของนางกุยฮวย เป้าหมายที่โชคร้ายกลับเปลี่ยนไปเป็นกาเซี่ยงผู้เฒ่าที่ล้มเสียหลักเข้ามาแทนที่ ถูกท่อนแขนปักทะลุอกค้างอยู่ตรงนั้นไปอีกคนหนึ่ง กากุ๋ยผู้ลูกรีบตรงเข้าประคอง ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง สุมาอี้ก็ปลิดชีพกำเหลงด้วยการสะบัดกระบี่ตัดคอขุนพลโจรสลัดกระเด็นไปทันที
ควันสีเขียวพวยพุ่งขึ้นจากลำคอที่ขาด ม้วนตัวเป็นรูปมังกรพุ่งตรงเข้าสู่ร่างกายของกุยห้วยที่ยังนอนหมดสติอยู่ด้านข้าง พวกโจผี เตียวโถที่เคยเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวมาก่อนในครั้งที่อดีตฮ่องเต้ถูกประหารกลางวังหลวง นึกรู้ได้ทันทีว่า องครักษ์กุยห้วยมีวาสนา ได้รับพลังมังกรเพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่งแล้ว
…
งานเลี้ยงพระราชทานจำเป็นต้องยกเลิกไปกลางคัน กษัตริย์โจผีแค้นเคืองพระทัย ประกาศห้ามผู้ใดเปิดเผยการบุกรุกของโจเซียง กำเหลงโดยเด็ดขาด แต่การแก้แค้นต้องไม่ละเว้น จึงติดประกาศจับตายโจเซียง น้องสาวต่างมารดา ในข้อหาขบถแผ่นดิน และสั่งการให้เหล่าขุนพลห้าพยัคฆ์เตรียมพร้อมทำศึกกับพวกกังตั๋งในอีกเร็ววันนี้
หลังจากประเมินความเสียหาย ผู้ที่ล้มตายไปจากการบุกรุกอย่างอุกอาจของกำเหลง มีตั้งแต่ โจหยิน สมุหกลาโหม กาเซี่ยง สมุหราชเลขา เทียหยก เสนาบดีการคลัง และกุยเฮง เสนาบดีการทูต ส่วนเตงงาย ใบหน้ายับเยินไปกึ่งหนึ่ง และห้าเทพบุตรบาดเจ็บสาหัส ล้วนต้องนอนรักษาตัวไปอีกร่วมเดือน ต่างได้รางวัลปลอบขวัญตามสมควร
ส่วนความดีความชอบกลับตกไปอยู่กับพวกตระกูลสุมา สุมาอี้ได้รับรางวัลพระราชทานไปมากมาย พร้อมจ่ายค่าทำขวัญให้กับเตียวฮูหยิน เตียวชุนฮัว ที่ค้นพบในภายหลังว่าถูกโจเซียงแอบจับกุมตัว เพื่อปลอมปนเข้ามาในงานเลี้ยง
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เตียวเลี้ยว โจจิ๋น กากุ๋ย และกุยห้วย ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นแทนที่ตำแหน่งที่ว่างลง และเทียบูแทนที่งานเมืองหลวงเดิมของโจจิ๋น ซึ่งการตัดสินใจเรื่องเตียวเลี้ยวเป็นไปตามหลักอาวุโสและบารมีในกองทัพ ทำให้กลุ่มห้าเทพบุตรเดินรอยตามพวกรุ่นพ่อ ไม่ใคร่พึงพอใจนักที แต่ก็ตระหนักว่า แฮหัวป๋าพี่ใหญ่รุ่นสองจำเป็นต้องวางตัวไว้ในสายกองทัพ เพื่อสะสมบารมี รอวันทดแทนขุนพลห้าพยัคฆ์รุ่นเดิม
…
