22 ส.ค. 2021 เวลา 15:17 • ปรัชญา
เวลามีคนถามว่า ต้องทำอย่างไร ถึงจะประสบความสำเร็จได้ ตั้งแต่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ
2
สิ่งที่ผมตอบกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้ง ก็คือ ให้เริ่มล้มเหลว ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบครับ
เพราะมันคือ วัคซีน ชั้นดี ที่จะช่วยป้องกันโรคกลัวความไม่แน่นอนในวันที่คุณต้องเผชิญกับโลกความจริงภายนอกหลังเรียนจบได้
ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ วิกฤตที่คาดเดาไม่ได้ การบริหารที่ล้มเหลวของรัฐบาล สิ่งที่เด็กวัย 20 เกือบทุกคนเป็นกังวลที่สุด ก็คือ ไม่รู้จะเอายังไงกับอนาคตของตัวเอง กลัวว่าเรียนจบไปจะไม่มีงานทำ
อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่า ผมในฐานะเด็กวัย 24 ที่ผ่านตรงนั้นมาได้ และ สำเร็จในระดับนึงแล้ว อยากจะแนะนำอะไรให้กับเด็กวัย 20 ที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนบ้าง ก็คงจะมี 3 ข้อนี้ ครับ
1) อย่ารออนาคต ในเมื่อปัจจุบันสามารถทำได้เลย
.
สิ่งแรกที่เด็กวัย 20 ควรทำ คือ การทิ้ง Mindset ที่ว่า การทำงาน เริ่มต้นหลังเรียนจบ เพราะนั่นเป็นวิธีคิดที่เก่าและล้าหลังแล้ว เพราะจริงๆ การทำงานมันสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้เลย ทำไมต้องรอให้อนาคตมาถึงก่อนแล้วค่อยทำ ในเมื่อในปัจจุบันก็ลงมือทำได้
เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้ทุกคนก็สามารถทำงานได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ยิ่งยุคนี้โอกาสยิ่งเปิดกว้างเข้าไปใหญ่ ส่วนตัวผมเองเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 12 ปี ทั้งชั่งตะปูขาย ทาสีเหล็กกับแรงงานต่างด้าว พอโตหน่อยเป็นนักกีฬาเทควันโด ก็ใช้ความรู้ที่มีมาเปิดชมรมสอนในโรงเรียน และ ต่อยอดไปเปิดโรงเรียนของตัวเองข้างนอก
เพราะพ่อแม่ปลูกฝังความคิดที่ว่า ถ้าอยากได้อะไร ต้องทำงานหาเงินมาซื้อเอง ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะมีเงินที่จะซื้อให้ได้ แต่ท่านก็ไม่ให้ เพราะท่านรู้ดีว่า ถ้าซื้อให้ ลูกได้ของไป มันก็จบแค่นั้น แต่ถ้าให้ทำงานหาเงินเอง ถึงแม้จะได้ของที่ต้องการไปแล้ว แต่ทักษะ และ วิธีการหาเงินยังคงอยู่ติดตัว
3
ถามว่ามีล้มเหลวไหม คำตอบ คือ นับไม่ถ้วน ทุกอย่างที่เคยทำมานั้น ล้มเหลวมาแล้วทั้งหมด เจ๊งมาแล้วทั้งหมด ถึงขนาดต้องยืมเงินเพื่อน 100 บาท มาซื้อมาม่า และ ไข่ไก่ กินทั้งสัปดาห์ ต้องขอไปอาศัยนอนบนพื้นบ้านของเพื่อนมาแล้วก็มี
ชีวิตมหาลัยตลอด 4 ปี เพื่อนๆ เลิกเรียนก็กลับไปนอน วันหยุดก็เที่ยวกลางคืน แต่ผมจะรีบออกจากห้องเรียนแล้วไปทำงานทันที
ทุกวันนี้ผมมีเพื่อน มีรุ่นน้อง และ คนรอบข้าง ที่ประสบความสำเร็จ ทำเงินล้านได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ หรือ เพิ่งจบใหม่มากมาย
มองภายนอก เราอาจจะคิดว่า ทำไมเขาถึงสำเร็จเร็ว ?
แต่ความจริงเบื้องหลังที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ก็คือ พวกเขาล้มเหลวมาก่อนหน้านั้นเป็น 10 ปี แล้ว
1
2) อย่ามองสิ่งที่เป็นอยู่ แต่ให้ดูสิ่งที่เป็นไปได้
1
เศรษฐกิจก็ไม่ดี จะไปทำอะไรได้ เรียนก็ยังไม่จบ ใครเขาจะรับทำงาน ถึงเรียนจบออกไปทำงานเงินเดือนก็น้อย ถ้าพ่อแม่ไม่รวย ไม่มีมรดก ไม่มีทางสร้างตัวในยุคแบบนี้ได้หรอก
3
แน่นอนคำพูดพวกนี้ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมันคือสิ่งที่คุณอาจเป็นอยู่ในปัจจุบัน
แต่สิ่งที่ผมมักจะทำเมื่อมีคนมาพูดแบบนี้ให้ฟังก็คือ การตั้งคำถามกลับไปว่า “แล้วยังไงต่อ ?”
1
- เศรษฐกิจไม่ดี แล้วยังไงต่อ ?
- จบใหม่เงินเดือนน้อย แล้วยังไงต่อ ?
- พ่อแม่ไม่รวย แล้วยังไงต่อ ?
2
คือ ถ้าคุณอยากจะสำเร็จ คุณต้องเลิกพูดคำว่า “ไม่ได้เพราะ…..” แต่ให้เปลี่ยนเป็นพูดว่า “ได้ถ้า…”
2
เช่น
- เริ่มหาเงิน “ไม่ได้เพราะ” เศรษฐกิจไม่ดี
- รวย “ไม่ได้เพราะ” เงินเดือนน้อย
- จบไปก็หางานทำ “ไม่ได้เพราะ” รัฐบาลห่วย
โอเค สิ่งที่พูดมันก็ไม่ได้ผิด แต่การจมปลัก มองแต่สิ่งที่เป็นอยู่ มันไม่ได้ช่วยให้คุณก้าวหน้า
ถ้าคุณอยากจะสำเร็จ อยากจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ตั้งแต่เด็ก คุณต้องรู้จักมองสิ่งที่เป็นไปได้ โดยใช้คำพูดว่า “ได้ถ้า…”
เข่น
- เราจะหาเงินตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ “ได้ถ้า” ลองศึกษาวิธีขายออนไลน์
- เราจะมีรายได้สูง “ได้ถ้า” เพิ่มพูนความรู้ และ ทักษะ นอกห้องเรียนให้กับตัวเอง
- เรียนจบไปเราจะมีงานทำ “ได้ถ้า” เริ่มสร้างงานของตัวเองตั้งแต่วันนี้
1
ถ้าวันนี้ยังไม่มีเงินทุน ลองถามตัวเองว่า มันเป็นไปได้ไหม ที่จะเริ่มต้นธุรกิจได้โดยไม่มีเงินทุน เช่น Dropship, เป็นตัวกลาง, ทำยูทูป ฯลฯ
.
ถ้าวันนี้ยังไม่มีความรู้ ลองถามตัวเองว่า มันเป็นไปได้ไหม ที่จะเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง เช่น หนังสือ, คลิปในยูทูป, พอดแคสต์, การเลือกคบคน ฯลฯ
1
การมองความจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ดี แต่การมองความเป็นไปได้ในอนาคตจะทำให้คุณเดินไปข้างหน้าและสำเร็จได้
1
3) ใช้เครื่องมือออนไลน์
90% ของคนที่ประสบความสำเร็จในวัย 20 ต้นๆ ที่ผมรู้จัก พวกเขาล้วนเติบโตโดยการใช้ออนไลน์เป็นเครื่องมือ
1
นั่นก็เพราะ ออนไลน์ ไม่ต้องการใบปริญญา ไม่ต้องการคนมีเส้นสาย ไม่ต้องการคนมียศใหญ่ ไม่ต้องการคนมีมรดก
ออนไลน์ ต้องการเพียงคนที่รู้จักเรียนรู้วิธีการใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น
1
เพื่อนหลายคนชอบบอกว่าผมเก่ง อายุเท่านี้ ประสบความสำเร็จไปไกลแล้ว แต่สิ่งที่ผมมักตอบกลับไปก็คือ ผมไม่ได้เก่งไปกว่าใครเลย แต่ผมแค่ใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในยุคนี่เท่านั้นเอง
1
เมื่อพูดถึงออนไลน์ ไม่ได้หมายความว่าต้องขายออนไลน์อย่างเดียวนะครับ เพราะนอกจากออนไลน์จะเป็นช่องทางการขายที่ไม่มีขีดจำกัดแล้ว มันยังช่วยเพิ่มมูลค่าในสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วได้ด้วย
อย่างตัวผม ชอบการเขียน ออนไลน์ก็ช่วยทำให้งานเขียน ของผมมีมูลค่า จนต่อยอดไปทำธุรกิจขายออนไลน์ และ อื่นๆ ได้อีก 5 ธุรกิจ ภายใน 2 ปี
หรือ รุ่นน้องของผมคนหนึ่ง ชื่อฟาอัล เขาพิการเดินไม่ได้ตั้งแต่เกิด ที่บ้านถือว่ายากจนมากๆ และถึงแม้วันนี้จะผ่าตัดแล้ว แต่ก็ยังเดินแบบปกติอย่างคนทั่วไปไม่ได้ แต่ด้วยความที่น้องชอบพวกเครื่องสำอาง ก็เลยเปิดช่องยูทูป เปิด Tiktok รีวิวเครื่องสำอางในชีวิตประจำวัน เริ่มตั้งแต่รีวิวของใน 7-eleven จนกระทั่งมีแบรนด์มากมายส่งเครื่องสำอางมาให้รีวิว เริ่มทำรายได้จากยูทูป และ ค่ารีวิว จนเก็บเงินได้ 1 ล้านบาท และด้วยฐานแฟนที่น้องได้สร้างมาตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าๆ น้องก็นำเงินเก็บที่มีไปลงทุนสร้างแบรนด์สินค้าของตัว มีคนมาสมัครขอเป็นตัวแทนมากมาย และ ประสบความสำเร็จได้ ตั้งแต่ยังเรียนอยู่แค่ปี 3 ทั้งที่น้องก็ไม่ได้มีต้นทุนเท่ากับใคร เรียกได้ว่าติดลบด้วยซ้ำไป
1
หรือ บางคนเรียนคณะอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ เรียนถ่ายภาพ เรียนการท่องเที่ยว ตัดต่อได้ ทำกราฟฟิกเป็น หรือ จะเป็นความชอบ เช่น ชอบรถ ชอบกาแฟ ชอบเครื่องสำอาง ชอบอ่านหนังสือ ชอบดูหนัง ฯลฯ
ผมก็เห็นพวกเขาใช้ความรู้ทักษะที่มีมาสร้างตัวตนบนออนไลน์แทนที่จะเรียนแล้วเก็บไว้คนเดียว จนสุดท้ายก็สามารถสร้างรายได้ได้
เผลอๆ คือ สร้างงานให้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่คนที่ทำออนไลน์ตั้งแต่ยังเรียน เมื่อเรียนจบมามักไม่ต้องเดินหางานทำ เพราะพวกเขาสร้างงานของตัวเองเอาไว้แล้ว
ทุกวันนี้ในคลาส Online Signature มีนักศึกษาหลายคนที่เริ่มทำเงินจากออนไลน์ได้ในระดับนึง สมัครเข้ามาเรียน แม้กระทั่งนักศึกษาแพทย์ก็ยังมี เพราะเขามองว่าออนไลน์จะทำให้เขามีอิสรภาพมากกว่าการจบไปแล้วเป็นหมอทำงานในโรงพยาบาล
เพราะเด็กเหล่านี้เขารู้ดี ว่าความรู้ในคลาสนี้ คือ ความรู้ที่เขาจะใช้ทำมาหากินได้ มากกว่าความรู้ในห้องเรียนเสียอีก
นี่แสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วคนที่เขาประสบความสำเร็จเร็ว ตั้งแต่ยังเรียนจบใหม่ๆ ไม่ใช่ว่าเขาเก่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยล้มเหลว แต่พวกเขาแค่เริ่มทำก่อน เริ่มล้มเหลวก่อน ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ เพียงแค่คนส่วนใหญ่เพิ่งมาเห็นในวันที่เขาสำเร็จแล้วเท่านั้นเอง…
โฆษณา