23 ส.ค. 2021 เวลา 04:55 • นิยาย เรื่องสั้น
บันทึกกึ่งนิยาย ตอนที่ 14
"Do you believe in True Love?"
ฮาลองเบย์ / แอนเดรีย / โทมัส
12 มีนาคม 2545
Halong Bay & Cat Ba island
ร่ำลาคีธและออกมาจากโรงแรมตั้งแต่เจ็ดโมง เอากระเป๋าเป้ใหญ่ไปฝากไว้ที่ Wing Hotel แล้วนั่งรอรถที่จะมารับที่ Romantic น้องแอนช่วยออกไปซื้อขนมปังและผลไม้มาให้ในราคาคนถิ่น รถที่มารับเป็นรถบัสขนาดกลาง ซึ่งตระเวนรับคนตามบริษัทขายทัวร์ต่าง ๆ และตามโรงแรม จนคนเต็มแน่นขนัดไม่มีที่ว่างเหลือสักที่
ระยะทางจากฮานอยไปฮาลองใช้เวลาสามชั่วโมงกว่า รวมตอนที่ตระเวนรับผู้คนจนเต็มรถ ก็ทำให้เรามาถึงท่าเรือในตอนเที่ยงพอดี อาหารกลางวันที่รวมอยู่ในแพ็คเกจทัวร์ เป็นอาหารง่าย ๆ ท้องถิ่น ทุกคนบนรถจะถูกต้อนให้ไปนั่งในร้านอาหาร ซึ่งมีโต๊ะกลมใหญ่ตั้งกระจายอยู่สี่ห้าโต๊ะ ทุกโต๊ะสามารถนั่งได้หกคน เหมือนกับการกินโต๊ะจีนบ้านเรา
ฉันได้ผู้ร่วมโต๊ะเป็นสายแข็งทั้งสิ้น อาหารคือผัดผัก ลูกชิ้นผัดกับอะไรสักอย่าง ปลาทอดเป็นชิ้น ๆ ถูกราดมาด้วยซอสเปรี้ยวหวาน และเฟรนซ์ฟรายด์ ทุกอย่างถูกฟาดเรียบไม่เหลืออย่างรวดเร็ว และขอเติมข้าวเพิ่มทุกคนไม่เว้นแม้แต่ฉันเอง ซึ่งมองไปโต๊ะข้าง ๆ เห็นยังค่อย ๆ กินอย่างละเมียดละไม
เรามาถึงท่าเรือพร้อม ๆ กับรถทัวร์อีกสองคัน ทั้งหมดจะถูกต้อนขึ้นเรือลำเดียวกัน เรือมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ด้านล่างของเรือมีที่นั่งเป็นเบาะเรียงกันเป็นแถว ๆ แต่อากาศที่เย็นสบายแบบนี้ทุกคนจึงขึ้นอยู่นั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือเกินครึ่ง
ฉันหาทำเลที่เหมาะสมนั่งพิงชื่นชมบรรยากาศ เรือค่อย ๆ แล่นออกจากท่าช้า ๆ น้องสาวคนสวยนางหนึ่งก็หย่อนตัวลงมาข้าง ๆ ฉัน น้องชื่อ Andria มาจากประเทศเยอรมันอายุ 20 ปี
ความเก๋สะดุดตาของน้องคือ ทรงผมเดร็ดล็อคสีทอง กางเกงผ้าป่านสีส้มเก่า ๆ ถูกพันด้วยผ้าถุงลาวสีซีด เสื้อยืดย้วย ๆ สีขาวขุ่น และรองเท้าแตะคีบบาง ๆ คู่นั้น ทำให้น้องสะดุดตาแม้แต่ในหมู่นักแบกเป้ด้วยกัน คือพวกเราน่ะมอซอไม่แพ้น้องแอนเดรียหรอก แต่ความเก๋สู้น้องไม่ได้เลย
ฉันกับแอนเดรียคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย พร้อมกับเสพความงามของบรรยากาศสองข้างทาง ชื่อของอ่าวฮาลองแปลว่ามังกรร่อนลงน้ำ ตั้งชื่อตามตำนานที่ถูกเล่าขานว่าอ่าวแห่งนี้เป็นที่ซึ่งมังกรดึกดำบรรพ์ได้เคยร่อนลงมา
ความสวยงามและสมบูรณ์ของธรรมชาติทำให้อ่าวฮาลองถูกบันทึกไว้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในหนังสือว่าไว้แบบนั้น ฉันก็เห็นตามจริงด้วย ภูเขาหินเหมือนเขาตะปูที่พังงา ผุดโผล่ขึ้นเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่บนอ่าว อากาศที่เย็นเอื่อยและเรือที่แล่นแสนจะเชื่องช้า ทำให้เราค่อย ๆ ละเลียดความงามตรงหน้าได้อิ่มแสนอิ่ม
เรือแวะที่ท่าเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ไกด์ตะโกนบอกว่าสามารถลงไปเที่ยวถ้ำได้ไม่เสียเงินเพิ่ม ข้างในถ้ำเป็นหินงอกหินย้อยสวยงามมหัศจรรย์ ด้านในถูกฉายไฟหลากหลายสี
ถ้ำนี้ชื่อว่า Dao Go แปลว่าถ้ำสวรรค์ มีความกว้างใหญ่พอควร เดินจากด้านหนึ่งมาโผล่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นจะมีทางเดินด้านนอกอ้อมกลับมายังท่าเรืออีกครั้ง ฉันเดินชมเร็ว ๆ ในถ้ำ แล้วออกมาหาซื้อสัปปะรดกับแม่ค้าที่พายเรือเล็ก ๆ มาขายอยู่บริเวณท่าเรืออยู่หลายเจ้า
หนุ่มร่างโย่งชื่อโทมัส จากประเทศเชคที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน เดินมากับหนุ่มเวียดนามที่พูดภาษาเวียดนามไม่ได้เพราะโตที่ฝรั่งเศส เดินตรงมาที่ฉันขอลองชิมสัปปะรดหน่อย ฉันอึ้งไปกับความสนิทชิดเชื้อของอีโทมัสอย่างไม่ทันตั้งตัว นี่เราสนิทกันแล้วใช่มั้ย? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
พอขึ้นมาบนเรืออีกครั้ง โทมัส และหนุ่มเวียดนาม ก็มาร่วมวงกับฉันและแอนเดรีย ฉันถึงได้เห็นถึงความผิดจังหวะ มุขฝืด และไร้กาลเทสะของอีโทมัสอย่างเต็มที่ อาทิเช่น
มีหญิงชาวสเปนคนหนึ่งเป็นหวัดนั่งสั่งน้ำมูกเสียงดัง มันก็พูดยิ้ม ๆ ว่า you go away! you are sick and i don’t want to be sick, i am travelling!! ฉันน่ะรู้เลยว่ามันพูดเล่น ก็ฉันโตมากับวัฒนธรรมการอำกันเป็นล่ำเป็นสันอย่างประเทศไทยนี่นะ แต่ฝรั่งชาติอื่นน่ะเค้าไม่เข้าใจหรอก
พออีโทมัสเริ่มมาแว้งกัดฉันบ้างว่า มาจากไทยแลนด์เหรอ มันไม่ชอบหรอก เพราะไทยแลนด์จน มันชอบเวียดนามมากกว่า ฉันหัวเราะไม่ถือสา แต่ชูมีดพกขึ้นมาว่า พูดอีกก็ได้นะ ฉันมีมีดพร้อมแล้ว เท่านั้นอีโทมัสก็เกาะกลุ่มกับฉันไปจนถึงเกาะ Cat Ba
2
โรงแรมที่พักบนเกาะนี้เป็นห้องแบบสองเตียง ใครที่มาคนเดียวก็จะต้องรอลำดับท้าย ๆ หน่อยเพื่อไกด์จะจัดหาคู่มาพักด้วย ฉันกับแอนเดรียก็เลยจับมือพักห้องเดียวกัน แล้วก็ลงมากินข้าวแบบโต๊ะจีนอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่าจะถูกคอกับหนุ่มโย่งโทมัสขนาดไหนก็ตาม แต่เวลากินข้าวนี้อยากแยกตัวออกไปมาก เพราะจับจ้องแย่งอาหารกินกันเหมือนอดอยาก อีกทั้งฉันก็ค้นพบว่าน้องแอนเดรียผู้แสนจะน่ารักก็สายแข็งเช่นกัน
กินเสร็จท้องฟ้าก็ดึงม่านลงมาแล้ว เมือง Cat Ba ยามย่ำเงียบสงบ แตกต่างจากที่ฮานอย ทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นช้าลงมาก เนิบนาบเข้ากับอารมณ์ของเมือง ฉันกับแอนเดรียเดินเล่นกันไปเรื่อย ๆ
เธอเล่าว่าเธอเพิ่งเรียนจบและยังไม่รู้ว่าจะเรียนต่อทางไหนดีแน่ เลยทำงานเก็บเงินได้สองพันดอลล่าห์ และออกเดินทางท่องเที่ยวมาได้ 6 เดือนแล้ว ฉันร้องอ๋อในใจไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมน้องแอนเดรียที่อายุ 20 เท่าอีคีธ ถึงได้มีความมั่นใจในตัวเองสูง และดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุจริงเช่นนี้ การเดินทางมันทำให้เราโตขึ้นทั้งภายนอกและภายใจจริง ๆ
1
13 มีนาคม 2545
Cat Ba Island - Hanoi
อาหารเช้าของโรงแรมเป็นบุฟเฟ่ต์ง่าย ๆ มีตะกร้าขนมปัง กล้วยและส้มวางอยู่ที่โต๊ะกลาง ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันนักเพราะทุกคนดูเหมือนยังไม่ตื่น ไกด์สาวก็เดินเข้ามาในห้องอาหารถามว่า ใครจองทัวร์แบบสามวันสองคืนให้ไปขึ้นรถได้แล้ว
อีโทมัส พาร่างสูงโย่งลุกขึ้นทันที ฉันร้องออกไปทันควัน เฮ้ แกจองแบบสองวันหนึ่งคืนไว้นะ มันยักไหล่แล้วทำเดินไม่รู้ไม่ชี้ตามคณะไป แต่สุดท้ายก็โดนไล่กลับมา โทมัสหัวเราะแบบไม่สำนึกผิด “จะทดสอบระบบการเช็คชื่อน่ะ”
เก้าโมงเช้า รสบัสก็ขนพวกเราทุกคนไปรอที่ท่าเรือ ฉัน แอนเดรีย โทมัส หนุ่มเวียดนาม และหนุ่มไมค์ ที่เจอกันเมื่อคืนมาจับกลุ่มกันที่หัวเรือ พอเรือทำท่าว่าจะออก ก็มีเสียงโวยวายกันอยู่ด้านล่าง
พวกเราชะโงกหน้าไปดู พอจับใจความได้ว่า ยังขาดหญิงสาวอีกสองคน ไกด์บอกว่า สองคนนั้นกลับพรุ่งนี้ แต่มีคนกลุ่มนึงแย้งว่า เป็นไปไม่ได้เพราะวันนี้ทั้งคู่จะไปประเทศลาว ก็ยื้อกันอยู่สักพัก มอเตอร์ไซด์ก็มาส่งสองสาว ไกด์ต่อว่าเสียงดังแบบไม่ไว้หน้า ว่าทำเสียเวลา และทุกคนบนเรือโกรธมาก น้องแอนเดรียเลยตะโกนบอกไปว่า ไม่มีใครโกรธสักหน่อย พวกเราก็ส่งเสียงสนับสนุนว่า ไม่โกรธ ไม่โกรธ ขึ้นเรือเถอะ จะได้ไป
เรือแล่นออกจากท่าแล้ว ฉันหยิบสมุดวาดภาพออกมา อารมณ์ในตอนนี้ปลอดโปร่งและเป็นอิสระ ฉันรู้สึกว่าความมั่นใจในตัวเองมันพุ่งถึงขีดสูงที่สุด การเดินทางรอนแรมคนเดียวแบบนี้ จะว่าโดดเดียวก็ใช่ แต่ไม่เดียวดาย ผู้คนที่พบเจอระหว่างทาง เหตุการณ์ทั้งหลายที่คาดเดาไม่ได้ ทำให้ฉันสนุก และมองย้อนกลับไปแทบจะไม่เห็นตัวตนเก่า ๆ หลงเหลืออยู่เลย
ไมค์ หนุ่มหล่อเชื้อสายเยอรมันผสมกรีก หยิบเครื่องเล่นซีดีขึ้นมา ฉันก็เอ่ยขึ้นว่าเพิ่งซื้อเพลงมาสี่แผ่น อยากฟังมั้ย แล้วก็ยื่นแผ่นของ Manu Chau ให้ ไมค์เปิดฟังสักพัก ก็ยื่นหูฟังอีกข้างแบ่งให้ฉันฟังด้วย
ฉันปล่อยใจไปกับเสียงของพี่ Manu Chau และปล่อยมือให้ทำหน้าที่วาดรูปอย่างอิสระ สีที่ลงสดใสเหมือนหัวใจฉันตอนนี้ คนในกลุ่มร้องเสียงฮือฮาเมื่อเห็นภาพที่เสร็จ และอีโทมัสก็ส่งเสียงดังเรียกคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆให้มาดู ฮึ่มมม มันน่าเตะจริง ๆ เลย
เรือมาเทียบท่าที่ฮาลองในเวลาเที่ยง พวกเราถูกต้อนให้ไปนั่งกินอาหารที่ร้านเดิม นี่เป็นมื้อที่สามที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนหน้าเดิม ๆ ฉันก็ถอดใจไปแล้วที่จะเปลี่ยนสายไปหากลุ่มที่ไม่กินดุแบบนี้บ้าง เพราะความสนุกสนานและถูกคอที่ก่อเกิดในระยะเวลาสองวันนั้น มันสนุกจนทำให้อาหารรสชาติธรรมดาอร่อยล้ำ
แม้คนในคณะร่วมเรือจะส่งสายตาเอือมระอามาทางโทมัสหนุ่มชาวเชคบ่อย ๆ กับมุขตลกไร้กาลเทศะ แต่กลับกลุ่มเล็ก ๆ ของพวกเรา สามารถรับส่งมุขกันได้อย่างสนุกสนานและไม่เคยขาดเสียงหัวเราะ ฉันแอบเสียดายเล็กน้อยที่เดี๋ยวพวกเราต้องแยกจากกันเสียแล้ว
กินข้าวกลางวันเสร็จก็ทยอยกันขึ้นรถบัสเพื่อกลับเข้าสู่ฮานอย ฉันและแอนเดรียเลือกนั่งติดหน้าต่างทั้งคู่ ไมค์นั่งข้างแอนเดรีย ส่วนโทมัสมานั่งข้างฉัน เราพูดเล่นหยอกล้อกันเหมือนเด็กวัยรุ่นตลอดทาง ทั้ง ๆ ที่คนที่เด็กที่สุดคือน้องแอนเดรียคนสวย ไมค์น่ะสามสิบกว่า ส่วนโทมัสน่าจะไม่หนีไมค์เพราะหน้าแก่มาก
เมื่อฉันบอกความคิดนี้ออกไป อีโทมัสของขึ้นรีบเอาพาสปอร์ตมายืนยันว่าเกิดปีเดียวกับฉันจริง ๆ และย้ำให้ฉันเชื่อว่า เวลาอยู่ที่ประเทศบ้านเกิด หน้าไม่แก่ขนาดนี้หรอก
ก่อนจะถึงฮานอย เราก็แลกอีเมล์ซึ่งกันและกัน โทมัสเขียนอีเมล์ลงในสมุดบันทึกของฉันแล้วบอกว่า เอาอีเมล์ของพ่อไปก็แล้วกัน เพราะเขาไม่ใช้คอมพิวเตอร์ เอ้อ!! ฉันจะเอาอีเมล์พ่อแกไปทำไม๊อีโทมัส!!
2
กลับมาถึงฮานอย เข้าไปเช็คอินที่ Wing Hotel ได้ห้องรวมห้าเตียง แต่มีคนมาพักแค่ 3 คือฉันและหนุ่มญี่ปุ่นอีกสองคน ที่พยายามสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษกระพร่องกระแพร่ง
ฉันก็อดทนคุยอยู่นานด้วยความเข้าใจในความพยายามของพวกเขามาก ๆ ฉันเคยอยู่จุดนี้มาก่อน แม้ตอนนี้จะยังไม่เลยจุดนั้นไปไกลนัก แต่ความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษของฉันก็ดีขึ้นแบบที่ไม่เคยนึกมาก่อน
เย็นนั้นฉันกระวนกระวายใจเมื่อไปถึง Romantic แล้วเช็คไม่พบอีเมล์พี่สันต์ แต่ก็คิดในแง่ดีว่าฉบับล่าสุดที่คุยกันนั้นนัดหมายเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็อยากได้อีเมล์จากพี่สันต์ว่าออกเดินทางแล้ว จะได้สบายใจ
มีแต่อีเมล์ของสเตฟานที่ยังคงเล่ายาว ๆ ถึงกิจกรรมที่ทำ ผู้คนที่เจอ สถานที่ที่ไป เสมือนส่งรายงานผู้ปกครอง และตบท้ายที่นัดแนะกันว่า ยินดีร่วมแชร์ห้องกับสาวไทยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อฉันได้ห้องแล้วให้ส่งอีเมล์มาบอกชื่อโรงแรมและเบอร์ห้องด้วย
1
ก่อนนอน ฉันไม่ลืมค้นหาแสตมป์ไทยที่ติดตัวมาด้วย เพื่อนำไปให้เจ๊ร้านที่ขายกระเป๋าผ้าไหมในวันพรุ่งนี้ ขอทำตัวเป็นทูตทางวัฒนธรรมเสียหน่อยก่อนจะอำลาฮานอยด้วยใจที่เริ่มผูกพัน ไม่น่าเชื่อว่าเมืองที่ฉันช็อคกับเสียงดังแทบร้าวหู จะทำให้ฉันรู้สึกหลงใหลแทบไม่อยากจากไปได้เช่นนี้
ไม่อยากรออ่านเป็นตอน ๆ มี E-Book นะคะ👇
โฆษณา