ณ ห้องรับรองส่วนตัวในสถานบันเทิงครบวงจรของสหพันธ์การค้าหมาป่าเงิน สุมาอี้นั่งจิบสุราแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจที่จุดจบดีกว่าที่คาดคิดไว้ เทียหยกหวังใช้จุดอ่อนเรื่องเตียวเฟิงเปิดโปงตนเองกลางงานเลี้ยง ในขณะที่มันได้รับการติดต่อจากโจเซียงให้ร่วมมือ สังหารโจผี เพื่อการแก้แค้นให้กับโจสิด จึงซ้อนแผนให้นางปลอมตัวไปแทนเตียวเฟิง ก่อกวนในงานเลี้ยงล้มเหลว แต่มันก็ถูกลวงให้นำพากำเหลงเข้าไปด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน เป็นมันเองที่ผลักดันให้เทียหยกโดนกุยห้วยกระแทกตายอย่างจงใจ และพันธมิตรลับของมันอีกคนก็ใช้แผนเดียวกัน จัดการกับกาเซี่ยง จอมเจ้าเล่ห์ที่คิดเรื่องเสี้ยมชนระหว่างตัวมันกับเทียหยกในช่วงเวลาที่ผ่านมา กาเซี่ยง เทียหยก นับเป็นสองกุนซือสำคัญ หากถูกกำจัดไปเสียแล้ว ตัวมันก็จะมีคุณค่าสูงขึ้นมากโข
เขาเฉียว โหรหลวงก้าวเดินเข้ามาในห้องรับรองส่วนตัวอย่างคุ้นเคย ในขณะที่สุมาอี้รีบลุกขึ้นคารวะต้อนรับผู้มาเยือน “ขอบคุณท่านผู้เฒ่าที่ช่วยจัดการกับกาเซี่ยง”
เขาเฉียวแย้มยิ้ม ตอบคำ “เรามองเห็นพวกท่านสกุลสุมามีบุญวาสนารุ่งเรือง เพียงรอวันขึ้นแทนที่สกุลโจ จึงช่วยขจัดขวากหนามเล็กน้อย ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย เพียงใช้หนึ่งฝ่ามือ ก็สามารถปลิดชีวิตของกุนซือเฒ่าไปแล้ว”
“เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก เราเองก็ไม่คาดคิดว่ากำเหลงจะมาด้วย นึกแต่ว่า โจเซียงจะจัดการกับโจผีได้สำเร็จ เปิดทางให้โจยอยขึ้นครองราชย์เป็นหุ่นเชิดให้กับพวกเราเท่านั้น” สุมาอี้ยอมรับความผิดพลาดอย่างตรงไปตรงมา
“โจผีคิดทำศึกกับกังตั๋ง สมควรจัดฉากให้ตายกลางสนามรบ หนุนโจยอยเป็นหุ่นเชิดแทน คนอื่นๆก็เพียงรอให้เจ้าจัดการต่อไปได้แล้ว สุมาอี้” คนชุดดำร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องรับรองส่วนตัว พร้อมเปิดหมวกผ้าคลุมหน้าออก เห็นเส้นผมสีเขียวสะท้อนรับแสงเทียน กลับดูคล้ายเปลวไฟยมทูตจากดินแดนโลกันต์ ในขณะที่คนทั้งสองรีบลุกขึ้นโค้งคารวะอย่างนอบน้อม พร้อมประสานเสียง “คารวะพี่ใหญ่” “คารวะท่านสุมาล่ง”
สุมาล่งตรงเข้าสวมกอดสุมาอี้อย่างสนิทสนม แต่ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินว่าสุมาอี้มีพี่ใหญ่มาก่อน หรือว่า นี่คือ “เขา” ที่มันเคยทำมือชี้ขึ้นเบื้องบนให้เตียวเฟิงงุนงงไปเมื่อวันก่อน จะอย่างไรก็ตาม คงจะเป็นพญายมคนใหม่ที่พร้อมมาถล่มแดนดินอีกรอบหนึ่งแล้ว
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย