Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
1 ต.ค. 2021 เวลา 00:12 • นิยาย เรื่องสั้น
6.29. ปิดฉากผู้ห้าวหาญ
เล่าป๋า เตียวเอ๊ก เตียวหยี ตัวประกอบอดทน
จูล่งมองดูเส้นทางที่ม้ากิ๋นใช้หลบหนี พลางคิดในใจ “ใครกันแน่ที่ถูกหลอกลวง” การแสดงตนเป็นคนโง่งมต่อหน้าคนเจ้าเล่ห์ ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดาย บุคคลลึกลับกลุ่มนี้ล้วนมีความสามารถสูง และผูกพันอยู่กับเสียวเอียนจื่อ ภรรยาของมัน ดังนั้น มันจึงเปิดโอกาสให้้ม้ากิ๋นหลบหนีเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องราวว่าตนเองกลายเป็นจอมวางแผนไปแล้ว
จูล่งประเมินสถานการณ์แล้วรีบมุ่งหน้าเข้าเมืองเป๊กเต้เสีย มุ่งหวังอารักขาต่อเล่าปี่ผู้เป็นเจ้านาย หลายสิบปีที่ผ่านมาทำให้มันรู้สึกผูกพันต่อบุคคลผู้นี้ไม่น้อย แม้จะรับรู้แล้วว่า ทั้งตนเองและเล่าปี่ต่างรู้เท่าทันกัน เพียงแต่ยังต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองทั้งสิ้น
หากเล่าปี่ตายไปจริงๆในครั้งนี้ ขุมกำลังเสฉวนอาจจะตกอยู่ในกำมือของจูกัดเหลียง เพราะเล่าเสี้ยนเยาว์วัยเกินไป อ่อนด้อยเกินไป ดังนั้น หมากสุดท้ายที่เล่าปี่จะทำได้ ก็คือ ต้องอาศัยผู้คนที่ภักดีและมีฝีมืออย่างเสียวเอียนจื่อ จูล่ง และอุยเอี๋ยน ร่วมกันค้ำชูบัลลังก์ให้กับเล่าเสี้ยน คานอำนาจกันกับฝ่ายจูกัดเหลียง ประมุขขบวนการฟ้าดินคนใหม่ให้ได้
ขุมกำลังเสฉวนแม้จะอ่อนด้อยกว่าวุยก๊กและกังตั๋งหลายๆด้าน แต่ก็เป็นสมรภูมิตั้งรับชั้นดีต่อการก่อการใหญ่ในระยะยาว เล่าปัง ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่นเคยทำสำเร็จเป็นตัวอย่างมาก่อนแล้ว ตัวมันเองกับพรรคพวกก็สมควรจะทำได้เฉกเช่นกัน
…
เมื่อจูล่งเดินทางเข้าเมืองเป๊กเต้เสีย ได้พบกษัตริย์เล่าปี่นอนหมดสติอยู่บนเตียงกลางห้องโถง รายล้อมด้วยเหล่ากุนซือขุนพลคนสนิท อันได้แก่ เสียวเอียนจื่อ อุยเอี๋ยน ตันเตา เป็นสำคัญ ลิเงียมกับงออี้ในฐานะนายทหารอาวุโสถูกส่งตัวให้ไปช่วยพวกเตียวเอ๊ก กวนหิน เตียวเปา ดูแลการถอนทัพกลับจากชายแดนเมืองเกงจิ๋ว แสดงถึงสถานการณ์อันคับขันที่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องตระเตรียมให้ทันเวลา
แม้ว่าการรบแถบนั้นจะได้เปรียบอยู่ก่อนก็จริง หากแต่การสวรรคตของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ย่อมส่งผลอย่างมากต่อขวัญกำลังใจไพร่พลทั้งหลาย ดังนั้น การชิงถอนทัพกลับมาตั้งหลักอย่างมีชั้นเชิง จึงเหมาะสมต่อสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ก่อนที่พวกกังตั๋งจะอาศัยจุดอ่อนนี้โจมตีใส่กองทัพล่าถอยที่สูญเสียกำลังใจให้ยับเยินไปเปล่าๆ
เสียงทหารยามตะโกนมาแต่ไกล “มหาเสนาบดีขอเข้าเฝ้า” ขงเบ้ง-จูกัดเหลียง พร้อมพรรคพวกคนสนิท อันได้แก่ ม้าเฉียว ม้าต้าย ตั๋งไป๋ และเกียงอุย ถืออาวุธก้าวเข้ามาอย่างอุกอาจ คล้ายไม่ยำเกรงต่อบารมีกษัตริย์จ๊กก๊กแม้แต่น้อย สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับฝ่ายเล่าปี่ยิ่งนัก สุดท้าย เป็นอุยเอี๋ยน ผู้ที่แค้นเคืองอยู่กับจูกัดเหลียงมานาน ต้องเอ่ยปากตำหนิอย่างไม่ไว้หน้า “ฮ่องเต้ทรงบรรทมอยู่ ท่านเสนาบดีนำพาผู้คนมามากมายเพื่อการณ์อันใด และเหตุไรจึงไม่เชิญรัชทายาทเล่าเสี้ยนมาด้วยเล่า”
ขงเบ้งกวาดตามองประเมินว่า ฝ่ายตนเองได้เปรียบด้วยกำลังคนห้าต่อสี่ จึงไม่สนใจนำพาอุยเอี๋ยน แต่กลับโบกพัดขนนก พูดคุยกับเสียวเอียนจื่อ กุนซือหญิงที่เป็นเสมือนหัวหน้าของฝ่ายตรงข้าม “รัชทายาทเล่าเสี้ยนอยู่กับเอียวหงี บิฮุย เลียวฮัว และกองทัพห้าพันนาย รอคอยอยู่ด้านนอกประตูเมืองแล้ว ท่านมีความคิดเห็นเช่นไรหรือ”
เสียวเอี่ยนจื่่อกล่าว “อาการฮ่องเต้สาหัสนัก เกรงว่าจะไม่พ้นค่ำคืนนี้ เราจึงต้องการให้ท่านอยู่เป็นสักขีพยาน รับฟังพระราชโองการแต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ร่วมกันกับเรา”
ขงเบ้งแย้มยิ้ม พลางกล่าว “ผู้ใดได้รับตำแหน่งนั้น เป็นรัชทายาทเล่าเสี้ยนฤา"
เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นน้ำเสียงแหบพร่าคล้ายเก็บงำพลังสุดท้ายไว้เพื่อประโยคนี้ “อาเต๊า (ลูกจระเข้) ไม่ใช่ลูกที่แท้จริง กษัตริย์องค์ต่อไปสมควรเป็นเล่าเอ๋ง บุตรของข้ากับอุยฮองเฮา (นางอุยหลิงฉี)”
ทุกคนในห้องโถงต่างตกตะลึงในถ้อยคำหรือน้ำเสียงก็สุดจะคาดเดา ขงเบ้งเผลอมองไปทางผู้กล่าวคำที่นอนพิงพนักเตียงอย่างอ่อนแรง แต่กลับทำตาโตสีเขียวสว่างวาบเข้าใส่ตัวมัน ขงเบ้งพลาดท่า ส่งเสียงร้องดังพร้อมหงายหลังหมดสติ เกียงอุยรีบก้าวเข้ามารับตัวเอาไว้ได้ทันเวลาก่อนจะล้มฟาดลงกับพื้นห้องโถง
เห็นกุนซือนางแอ่นโบกมือสั่งการ จูล่ง อุยเอี๋ยน ตันเตา ตรงเข้าจับคู่กันกับม้าเฉียว ตั๋งไป๋ ม้าต้าย ตามลำดับแบบคนที่คุ้นเคยกันดี จึงเหลือเพียงเสียวเอียนจื่อที่เผชิญหน้ากับเกียงอุยที่ฝีมือยังอ่อนด้อยที่สุด ซ้ำยังมีภาระโอบอุ้มร่างไร้สติของจูกัดเหลียงด้วยอีกคน เห็นนางแอ่นใช้ฝ่ามือฟาดไปข้างหน้า เป้าหมายเป็นลำคอของจูกัดเหลียง คาดหวังให้ถึงตายในกระบวนท่าเดียว
เสียงตวาดหนักดังขึ้น พร้อมเงาร่างสีดำวูบเข้ามาจากหน้าต่าง เป็นกุยห้วยที่ไร้แขนซ้าย พุ่งเข้าใส่เล่าปี่ที่ยังนอนนิ่งบนเตียงนอนพร้อมตะกุยกรงเล็บเข้าใส่ แต่เล่าปี่หันหน้าเข้าหาคู่ต่อสู้พอดี ทำให้กุยห้วยชะงักไปวูบหนึ่ง เป้าหมายเบี่ยงเบนจากตำแหน่งหัวใจไปกรีดหน้าท้องเปิดกว้าง โลหิตและอวัยวะกระจุยกระจาย สุดวิสัยที่จะรอดชีวิตแล้ว
กุยห้วยลงมือสำเร็จ ในใจมุ่งหวังจะรับสืบทอดพลังเนตรมังกรจากผู้ตาย จึงต้องรั้งรออยู่ใกล้ชิดให้มากกว่าผู้ร่วมชะตากรรมปรากฏการณ์มังกรคนอื่น ซึ่งในที่นี้ ก็มีเพียงเสียวเอียนจื่อ และจูล่งเท่านั้นที่สามารถรับพลังพิเศษได้
นางแอ่นย่อมรู้เท่าทันความคิด ไม่อาจยินยอมให้กุยห้วยทำสำเร็จ จึงหดฝ่ามือกลับจากเป้าหมายเดิม หมายกลับมาทางเล่าปี่ แต่กลับถูกเล่าปี่จ้องตาเขียวปัดเข้าใส่เป็นการล้างแค้นที่สะสมมานาน แม้พลังโจมตีจะอ่อนแรง ก็ทำให้นางชะงักไปวูบใหญ่ รู้สึกสำนึกเสียใจที่ลงมือทำร้ายเล่าปี่ในวงล้อมเมื่อค่ำคืนก่อน จนทำให้อดีตพี่ใหญ่เคืองแค้น
และแล้ว ขงเบ้งที่เห็นว่าหมดสติอยู่นั่น กลับดีดกายขึ้นใช้ดรรชนีจี้ใส่กุนซือหญิง ทำให้นางแอ่นต้องป้องกันตัวอีกครั้ง แผนแรกไม่ได้ผล หากแต่ยังมีแผนสอง เกียงอุยกลิ้งตัวไปกับพื้นสะกดจุดชาไว้จนได้ แสดงว่า ขงเบ้ง เกียงอุยได้นัดแนะกันไว้กับกุยห้วยก่อนแล้ว จึงสอดประสานกันอย่างไร้ที่ติ สยบเสียวเอียนจื่อที่ไม่เกรงกลัวอาการบาดเจ็บด้วยการสะกดจุดไว้แทน เพียงแค่เสียสมาธิชั่ววูบเดียว สถานการณ์พลันเปลี่ยนผันในทันที
จูล่งที่กำลังต่อสู้อยู่กับม้าเฉียว เหลือบเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ประเมินว่าฝ่ายตนเองกำลังย่ำแย่ และล่วงรู้เจตนาของฝ่ายตรงข้ามที่มุ่งหวังรวมพลังพิเศษเข้าไปที่กุยห้วย จึงรีบตัดสินใจลดดาบสยบมังกรลง ใช้กระบวนท่าพิสดารผลักดันให้ม้าเฉียวถอยห่าง แล้วส่งดาบกระแทกให้กุยห้วยเซออกไปด้วยกำลังภายในขั้นสูง ส่วนตนเองหมุนตัวไปยังเล่าปี่ที่ยังเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย พร้อมใช้คมดาบปาดลำคอของจอมกษัตริย์ให้สิ้นใจในพริบตา พ้นจากความทรมานด้วยความเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก
ควันสีเขียวคลุ้งขึ้นจากลำคอของเล่าปี่ ม้วนเข้าสู่ร่างของจูล่งที่กำลังวนเวียนอยู่บนเตียงนอนรอบร่างกายของเล่าปี่ ใช้ดาบใหญ่ต่อสู้ป้องกันไม่ให้กุยห้วยแย่งชิงพื้นที่ที่ใกล้กว่า จนควันเขียวสิ้นสุดลง จูล่งค่อยทำตาโต ทดลองใช้พลังเนตรมังกรเป็นครั้งแรก
กุยห้วยที่มีพลังมังกรเกราะสวรรค์คุ้มครองตัว กลับไม่อาจต้านทานพลังเนตรมังกรที่ขุนพลผมเขียวใช้ออกอย่างกระทันหัน แม้ว่าจะไม่ถึงกับหมดสติ แต่รู้สึกได้ว่า พลังพิเศษที่มีอยู่ต่อเนื่องนั้น ขาดตอนไปจากที่ควรเป็น เห็นจูล่งสะบัดดาบเข้าใส่แบบไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ครานี้ กลับกรีดใส่ท้องแขนของกุยห้วย เรียกเลือดพุ่งออกมาได้ราวกับคนปกติสามัญอีกครั้ง แสดงว่า พลังพิเศษไม่อาจคุ้มครองตนเองในช่วงเวลานั้น
กุยห้วยมีปัญญาพอนึกรู้ได้ว่า ศัตรูได้เปรียบกว่าตนเองมากนัก จึงเปลี่ยนใจโดดออกทางหน้าต่างเดิม หลบหนีออกไปก่อนเป็นคนแรก เป้าหมายถัดมาของจูล่งคือการช่วยเมียรัก สายตาสีเขียวเข้มจึงกวาดตามาที่ขงเบ้งกับเกียงอุย พร้อมเคลื่อนร่างเข้ามาคลายจุดให้เสียวเอียนจื่อในจังหวะเดียวกัน
ขงเบ้งเคยเผชิญกับการโจมตีเช่นนี้หลายครั้ง จึงหรุบตาถีบเท้าหลบหนีไปด้านหลัง แต่เกียงอุยยังใจห้าวหาญ ขยับตัวต้านรับ จึงถูกสะกดให้หมดสติล้มกลิ้งอยู่กับพื้น ม้าเฉียว ม้าต้ายเห็นว่าหัวหน้าฝ่ายตนถอนตัวแล้ว ก็ไม่รีรอจะหนีไปด้วย จึงเหลือเพียงตั๋งไป๋ ที่ตกอยู่ในวงล้อมของจูล่ง เสียวเอียนจื่อ อุยเอี๋ยน และตันเตาแบบจำยอม เพราะเป็นห่วงกังวลต่อเกียงอุยศิษย์รัก
นางแอ่นพอคาดเดาความสัมพันธ์ของสองศิษย์อาจารย์ออก และเห็นว่า ฝ่ายตรงข้ามไม่ถึงกับเลวร้าย จึงตวาดหยุดมือ หวังเกลี้ยกล่อมตั๋งไป๋กับเกียงอุยมาเป็นพวก ตั๋งไป๋สิ้นหวัง จึงทิ้งกระบี่คุกเข่าลง ยอมรับความพ่ายแพ้ ตันเตารีบเข้าประกบตัวเอาไว้ก่อน
นางแอ่นเห็นว่าสิ้นเรื่องราว จึงรีบมาดูอาการของเล่าปี่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงอันดังให้ได้ยินทั่วกัน “เมื่อครู่ นายท่านหมดหนทางรักษาชีวิตแล้ว จูล่งเกรงว่ากุยห้วยจะได้พลังวิเศษไป จึงจำยอมลงมือหนักหน่วงใส่นายท่านเพื่อถ่ายเทพลังออกมาก่อน ทำให้พวกเราพลิกชนะฝ่ายตรงข้ามได้เฉียดฉิวนัก ทั้งหมดอย่าได้กล่าวโทษต่อจูล่งเลย”
อุยเอี๋ยนในฐานะผู้มีอาวุโสสูงสุด หากไม่นับรวมจูล่ง เสียวเอียนจื่อ สองสามีภรรยา จึงเอ่ยปากรับคำ แต่ลอบนึกถึงการกระทำก่อนตายของเล่าปี่ภายในใจ “นายท่านตายด้วยน้ำมือของมือสังหารแขนเดียว แค้นนี้ย่อมมีเจ้าของอยู่แล้ว”
นางแอ่นพยักหน้า พลันรู้สึกขาดหายอันใด เหลียวมองกลับพบว่า ตันเตาถูกสะกดจุดตัวแข็งอยู่ ส่วนตั๋งไป๋ เกียงอุยกลับไร้ร่องรอยไปแล้ว คงเป็นตั๋งไป๋แอบลงมือแย่งชิงตัวเกียงอุยหลบหนีไปก่อน “อย่างน้อย ศิษย์อาจารย์คู่นี้คงตีจากขงเบ้งแล้ว แต่ยังไม่สะดวกใจอยู่กับพวกเรา ช่างน่าเสียดายนัก”
จริงดังที่นางแอ่นคาดคิด ตั๋งไป๋ยังมีหนี้แค้นต่อจูล่งในเรื่องพี่น้องร่วมสำนัก และรู้ว่ามันเองเป็นต้นเหตุให้อุยเอี๋ยนเสียโฉม จึงไม่อาจยอมรับน้ำใจของนางแอ่น ในเมื่อไม่อาจอยู่ร่วม มิสู้รีบตีจาก มันจึงแอบสกัดจุดตันเตา หิ้วตัวเกียงอุยหนีกลับไปตั้งหลักที่เมืองเทียนซุยเช่นเดิม ยุติบทบาทหัวหน้ากลุ่มนักสู้ผู้พิทักษ์จากขบวนการฟ้าดินลงเพียงเท่านี้
ส่วนจูล่งนั้น ที่จริงก็รู้เห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่แสร้งนิ่งเงียบ ปล่อยให้นางแอ่นพบเห็นความผิดปกติเสียเอง ค่อยกล่าวขึ้นบ้าง “เรื่องที่เล่าเสี้ยนถูกควบคุมตัวอยู่นอกเมือง และเล่าเอ๋งได้รับสืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ พวกเราสมควรทำเช่นไร”
อุยเอี๋ยนภายใต้หน้ากากปีศาจนั้น มีวาระซ่อนเร้นอยู่ รีบชิงกล่าว “หากเราเคลื่อนพลออกไป อาจติดกับดักของขงเบ้งได้อีก หรือว่า เราควรทำตามพระราชโองการ ประกาศแต่งตั้งเล่าเอ๋งขึ้นเป็นฮ่องเต้เสียก่อน”
ทันใดนั้น เสียงทหารยามตะโกนร้อง “ขุนนางชั้นกลาง บิฮุยขอเข้าพบ”
บิฮุยก้าวเข้ามาพร้อมชูหนังสือสำคัญ “มหาเสนาบดีทราบเรื่องการสวรรคตของฮ่องเต้ จึงดำเนินการตามพระราชโองการลับ แต่งตั้งเล่าเสี้ยนขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ที่สองแล้ว”
พวกเสียวเอียนจื่องุนงงวูบ ขงเบ้งเพิ่งหายไปเพียงชั่วครู่ กลับมาหมากตานี้ได้เช่นไร เห็นบิฮุยกางหนังสือ แสดงตราประทับฮ่องเต้เล่าปี่ชัดเจน นางแอ่นนึกรู้ได้ในทันทีว่า เมื่อครู่ พวกขงเบ้งคงฉวยโอกาสหยิบฉวยสิ่งของสำคัญไปได้ “พลาดท่าให้กับพวกมัน ปล่อยให้แอบอ้างพระราชโองการปลอมไปได้อีกแล้ว”
เสียงเอิกเกริกดังขึ้นมาจากประตูเมือง ขบวนทัพห้อมล้อมกษัตริย์น้อยองค์ใหม่พร้อมเหล่าขุนนางนายทหารชั้นสูงที่สวมชุดขาวไว้ทุกข์ เดินเท้าแจ้งความประสงค์จะอัญเชิญพระศพของกษัตริย์เล่าปี่กลับสู่เมืองหลวงเซงโต๋
พวกเสียวเอียนจื่อ จูล่ง อุยเอี๋ยน มองหน้ากันไปมา แต่ละคนล้วนมีความคิดภายในใจ แต่สุดท้ายเป็นกุนซือสาวชิงกล่าว “เรากับตันเตาจะติดตามพวกขงเบ้งกลับเข้าสู่เมืองหลวงก่อน ให้ท่านอุยเอี๋ยนนำกองทัพพายุคลั่งไปยึดเมืองฮันต๋ง ชิงตัวอองเป๋งออกมาช่วยเหลือกัน ส่วนพี่จูล่งมีพลังเนตรมังกรเสริมขึ้น สมควรจู่โจมชิงด่านแฮบังก๋วนได้ไม่ยาก รอให้กองทัพลิเงียมจากเมืองเกงจิ๋วมาสมทบกัน แล้วค่อยดำเนินแผนขั้นต่อไป”
จูล่งส่งสายตาคล้ายห่วงใยต่อเสียวเอียนจื่อ นางแอ่นจึงตบหลังมือเบาๆ “ข้ายังคงมีพลังมังกรคืนสภาพ สามารถฟื้นฟูร่างกายได้เร็ว จูกัดเหลียงทำอะไรข้าไม่ได้ดอก”
ดังนั้น ขบวนทัพของเล่าเสี้ยนตัวปลอมที่ถูกกำกับมาโดยกุนซือมังกรซ่อน ขงเบ้ง ขุนพลเงาหิมะ ม้าเฉียว ม้าต้าย เอียวหงี และเลียวฮัว จึงเคลื่อนเข้ามาในเมืองเป๊กเต้เสีย ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จารึกว่า ทั้งหมดพร้อมหน้ากันแล้วร่วมกันอัญเชิญพระศพของเล่าปี่กลับไปยังเมืองหลวง ทำให้จ๊กก๊กตกอยู่ในสภาวะซึมเซาเศร้าหมองถ้วนทั่วกัน
…
แผนสายฟ้าแลบของเสียวเอียนจื่อลุล่วงไปด้วยดี อุยเอี๋ยน ขุนพลพายุคลั่ง นำกองทัพลอบจู่โจมที่ทำการเมืองฮันต๋ง ช่วยเหลืออองเป๋งออกจากที่คุมขัง จับตัวตันจิ๋น-เตียวเหียน เจีียวอ้วน เข้ากรงแทน เหลือเตงจี๋เท่านั้นที่หลุดรอดมาแจ้งข่าวร้ายถึงเมืองเซงโต๋ได้คนเดียว เมื่ออุยเอี๋ยนร่วมมือกันกับอองเป๋ง ขุนพลเก่าที่คุ้นเคยกับเมืองนี้มานาน จึงควบคุมเมืองสำคัญไว้ได้โดยง่าย
ทางด้านจูล่ง ขุนพลท่องเมฆา ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะการยึดด่านแฮบังก๋วนด้วยกำลังคนเพียงคนเดียว กลับทำได้ไม่ยาก ในเมื่อม้าเฉียว ม้าต้ายไม่อยู่ ตันจิ๋นและขุนพลรองจากกองทัพชนเผ่าย่อมไม่ใช่คู่่ต่อสู้ที่ทัดเทียมอยู่แล้ว ด่านปราการสำคัญจึงตกอยู่ในกำมือ และพวกตันจิ๋นล้วนตกอยู่ในคุกหลวงอย่างสิ้นหวัง ปล่อยให้จูล่งเปิดด่านต้อนรับการกลับมาของกองทัพใหญ่ที่มี ลิเงียม งออี้ เตียวเอ๊ก กวนหิน เตียวเปา กำกับมา
ตอนนี้ สภาวะทางการรบจึงกลับตาลปัตรจากเดิม เมืองเซงโต๋เองมีทหารในมือสามสิบหมื่น บวกกับกองทัพชนเผ่าของม้าเฉียวอีกห้าหมื่นนาย กำลังถูกฝ่ายจงรักภักดีต่อราชวงศ์จ๊กฮั่นร่วมห้าสิบหมื่นนายโอบล้อมมาจากทางทิศเหนือและทิศตะวันออกแล้ว แต่ขุนนางนายทหารที่ไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งราษฎรเองยังไม่รับรู้สถานการณ์การเมือง เพียง เหมารวมเป็นการไว้อาลัยแสดงความจงรักภักดีต่อจ้าวนครที่สวรรคตทั้งสิ้น
เสียวเอียนจื่อจึงสั่งแผนการขั้นตอนต่อไป ให้จูล่งไปรับเล่าเสี้ยนตัวจริงที่อยู่ในหมู่บ้านหมื่่นเซียน เข้าร่วมกับกองทัพกู้ชาติที่ด่านแฮบังก๋วน วันรุ่งขึ้นหมายจะฉีกหน้าประกาศว่า ขงเบ้ง ม้าเฉียวก่อขบถ ใช้เล่าเสี้ยนตัวปลอมครองบัลลังก์ สร้างความชอบธรรมให้กับกองกำลังกู้ชาติเข้ามายึดอำนาจคืน แต่แล้ว กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิด เมื่อจูล่งแจ้งข่าวร้ายให้ทราบ หมู่บ้านหมื่นเซียนอันลึกลับนั้น เพิ่งถูกเผาทำลายจนหมดสิ้น ส่วนบุคคลสำคัญทั้งหลายล้วนหายสาบสูญ
นางแอ่นตื่นตระหนกต่อข่าวลับที่ร้ายแรงต่อแผ่นดินครั้งนี้ พงศาวดารไม่เคยกล่าวถึงเรื่องราวเช่นนี้อยู่แล้ว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนางว่า จะก่อเหตุยึดอำนาจจากขงเบ้งมาก่อน หรือปล่อยไปจนกว่าจะติดตามทายาทของเล่าปี่ได้สำเร็จ แต่ในใจนางนึกหวั่นเกรงว่า จะยังมีขุมกำลังใดอยู่เบื้องหลังการกระทำในครั้งนี้
พวกโจผี ซุนกวน กำลังยุ่งเหยิงวุ่นวายในเรื่องราวภายใน ขบวนการฟ้าดินนั้นเล่า ขงเบ้งก็เพิ่งส่งเตงจี๋ บิฮุย เข้ามายื่นข้อเสนอต่ออายุพันธมิตร แบ่งปันกันปกครองแผ่นดินจ๊กก๊กในรูปแบบเช่นเดิม ซ้ำยังต่อรองขอเพิ่มตำแหน่งตนเองเป็นมหาอุปราชผู้สำเร็จราชการ ถัดจากฮ่องเต้เพียงคนเดียว โดยแลกกับความมั่นคงปลอดภัยของเมืองเซงโต๋
“กำลังพลเพียงหยิบมือนั้น ย่อมมิอาจต่อสู้กับพวกท่านได้ หากแต่พวกเราพร้อมจะทำลายเมืองหลวงให้ย่อยยับไปด้วยกัน แล้วจ๊กก๊กก็จะสูญเสียความสมดุลย์ เปิดทางให้วุยก๊ก หรือกังตั๋งจู่โจมทำลายได้โดยง่าย” เตงจี๋ พี่ใหญ่ตระกูลเตงเริ่มฉายแววโดดเด่น แม้คำพูดจะมาจากขงเบ้ง แต่จิตใจที่เข้มแข็งหนักแน่น จึงจะกล่าวชักจูงได้อย่างมีน้ำหนัก
นางแอ่นทำเป็นขบคิด แล้วค่อยตอบตกลงข้อเสนอ โดยขอให้คงตำแหน่งและกองกำลังของพวกจูล่งเอาไว้เช่นเดิม ดังนั้น พิธีการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์เล่าเสี้ยนจึงถูกดำเนินการขึ้น โดยมีทั้งขงเบ้ง และสี่ขุนพลสวรรค์รุ่นสอง เสียวเอียนจื่อ จูล่ง ม้าเฉียว และอุยเอี๋ยน เป็นสักขีพยาน ทิ้งให้ลิเงียมและนายทหารอื่นๆเฝ้ารอทางนอกเมือง
ขงเบ้งฉวยจังหวะประกาศให้ไว้ทุกข์แก่ปฐมกษัตริย์สามปี และแก้ข่าวการตายของเล่าปี่ให้เป็นฝีมือของมือสังหารฝ่ายวุยก๊ก พร้อมส่งเตงจี๋ไปเป็นทูตเจรจาหย่าศึกกับฝ่ายกังตั๋ง เปลือกนอก ขงเบ้งยังคงหวังร่วมมือกับกังตั๋ง ต่อต้านวุยก๊กเช่นเดิม แต่แท้จริงเป็นเพราะคนสกุลจูกัดควบคุมสถานการณ์ของสองก๊กสำคัญนี้ไว้ได้แล้ว
นางแอ่นแม้ว่าจะร้อนรุ่มใจ แต่จำต้องแสดงท่าทีผ่อนคลาย ไม่ให้ขงเบ้งจับพิรุธได้ จึงสร้างเรื่องว่า ฝ่ายตนจะเก็บซ่อนเล่าเสี้ยนตัวจริงไว้ก่อน ปล่อยให้ขงเบ้งกำกับเล่าเสี้ยนตัวปลอมครองอำนาจไปพลาง รอจนสถานการณ์การเมืองเบาบางลงค่อยว่ากล่าวกันใหม่ ดังนั้น พวกขงเบ้งจึงได้เมืองเซงโต๋ และกองทหารสายป้องกันเมือง แต่ยังถูกรายล้อมไว้ด้วยกองทัพสายสู้รบจำนวนมากของจูล่ง อุยเอี๋ยน และลิเงียม
ค่ำคืนนั้นเอง ฝ่ายนางแอ่นลอบหลบหนีจากเมืองหลวง ให้อุยเอี๋ยน ลิเงียมนำกองทัพหลักกลับสู่หัวเมืองรอบนอก นางแอ่น จูล่ง และตันเตาเดินทางตรงไปยังหมู่บ้านหมื่นเซียน เพื่อสืบค้นเบาะแสว่า ใครเป็นผู้ลงมือถล่มหุบเขา และมีผู้ใดเหลือรอดหรือไม่่
…
หมู่บ้านหมื่นเซียนในเวลานี้ กลับคุกรุ่นด้วยควันไฟและกลิ่นไหม้เจือจาง ซากศพผู้คนที่เป็นข้าทาสบริวารมีให้เห็นประปราย แต่ไม่มีซากศพฝ่ายศัตรูให้เห็น นางแอ่น ตันเตาคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี จึงจับทิศทางมุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่เคยเป็นเรือนที่พักของตันโห ตันอุ๋น และเหล่าทายาท
ทั้งสามไม่พบเห็นซากศพอยู่ในบริเวณนั้น นางแอ่นรีบเดินนำเลยไปจนถึงเพิงอุปกรณ์ด้านหลัง พบเห็นว่า สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกสร้างโดยหัวขวาน เพื่อใช้ในการหลบหนีหายไป เหลือเพียงเชือกเส้นใหญ่ขึงตรึงไปบนภูเขาสูง นั่นหมายถึงความหวังว่า พวกตันโหอาจจะหนีรอดไปได้ด้วยแผนลับที่เตรียมไว้
แต่แล้ว ตันเตาพลันพบเห็นซากร่างหนึ่งถูกปักตรึงกับต้นไม้ใหญ่ด้วยเกาทัณฑ์เหล็ก ดูจากรูปพรรณสัณฐานแล้ว สมควรเป็นตันโห ประมุขผู้เฒ่า สละชีพเปิดกลไกสิ่งประดิษฐ์ จึงตรงเข้าไปพิจารณาโดยละเอียด พลางร่ำไห้ต่อการจากไปของบิดา นางแอ่นตรวจเกาทัณฑ์นั้น เห็นสลักเป็นสัญลักษณ์รูปค้างคาวมีเขี้ยวแหลมยื่นจากปาก “ค้างคาว?”
“ชายแดนทางใต้เสฉวนนั้นมีอาณาจักรชื่อม่านก๊ก หรือเพงายเกิดขึ้นใหม่ ผู้นำชื่อ เบ้งเฮ็ก เดิมมีลูกสมุนคนสำคัญคือนักรบเบญจพิษ (ตะขาบ อสรพิษ แมงป่อง คางคก และกิ้งก่า) แต่ยินว่า คางคก กิ้งก่า หายสาบสูญ กลายเป็นนักรบรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่ คือ แมงมุม และค้างคาว" จูล่งอธิบายต่อ “ ตัวค้างคาวนั้นใช้เกาทัณฑ์มือเป็นอาวุธ ในเมื่อเกาทัณฑ์นี้มีสัญลักษณ์เช่นนี้ คงเป็นพวกม่านลงมืออย่างหนักหน่วงแล้ว”
“ยินว่า เบ้งเฮ็กกับจูกัดเหลียงมีเหตุแค้นเคืองกันมาแต่เก่าก่อน หรือว่า ครั้งนี้ มันพร้อมจะเผชิญหน้ากับขงเบ้งอย่างซึ่งหน้าแล้ว” นางแอ่นประเมิน “แสดงว่า เป้าหมายการลงมือก็คือ เล่าเสี้ยน ทายาทของเล่าปี่กระมัง”
“หากพวกมันจับกุมกษัตริย์เสฉวนไป มีหรือมหาอุปราชจะน่ิงนอนใจได้ คงมีแต่ต้องยกทัพลงไปหาพวกมันถึงถิ่น แม้ว่าจะรู้ว่าเป็นกับดักก็ตาม” จูล่งเสริม
นางแอ่นมองขึ้นไปด้านบน พลางกล่าว “หมู่บ้านหมื่นเซียนซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลำธารสวรรค์่่่่ รายล้อมด้วยเทือกเขาป่าไม้รกครึ้มสลับซับซ้อนเป็นแนวยาว เราจึงให้สหายเราประดิษฐ์พาหนะพิเศษนามกระสวยทะยานฟ้า ให้กลุ่มคนอาศัยหลบหนีจากหมู่บ้านขึ้นไปหลบซ่อนตัวในถ้ำลับในเทือกเขาได้อีกทอดหนึ่ง พวกเราลองไปสำรวจดูกันเถิด”
ตันเตาแยกตัวไปทำศพให้กับบิดาก่อน คงมีแต่จูล่งกับเสียวเอียนจื่อเดินทางขึ้นไปตามเทือกเขา จูล่งเร่ิมสับสนและระแวงในท่าทีของเสียวเอียนจื่อที่มันเพิ่งระลึกได้จากความทรงจำด้วยจิตสำนึกมังกรว่า ความสัมพันธ์ของมันสองมีทั้งบุญคุณทั้งความแค้น หญิงคนนี้คือนางแอ่น เป็นสมาชิกขององค์กรลึกลับที่เคยถูกมันทำลายล้าง ครั้งนั้น ตัวมันถึงกับทำร้ายนางบาดเจ็บปางตาย และสังหารหัวหน้าใหญ่องค์กรลับตายคามือ โดยรวมแล้ว นางย่อมมิได้มีความจริงใจต่อตัวมันสักเท่าไรนัก
แต่พอจูล่งสบสายตากับเสียวเอียนจื่ออีกครั้ง แววตาที่สะท้อนออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยความรัก หรือว่า เจ้านางแอ่นน้อยลึกลับผู้นี้น่าจะมีความจริงใจต่อตัวมันจริงๆ ถึงตอนนี้ จูล่งอดไม่ได้ที่จะดึงตัวนางแอ่นมากอดจุมพิตด้วยความคิดถึงสักครา
เสียงเพียะพะดังขึ้นสองสามครั้งอย่างเร่งร้อน พร้อมแสงสีเขียวสว่างวูบขึ้น “ขออภัยด้วย” เจ้าของเสียงประคองร่างฝ่ายตรงข้ามที่สลบไสลเอาไว้ในอ้อมกอดด้วยความห่วงใยต่อคนที่ตนรัก การลงมือก่อนตายของเล่าปี่ ทำให้มันเชื่อมั่นว่า สิ่งที่มันคาดคิดนั้นเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย