Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
29 ก.ย. 2021 เวลา 23:22 • นิยาย เรื่องสั้น
6.28. กลลวงต่างมุมมอง
ฮกหวน (ซุนหวน) จอมทัพจำเป็น - เจียวขิม ครูทหารเดนตาย - อุยเอี๋ยน ขุนพลพายุคลั่ง
จูกัดเหลียงแสดงสีหน้าแปลกใจอยู่บ้างที่ถูกศิษย์น้องคนเล็กหักหลัง แต่ยังคงรักษาท่วงท่าใจเย็นไว้ได้ ทำให้เสียวเอียนจื่อและลกซุนเริ่มไม่ไว้วางใจจอมเจ้าเล่ห์ว่า ยังมีไม้ตายอันใดซุกซ่อนอยู่อีก “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าคิดดีแล้วหรือที่จะร่วมมือกับนางที่ไม่มีประวัติความเป็นมาชัดเจน และมาหักล้างกับขบวนการฟ้าดินอันยิ่งใหญ่เช่นนี้”
“เราท่านถือเป็นลูกศิษย์ในนามของอาจารย์สุมาเต๊กโชก็จริง แต่เมื่อเติบใหญ่ ต่างก็มีปณิธานของตนเอง ท่านติดตามคนแซ่เล่า เราสนับสนุนสกุลซุน เพียงหวังว่าจะไม่ต้องมาขัดแย้งกันเอง จนวันนี้ ท่านเริ่มก้าวล่วงขอบเขต หมายจะทำลายกังตั๋ง เราจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะชิงจัดการกับพวกท่านไปก่อน” ลกซุนกล่าวคลุมเครือในชีวประวัติตนเอง หลีกเลี่ยงจะพาดพิงถึงเครือข่ายสุมาและกลุ่มทายาทมังกร คล้ายกริ่งเกรงคนที่สามจะล่วงรู้ความนัย พอกล่าวจบก็เร่งรีบลงมือ “ท่านอาหญิง ลงมือเถอะ”
เห็นจูกัดเหลียงชิงสะบัดพัดขนนกเพียงวูบเดียว เงาร่างลึกลับอีกกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏกายขึ้นราวกับภูตผีปีศาจ เป็นองครักษ์กุยห้วย ตั๋งไป๋ เกียงอุย และกลุ่มนักสู้ผู้พิทักษ์จำนวนหนึ่ง พร้อมเกาทัณฑ์รูปร่างพิสดารอยู่ในมือ รายล้อมคนทั้งสี่ไว้อีกชั้นหนึ่งแล้ว
“เราได้รับรายงานจากคนของขบวนการฟ้าดินอยู่ก่อนแล้วว่าเจ้าอาจจะมีปัญหา หากแต่เราไม่คิดจะเชื่อถือจริงจัง จึงยอมเดินทางมาติดกับดัก หยั่งดูธาตุแท้ของเจ้าสักครา ลกซุนเอย ในที่สุด เจ้าก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้ว วันนี้ คงต้องเป็นวันตายของเจ้าแทน” ขงเบ้งแย้มยิ้ม พลางเคลื่อนกายไปใกล้ตัวเล่าปี่ที่ยังคงถูกสกัดจุดแน่นิ่งอยู่กับพื้น หลุดพ้นจากแรงกดดันของเสียวเอียนจื่อ และลกซุน แล้วค่อยอธิบายต่อ “เกาทัณฑ์ชุดนี้ ภรรยาของเราพัฒนาขึ้นจากต้นแบบของฮองตง ขุนพลยิงตะวัน แม้เป็นพลทหารธรรมดา ก็สามารถยิงได้ครั้งละเจ็ดดอก คงได้ใช้ทดสอบฝีมือของเจ้าทั้งสองแล้ว”
เสียงโห่ร้องดังขึ้นจากเนินเขาอีกครั้ง องครักษ์ตันเตาและทหารองครักษ์ไม่กี่คนที่มีเลือดโทรมกาย ถอยร่นกลับมา จึงเริ่มปะทะกันกับกลุ่มนักสู้ผู้พิทักษ์ แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์กลล้มตายไปบ้าง แต่ก็เปิดช่องว่างให้กับวงล้อมมรณะแล้ว เห็นเสียวเอียนจื่อกับลกซุน รีบพุ่งตัวเข้าใส่กลุ่มนักสู้ตรงหน้า ชิงลงมือฟาดฟันฝ่ายตรงข้ามไปทีละคนสองคน พอทั้งสองขยับเข้าใกล้ตัวได้ พวกนักสู้ก็ไม่กล้าใช้เกาทัณฑ์พิสดารในมือ ด้วยเกรงจะทำร้ายพวกเดียวกันเอง จึงต้องหันมาลงมือด้วยอาวุธคู่มือแทน
ถึงกระนั้น พวกเสียวเอียนจื่อ ลกซุน ตันเตาและทหารเสฉวนยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบในด้านจำนวนคนอยู่ดี ทำให้จูกัดเหลียงโบกมือสั่งการให้กุยห้วย ตั๋งไป๋ และเกียงอุย ลงมือ เกียงอุยหนุ่มยังมีฝีมืออ่อนที่สุด จึงเลือกเป้าหมายเป็นตันเตาที่อ่อนแรงจากการต่อสู้มานาน ตั๋งไป๋เลือกจัดการกับเสียวเอี่ียนจื่อที่มีชื่อเสียงสูงสุด จึงหลงเหลือเพียงลกซุนให้กับกุยห้วยจับคู่ไปโดยปริยาย แต่ก็ตรงใจกับลกซุนเป็นที่สุด
ลกซุนเคยปะทะกับกุยห้วยมาแล้ว จึงรับรู้พลังฝีมือฝ่ายตรงข้ามอยู่บ้าง พอมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง จึงไม่ยั้งมือ รีบใช้กระบี่รุกไล่โดยเร็ว แต่กุยห้วยกลับมีท่าทีเกินคาดหมาย ยอมให้คมกระบี่ฟันใส่ลำคอ แต่ชิงลงมือตะกุยไหล่ลกซุนคล้ายกับยอมแลกชีวิตกันตั้งแต่กระบวนท่าแรกเริ่ม ผิดวิสัยการต่อสู้แบบปกติทั่วไป
เสียงฉึกดังขึ้น กระบี่คมกล้าสะท้อนกลับอย่างรุนแรง แต่ลำคอกุยห้วยยังคงเป็นปกติ เพียงมีแสงสีเขียวสะท้อนตาออกมา ลกซุนคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ ร่ำร้องย่ำแย่ในใจ แล้วก็ได้รับบทลงโทษทันตา กรงเล็บของกุยห้วยตะกุยไหล่ซ้ายของลกซุน กระชากเนื้อหนังไปก้อนใหญ่ เรียกเลือดสดๆเปรอะเปื้อนไปครึ่งร่าง สูญเสียพลังการต่อสู้ไปไม่น้อยแล้ว
เสียงขวับดังขึ้น เป็นเกาทัณฑ์ของฝ่ายกังตั๋งสอดแทรกเข้ามา และแล้ว ซุนกวน ซุนเต๋ง ซุนหวน และเล่งทอง นำกองกำลังกังตั๋งเข้ามาช่วยลกซุนได้ทันเวลา พร้อมส่งเสียงประกาศให้กระจายตัวกันจับกุมเล่าปี่ ขงเบ้ง และช่วยเหลือเสียวเอียนจื่อ ราวกับรับรู้ความเป็นไปเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน แต่พอเข้ามาใกล้เห็นผู้คนถนัดตา ซุนกวนที่มีผ้าขาวพันศีรษะปิดบังใบหูมิดชิด กลับส่งเสียงสั่งการใหม่ ชี้กระบี่ไปที่กุยห้วยในวงล้อมทหารกังตั๋ง “จับตายคนร้ายที่ลอบสังหารขุนพลกำเหลงให้กับเราก่อน”
เห็นซุนหวน เล่งทองพุ่งตัวเข้าใส่กุยห้วย ราวกับมีความแค้นเคืองกันมานาน อีกทั้งซุนกวน ซุนเต๋งยังคว้าเกาทัณฑ์มาเล็งคุมเชิงไว้ด้วยอีกชั้นหนึ่ง ลกซุนที่ได้รับการช่วยเหลือ จึงหันกลับมากลุ้มรุมศัตรูตัวร้ายอีกครั้งหนึ่ง แต่พละกำลังของกุยห้วยคล้ายรุดหน้าไปหลายขั้นนัก เมื่อผนวกกับความได้เปรียบเรื่องอยู่ยงกระพันด้วยแล้ว ถึงกับรับมือคนทั้งสามได้อย่างสูสีก้ำกึ่ง ทำให้ซุนกวน ซุนเต๋งต้องปล่อยเกาทัณฑ์ก่อกวนแก้สถานการณ์ให้เป็นระยะๆ กลายเป็นห้าคนรุมหนึ่งคนไปแล้ว
…
ทางด้านเสียวเอียนจื่อต่อสู้อยู่กับตั๋งไป๋สักพัก พลันรู้สึกคุ้นหน้าศัตรูยิ่งนัก พอนึกได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน เคยพบหน้ากันในฐานะองครักษ์หญิงเผ่าเกี๋ยง คนสนิทของเตียวล่อ ซึ่งก็คือหัวขวานที่ย้อนอดีตกลับไปนั่นเอง จึงทดสอบความสัมพันธ์เก่าก่อนของฝ่ายตรงข้ามด้วยการล้วงเอาลูกเหล็กลายปักษาสวรรค์ที่เคยได้รับมาจากนาง ส่งคืนไปในกระบวนท่าเดียวกันกับเมื่อการต่อสู้ครั้งก่อนที่เมืองฮันต๋ง
ตั๋งไป๋นับเป็นยอดฝีมือที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม พอรับลูกเหล็กกลับมาในมือ ก็ยังไม่หยุดมือ แต่จดจำได้ว่าเป็นกระบวนท่าเดียวกันกับที่ตัวมันเองเคยส่งมอบลูกเหล็กให้กับเตียวหุย ขุนพลฟ้าคำราม แสดงว่า เสียวเอียนจื่อย่อมมีความสัมพันธ์กับเตียวหุยถึงได้ล่วงรู้เรื่องราวเช่นนี้ นางจึงขบคิดหาทางคลี่คลายสถานการณ์ให้กับฝ่ายตรงข้าม แล้วหมุนตัวส่งสัญญาณให้เสียวเอียนจื่อพอเข้าใจกันเพียงสองคน
นางแอ่นพบเห็นสัญญาณก็เข้าใจด้วยปัญญาเช่นกัน รีบเปลี่ยนเป็นกระบวนท่าคว้าจับช่วงชิงเอาถุงทรายพิษไปจากเอวของตั๋งไป๋ แล้วทำท่าสาดมือเข้าใส่ ตั๋งไป๋รีบกลิ้งหลบไปตามพื้นดิน พร้อมส่งเสียงเตือนพวกเดียวกัน “ระวังทรายพิษในมือนาง”
เกียงอุยอยู่ใกล้สุด กำลังต่อสู้กับตันเตาอย่างสูสีก้ำกึ่ง พอรับรู้ว่าอาจารย์พลาดท่า จึงรีบสะบัดกระบี่เปิดช่อง เพื่อไปช่วยเหลือตั๋งไป๋ ตันเตาก็ไม่ใส่ใจติดตามด้วยกังวลต่อความปลอดภัยของเล่าปี่มากกว่า ทำให้สองศิษย์อาจารย์กลืนหายไปในสมรภูมิรบชั่วคราว กลายเป็นเสียวเอียนจื่อกับตันเตาพุ่งตัวเข้าหาจูกัดเหลียงที่ยืนนิ่งดูสถานการณ์โดยรอบ และมีเล่าปี่ที่ถูกสกัดจุดไว้ นอนทอดกายอยู่ไม่ไกล
นางแอ่นรู้ว่า หากเข้าไปหักหาญตรงๆกับขงเบ้ง ก็คงจะยากรับมืออยู่ และเกรงว่า เล่าปี่จะถูกทำร้ายเสียก่อน จึงคว้าเอาเกาทัณฑ์กลที่ร่วงหล่นตามพี้นดินมาสองอันมาปรับแต่งเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว และพยักเพยิดให้ตันเตา ลูกศิษย์ของตนทำเช่นเดียวกัน แล้วค่อยพุ่งตัวเข้าใส่กุนซือมังกรซ่อนอย่างกระทันหัน พร้อมยิงเกาทัณฑ์กลในมือทั้งสองเต็มชุด
การยิงสี่เกาทัณฑ์กลเต็มชุดย่อมหมายถึงลูกเกาทัณฑ์ยี่สิบแปดดอก พุ่งเข้าใส่จูกัดเหลียงอย่างรวดเร็ว หากแม้นเป้าหมายยังมีปัญหาที่ข้อเข่าเรื้อรัง หรือเพียงเคลื่อนไหวเชื่องช้าไปเล็กน้อย ก็คงกลายเป็นมนุษย์เม่นไปแล้ว หากแต่จูกัดเหลียงในปัจจุบัน คือสุดยอดฝีมือที่มีพลังปราณกล้าแกร่งสมบูรณ์ด้วยสรรพคุณของบัวหิมะพันปี และการฝึกปรือวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นมานาน จึงมีปฏิกิริยาตื่นตัว พอรับรู้ถึงภัยอันตราย ก็สะกิดเท้าลอยตัวขึ้น ปล่อยให้ฝูงเกาทัณฑ์พุ่งผ่านไปด้านหลัง ซึ่งมีเล่าปี่นอนตัวแข็งอยู่กับที่
เพียงแต่เสียวเอียนจื่อคล้ายหลงลืมไปว่า เล่าปี่อยู่ใกล้ชิดกับจูกัดเหลียงหรือกระไร เพราะเกาทัณฑ์บางดอกถึงกับปักเข้าใส่ร่างกายของผู้โชคร้ายเต็มแรง จนเล่าปี่สะดุ้งตัว ร่ำร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวด จูกัดเหลียงทิ้งร่างลงที่เดิม ถึงกับอดหัวร่อต่อความผิดพลาดของคู่ต่อสู้มิได้ พลางกล่าวถ้อยคำตอกย้ำเสียดสี “นึกไม่ถึงว่า กุนซือหญิงจะลงมือกับเจ้านายตนเองรุนแรงเช่นนี้ นิสัยอิสตรีช่างดุร้ายยิ่งนัก”
ขงเบ้งเผลอตัวหันไปมองเล่าปี่วูบหนึ่ง พลันรู้สึกแสงสีเขียวจากนัยน์ตาของเล่าปี่กระทบเข้าใส่ตนเองอย่างกระชั้นชิด พร้อมกับความรู้สึกที่ดับวูบลง “ตกหลุมพรางนางอสรพิษเข้าแล้ว เป้าหมายการยิงคือตัวเล่าปี่ เพื่อปลดปล่อยตัวจากการถูกสกัดจุดต่างหาก” แต่จังหวะสุดท้าย คล้ายมีเงาร่างสองสายพุ่งตัวเข้ามาประคองร่างกาย ไม่ให้ล้มลงกับพื้นดิน
…
เล่าปี่ลุกขึ้นยืน ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย เพราะเสียวเอียนจื่อได้จัดการหักคมลูกเกาทัณฑ์ไว้ก่อนแล้ว ค่อยจงใจยิงใส่เพื่อแก้ไขการสกัดจุด มันมองหน้าเงาร่างสองสายที่เข้ามาช่วยเหลือจูกัดเหลียง เห็นเป็นจอมยุทธ์หญิงชายที่เมื่อครู่ต่อสู้อยู่กับเสียวเอียนจื่อและตันเตา ซึ่งก็คือลูกสมุนของฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง จึงหยิบกระบี่คู่ขึ้นมาป้องกันตัวเองไว้ พอดี เสียวเอียนจื่อ ตันเตามาใกล้ พลางเอ่ยคำ “เป็นพวกเดียวกัน ไม่ต้องลงมือ”
จอมยุทธ์หนุ่มน้อยถลึงตาคล้ายไม่ยินยอมในคำเรียกหานั้น แต่ตั๋งไป๋ห้ามไว้ พลางประสานมือกล่าว “มิใช่มิตรสหาย เมื่อครู่เป็นเพียงทดแทนพระคุณเก่าก่อน แต่ในครั้งนี้ เราขอนำนายเราคนปัจจุบันจากไปก่อน ถือว่าบุญคุณความแค้นดั้งเดิมนั้นเลิกแล้วต่อกัน ภายภาคหน้าหากยังมีโอกาสพบพาน ค่อยว่ากล่าวกันใหม่”
นางแอ่นพอคาดเดาความคิดของตั๋งไป๋ได้ จึงประสานมือตอบ “เอาเถิด ท่านช่วยชีวิตมันเอาไว้ มันคงไม่ลงโทษที่เจ้าทำงานผิดพลาดแล้ว พวกท่านจงล่วงหน้าไปก่อนเถิด คนที่เหลือทางนี้ ให้เป็นไปตามฟ้าลิขิตเถิด”
ตั๋งไป๋เหลือบมองไปทางวงต่อสู้ของกุยห้วยคล้ายเข้าใจในความหมายของกุนซือหญิงที่ต้องการทุ่มเทกำลังไปกำจัดคนพิเศษทางด้านนั้น จึงโบกมือให้กับเกียงอุย นำพาร่างอันไร้สติของจูกัดเหลียงจากไปก่อน ค่อยล้วงมือหยิบถุงมือหนังสัตว์ออกมาจากอกเสื้อ และโยนให้กับนางแอ่น “ท่านคงต้องใช้มัน ขอให้โชคดี”
เสียวเอียนจื่อรับถุงมือหนังสัตว์มาสวมใส่ พร้อมขบคิดในใจ “มันช่วยให้กุยห้วยตาย เพียงเพื่อเลื่อนสถานะอันดับของมัน หรือ พวกมันมีเรื่องราวอื่นใดบาดหมางกันอยู่หนอ”
…
องครักษ์กุยห้วยต่อสู้อยู่ท่ามกลางวงล้อมของลกซุน ซุนหวน และเล่งทอง อาศัยพลังมังกรเกราะสวรรค์ ทำให้ได้เปรียบอยู่หลายครั้งหลายหน แต่ซุนกวน ซุนเต๋งที่คุมเชิงอยู่ด้านนอก ก็ยิงเกาทัณฑ์เข้ามารบกวน ทำให้เสียจังหวะอยู่เสมอ จริงอยู่ที่ลูกเกาทัณฑ์อาจจะไม่ระคายเคืองต่อผิวกาย หากแต่ความแรงของเกาทัณฑ์อาจจะทำร้ายต่อจุดชีพจรสำคัญได้อยู่ มันจึงไม่กล้าสุ่มเสี่ยงจนเกินไป นอกจากจะแน่ใจว่า ตำแหน่งที่โดนลูกเกาทัณฑ์นั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อจุดชีพจรสำคัญของตนเอง
ณ เวลานี้ กุยห้วยมีพลังเหนือมนุษย์อยู่ในร่างกายก็จริง หากแต่มันยังขาดเวลาในการเชื่อมโยงสร้างสรรค์พลังเหล่านั้นให้หลอมรวมกันกับวิทยายุทธ์ดั้งเดิมให้มีประสิทธิภาพ ทำให้ยังมีร่องรอยช่องโหว่อยู่บ้าง มิเช่นนั้น พวกกังตั๋งทั้งหลายคงมิใช่คู่มือแล้ว
นางแอ่นจับจ้องมองดูจากวงนอก ในใจครุ่นคิดขึ้น หากปล่อยไว้อีกไม่กี่ปี เห็นที กุยห้วยจะทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นดินได้ไม่ยากแล้ว สวนทางกับยอดฝีมือรุ่นปัจจุบันที่กำลังร่วงโรยไปตามกาลเวลา จึงกระชับถุงมือหนังสัตว์ ล้วงทรายพิษมากำไว้แล้ว หวังทดลองใช้ยาพิษสะกดพลังมังกรจักรวาลดูสักครา
แต่การต่อสู้ด้านนั้นก็เริ่มปรากฏผล เป็นหนุ่มน้อยซุนหวนที่มีฝีมือและประสบการณ์น้อยที่สุดในกลุ่ม ที่ถูกพลังฝ่ามือของกุยห้วยฟาดใส่กลางหน้าอกเต็มแรง พร้อมถูกตะกุยซ้ำ บิดดึงกระดูกซี่โครงออกมาจากร่างกายท่อนใหญ่ ล้มลงอาการปางตายไปแล้ว
ซุนเต๋ง พอเห็นซุนหวนบาดเจ็บสาหัส คล้ายสะกดใจเอาไว้ไม่ได้ ถึงกับทิ้งเกาทัณฑ์ชักกระบี่พุ่งตัวออกมาเข้าร่วมวงต่อสู้เพื่อแก้แค้นแทน กุยห้วยเพิ่งได้ชัย มีความรู้สึกฮึกเหิม จึงยอมใช้ท่อนแขนรับกระบี่ แลกกับการตะกุยใส่ศีรษะของผู้มาใหม่ โชคดีที่ลกซุนฉุดรั้งเอาไว้ จึงคว้าไปได้แต่ปอยผมกระจุกใหญ่และผ้าโพกหัว ทำให้ผมเผ้าของซุนเต๋งหลุดสยายออกหลุดลุ่ยจนดูคล้ายเป็นสตรีมากกว่าบุรุษ
“ลูกปัน ถอยกลับมา” เสียงซุนกวนตะโกนสั่ง แต่ซุนเต๋งปลอมหรือซุนลู่ปันยังไม่ยอมหยุดมือ สร้างความขุ่นเคืองใจต่อผู้เป็นพ่อยิ่งนัก จนต้องก้าวเข้ามาใกล้หมายห้ามปราม
ลกซุนคุ้นเคยกับตระกูลซุน ย่อมเข้าใจความรู้สึกห่วงใยของพ่อลูก แต่จนใจที่กำลังรับมือกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต จนฉุกคิดว่า ควรใช้พิษคุณไสยเข้าจัดการหรือไม่ แต่ก็ลังเลใจเพราะฝีมือที่ต่างกันมาก อาจจะทำให้ตัวเองพลาดท่า ถูกฆ่าตายเอาเสียก่อน พลันพบเห็นซุนกวนชี้มือบอกใบ้ไปทางด้านข้าง มันเหลือบตาตามไปพบสายตาคู่หนึ่งรอคอยอยู่นอกวงต่อสู้ เป็นสายตาที่มีสีเขียวจางๆของเล่าปี่
ลกซุนเข้าใจได้ทันทีว่า พวกเสฉวนส่งแผนลับผ่านมาทางซุนกวน จึงส่งสัญญาณต่อให้รู้กันกับเล่งทองที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ทั้งสองใช้ร่างกายของตนเองและซุนลู่ปัน บดบังสายตาศัตรูไว้ จนวงต่อสู้เคลื่อนหมุนมาถูกตำแหน่ง ค่อยช่วยกันกระชากร่างลู่ปันออก เปิดช่องว่างอย่างกระทันหัน ให้เล่าปี่ใช้พลังเนตรมังกรสะกดใส่กุยห้วยในพริบตา
กุยห้วยคล้ายถูกของแข็งกระแทกใส่วูบหนึ่ง แต่ด้วยพลังจักรวาลในร่างกาย ถึงกับทำให้ยังทานทนพลังสะกดไว้ได้ รีบหลบสายตาอย่างรวดเร็ว แต่นางแอ่นก็มิได้หวังพึ่งพาจากพลังเนตรเพียงอย่างเดียว เพราะตัวมันก็หมุนคว้างเข้าใส่กุยห้วย พร้อมสาดทรายพิษกำใหญ่เข้าใส่กลางลำตัวในระยะประชิด กุยห้วยมึนงง แต่ยังว่องไว รีบเบี่ยงตัวหันข้าง กวาดท่อนแขนซ้ายเป็นวงกว้าง รับมือกับอาวุธลับที่ดูไม่ทันว่าเป็นสิ่งไร
ในครั้งนี้ ทรายพิษของตั๋งไป๋ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมตามคำร่ำลือเกี่ยวกับอานุภาพของ “ประกาศิตขนนกยูง” ละอองยาพิษที่ทำร้ายกุนซือหวดเจ้งคนดังในพริบตา ความรุนแรงของพิษร้ายเหนือไปกว่าทรายพิษรุ่นก่อนที่เพียงทำลายโฉมหน้าของอุยเอี๋ยนแค่บางส่วน และนี่คือสาเหตุหนึ่งที่ตั๋งไป๋ค่อนข้างมั่นใจว่า จัดการกับคนพิเศษอย่างกุยห้วยได้
เสียงฉี่ฉ่าดังขึ้น เห็นแขนซ้ายท่อนกลางของกุยห้วยละลายไปถึงกระดูกจนห้อยร่องแร่ง ผู้คนที่มีสายใยแห่งมังกรล้วนรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แขนซ้ายอย่างรุนแรง แต่กุยห้วยมีพลังวิเศษด้านพละกำลังและคงกระพันเกื้อหนุน ทำให้ยังมีสติยืนหยัดได้อยู่
เห็นกุยห้วยกระชากมือซ้ายที่ติดพิษร้ายนั้นออกจากร่างกาย เหวี่ยงใส่ซุนกวนที่พยายามเข้ามาใกล้วงต่อสู้ เพื่อคว้าตัวลูกสาวสุดที่รักออกไปจากอันตราย ก่อนที่มันจะโดดหายไปในความมืดอีกทางหนึ่ง โดยไม่ทันหยุดดูผลงานเลยด้วยซ้ำ
แรงเหวี่ยงที่อัดแน่นด้วยพละกำลังมหาศาล ทำให้มือซ้ายที่มีพิษร้ายปนเปื้อนนั้น ปักทะลุเข้าไปกลางอกซุนกวนจนสะดุ้งสุดตัว มองเห็นพิษร้ายลุกลามจากมือขาดไปตามร่างกายของซุนกวนอย่างรวดเร็ว จนเสือร้ายแห่งกังตั๋งหงายหลังหมดสติ ลกซุนรีบพุ่งตัวไปประคองร่างนายน้อย ทำสัญญาณให้ซุนลู่ปันติดตามตนเองออกไปหาที่สงบเงียบ รักษาอาการของเจ้านครโดยเร็ว ปล่อยให้เล่งทองดูแลสถานการณ์ตรงหน้าต่อไปก่อน
นางแอ่น เล่าปี่ และตันเตา เห็นศัตรูแยกย้ายกันไปแล้ว จึงคิดจะหลบหนีบ้าง แต่ยังติดขัดอยู่กับกองทหารกังตั๋งที่กำลังพยายามกำจัดทหารเสฉวน และนักสู้ผู้พิทักษ์ให้หมดสิ้น
ความชุลมุนวุ่นวายท่ามกลางความมืดทำให้เล่าปี่ไม่อาจใช้พลังเนตรมังกรสะกดผู้คน จึงได้แต่ใช้กระบี่ในมือเปิดทางไปเรื่อยๆ และแล้ว จู่ๆ เล่าปี่ก็ทรุดตัวล้มลงอย่างกระทันหัน จนถูกทหารฝ่ายตรงข้ามฟันซ้ำอีกหลายแผล ก่อนที่นางแอ่นกับตันเตาจะเข้ามาแก้ไขไว้ได้ แต่เล่าปี่ก็โดนอาวุธกระหน่ำจนยับเยินเสียแล้ว
เสียงโห่ร้องดังขึ้นมาจากด้านล่าง กลุ่มทหารสังกัดพายุคลั่ง ภายใต้การนำของขุนพลอุยเอี๋ยน บุกตะลุยฝ่ากองทัพกังตั๋งเข้ามาจนสมทบกันกับพวกเล่าปี่ได้สำเร็จ ขุนพลเล่งทองเห็นว่า ศัตรูมาเสริมเติมแล้ว จึงสั่งการล่าทัพก่อนค่อยบุกซ้ำเติมในภายหลัง
พอสถานการณ์คลี่คลายลงได้แล้ว นางแอ่นรีบเรียกหาหมอหลวงประจำทัพมาดูแลอาการของเล่าปี่ในทันที ที่แท้เป็นจูล่งเกรงว่า การศึกด้านนี้จะมีปัญหา จึงจัดส่งกองทัพพายุคลั่งที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วที่สุด พร้อมกับขุนพลอุยเอี๋ยน รีบเร่งเดินทางมาเสริมกำลังทางด้านอิเหลงแทน แม้ว่าจะมาไม่ทันการสู้รบ แต่ก็ยังช่วยชีวิตผู้นำเอาไว้ได้ทัน
ฟ้าสางแล้ว สมรภูมิรบที่ผ่านการสงครามรบพุ่ง และเพลิงเผาไหม้ตลอดทั้งคืน ปรากฏขึ้นต่อสายตาผู้คนบนเนินเขา เหล่าทหารเสฉวนหลายสิบหมื่นล้มตายกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่ กระโจมสิ่งก่อสร้างที่เสียหาย เริ่มทานน้ำหนักไม่ไหว ค่อยๆพังทลายล้มครืนเป็นระยะๆ ตอกย้ำความล่มสลายของขุมกำลังเสฉวนในครั้งนี้
เล่าปี่พอฟื้นสติขึ้นมา ถึงกัับเส้นเสียงเสียหาย ไม่อาจกล่าววาจาใดๆ ยิ่งพบเห็นสภาพกองทัพเป็นเช่นนี้ ยิ่งเจ็บปวดจนใจแตกสลาย น้ำตาหลั่งไหลไม่หยุดหย่อน จนกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ เสียวเอียนจื่อทนดูไม่ไหว ต้องสะกดจุดหลับซ้ำอีกรอบ สั่งการให้อุยเอี๋ยนช่วยคุ้มครองการถอนทัพกลับไปทางเมืองเป๊กเต้เสีย พร้อมส่งข่าวให้ครอบครัวคนสนิทของเล่าปี่ตามที่ต่างๆให้มาพบพานกัน เพื่อดูใจกษัตริย์เล่าปี่เป็นครั้งสุดท้าย
…
ลกซุน ซุนกวนที่มีผ้าพันแผลปิดบังไปครึ่งค่อนใบหน้า เดินทางกลับมาพบกับเล่งทอง เจียวขิมที่ค่ายแม่ทัพใหญ่เพียงสองคน ซุนลู่ปันกลับขาดหายไป โดยลกซุนอ้างว่า ลู่ปันเสียใจต่อการตายของซุนหวนหรืออดีตฮกหวนเพื่อนสนิท จึงเดินทางกลับไปที่รังลับตระกูลซุนแล้ว แม้ว่ารู้สึกผิดสังเกตอยู่บ้าง แต่พวกเล่งทองก็มิได้ว่ากล่าวกระไร ลกซุนจึงสั่งการให้เจียวขิมจัดทัพเรือเร็วหลายสิบลำยกขบวนย้อนกระแสแม่น้ำไต้กังไปดักสกัดพวกเล่าปี่ก่อนไปถึงเมืองเป๊กเต้เสีย มุ่งหวังจับกุมเล่าปี่ที่กำลังเพลี่ยงพล้ำให้จงได้
แต่ในขณะที่พวกซุนกวน ลกซุน ซุ่มรอคอยให้กองทัพแตกพ่ายของเล่าปี่มาถึงนั้นเอง วัตถุประหลาดสีดำกลับลอยมาตามกระแสน้ำอย่างมากมายนับไม่ถ้วน พอกระทบกับลำเรือ เกิดเสียงตูมตามดังขึ้น พร้อมแสงไฟลุกโชนลุกลามไปทั่วลำเรืออย่างรวดเร็ว ที่แท้ วัตถุประหลาดนั้นถึงกับเป็นกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กที่อัดแน่นด้วยดินระเบิด น้ำมันดิน และเชื้อไฟประทุ พร้อมจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ไปกระทบถูกพวกมัน
บนซอกหลืบแนวผาระยะสูง ชายร่างเล็กมองดูผลงานตนเอง พร้อมกล่าวกับคนที่อยู่ข้างกาย “ค่ายกลระเบิดฟ้าผ่าที่ปรากฏในพงศาวดาร ก็คือ ทุ่นระเบิดกระเบื้องเคลือบของข้านี่เอง หากมันไม่คิดหลบหนี เกรงว่า กองทัพเรือกังตั๋งจะจบสิ้นลงตรงนี้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
ที่แท้ หัวขวานยอดนักประดิษฐ์ หรือ ม้ากิ๋นแห่งซินเอี๋ยได้รับการติดต่อให้มาสร้างกับดักเฝ้าระวังอยู่ที่ปากน้ำเมืองเป๊กเต้เสีย เพราะประเมินว่า จังหวะที่ล่าถอย พวกกังตั๋งต้องคิดรุกรานมาถึงเมืองดังกล่าว แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า หัวขวานจะใช้ของเล่นพิสดารเช่นนี้จัดการกับกองทัพเรือของพวกซุนกวนจนแทบล่มสลายไปทั้งหมด
…
สถานการณ์กองทัพเรือเร็วเริ่มย่ำแย่ เพราะทุ่นระเบิดลอยน้ำมีจำนวนมากมาย ล่องลอยมาตามกระแสน้ำ ทำลายเรือรบไปอย่างรวดเร็ว ทหารบางคนพยายามใช้เกาทัณฑ์ยิงสกัด หรือทิ้งอาวุธเข้าใส่ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะขนาดเป้าหมายที่เล็กเกินไป ลกซุนบนเรือใหญ่คล้ายเงี่ยหูรับฟังสิ่งใด พลันตะโกนสั่งการต่อเจียวขิม เล่งทอง “สละเรือเล็กโอบล้อมเรือใหญ่ ทิ้งใบเรือลงแทนอวนลาก คุ้มครองเจ้านครกลับกังตั๋งโดยเร็ว”
เจียวขิม เล่งทอง เข้าใจในการตัดสินใจในทันที พลางสั่งการให้เสียสละเรือน้อยรับแรงระเบิดไปก่อน เพื่อเปิดทางรอดให้เจ้านาย แต่ทุ่นระเบิดยังเหลือรอดจนเข้ามาใกล้อีกสองสามลูก ซุนกวนเหลือบเห็นเข้า จึงชี้มือส่งเสียงบอก เจียวขิมอยู่ใกล้สุด ได้แต่ตัดสินใจทิ้งตัวลงจากเรือใหญ่ พุ่งเข้ากดทุ่นระเบิดทั้งสามจมลงไปกับตนเองให้ลึกที่สุด เสียงตูมดังขึ้นเบาบาง สายน้ำกระฉอกขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ชีวิตขุนพลครูฝัึกอาวุโสของกังตั๋งก็หลุดลอยไปด้วยหนึ่งคนอย่างเงียบงัน
“ท่านป..” ซุนกวนร่ำร้องด้วยเสียงแหลมแปร่งหู แต่ถูกลกซุนฉุดรั้งให้เข้าไปด้านในลำเรือเสียก่อน พร้อมสั่งการให้เล่งทองดูแลการถอยทัพต่อไป ก่อนที่ทุ่นระเบิดที่เหลือจะลอยตามมาโอบล้อมได้อีกครั้ง นับแต่นั้นมา กองทัพเรือฝ่ายกังตั๋งจึงไม่กล้ารุกรานเข้ามาถึงน่านน้ำฝั่งเสฉวนไปอีกนานหลายปี จนกว่าจะหาทางจัดการแก้ค่ายกลนี้ได้สำเร็จ
…
นางแอ่น-เสียวเอียนจื่อมองดูกองทัพเรือเร็วฝ่ายซุนกวนย่อยยับไปด้วยระเบิดอยู่ตรงหน้าด้วยความยินดี ย่อมคาดเดาได้ว่า เป็นฝีมือของหัวขวานนักประดิษฐ์ แต่ยังเกรงว่า ผู้คนจะร่ำลืออื้ออึง จึงแสร้งตะโกนขึ้นดังๆ “ค่ายกลระเบิดฟ้าผ่าของท่านขงเบ้งช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ได้ยินคำบอกเล่าถึงแผนการนี้มานานแล้ว ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ผลงานอันยอดเยี่ยมจึงไปตกอยู่กับขงเบ้งตามที่นางแอ่นต้องการ เจ้าตัวกวาดตามองไปตามแนวผาสูงจนพบแสงวับวาวอยู่จุดหนึ่ง จึงแอบส่งสัญญาณขอบคุณให้กับหัวขวาน อีกครั้งหนึ่ง แสงนั้นจึงหายลับไป ไม่รู้ว่าอีกเนิ่นนานเพียงไรที่จะได้พบหน้ากันจริงๆ
…
หัวขวานหันมาทักทายกับชายร่างใหญ่สะพายดาบใหญ่ที่เหม่อมองแสงเพลิงเหนือแผ่นน้ำตรงหน้า “หากมิใช่พี่นางแอ่นส่งท่านให้มาตามข้า งานนี้คงไม่เกิดขึ้นดอก ท่านจูล่ง”
จูล่งยังคงซึมเซา หากมิใช่มันตัดสินใจผิดกฏกองทัพ ส่งอุยเอี๋ยนไปช่วยเจ้านาย และอ้างชื่อรหัสลับนางแอ่นไปลากเอาตัวม้ากิ๋นเข้ามาจัดการกับกองทัพซุนกวน เห็นทีว่า งานนี้ เล่าปี่จะไม่รอดชีวิตเป็นแน่ หรือว่า ภรรยารักของตนเองต้องการบ่อนทำลายจ๊กก๊กเองเสียแล้ว บางครั้ง มันเริ่มตำหนิตนเองที่ไม่ควรได้พลังพิเศษมาจากปรากฏการณ์มังกรครั้งนั้นเลย แต่เมื่อรู้สึกตัวขึ้น ม้ากิ๋นก็หายตัวไปเสียแล้ว พร้อมทิ้งข้อความสั้นๆไว้ “รู้ว่าท่านหลอกลวง แต่ยินดีที่จะมาช่วย - ม้ากิ๋น”
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย