31 ส.ค. 2021 เวลา 06:30 • การเกษตร
ความแตกต่างระหว่าง Yellow Honey, Red Honey & Black Honey Process
คุณอาจจะได้ยินกันคุ้นหูกับกาแฟโปรเซสแบบ Washed process Dry process และ Honey process แต่คุณรู้หรือไม่ว่ากาแฟแบบ Honey process นั้น สามารถแบ่งแยกย่อยออกมาได้อีก วันนี้เรามาทำความรู้จักไปพร้อมๆกันว่ามีอะไรบ้าง
แต่ก่อนที่เราจะมาแยกย่อยกันนั้น เรามาทำความเข้าใจกันสักนิดก่อนว่ากาแฟแก้วโปรดของคุณมาจากไหนและ Honey process คืออะไร
กาแฟหอมกรุ่นแก้วโปรดที่หลายคนต่างหลงใหลนั้นมาจากเชอร์รี่กาแฟ ผลสีแดงสดจากต้นกาแฟ หรืออาจจะมีทั้งสีเหลือง สีส้ม ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของกาแฟ ก่อนจะได้มาเป็นเมล็ดกาแฟคั่วที่หอมกรุ่นนั้นก็ต้องผ่านกระบวนการโปรเซสกันก่อน ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมและพบมากที่สุดก็เห็นจะเป็น Washed process และ Dry process หรือ Natural Process นั่นเอง
และสำหรับหัวข้อหลักของเราในวันนี้อย่าง Honey Process นั้นเป็นการโปรเซสที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Washed process และ Dry process คือมีการนำเอาเชอร์รี่กาแฟมาสีเปลือกและเนื้อของกาแฟออก และนำไปตากแห้งโดยที่ยังมีเมือกเหลืออยู่ที่เมล็ดกาแฟ
สาเหตุที่เรียกว่า Honey Process นั้น เป็นเพราะเมือกที่ติดอยู่กับเมล็ดกาแฟ มีความหวานและเหนียวเหมือนน้ำผึ้งนั่นเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเมือกที่ว่านี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับรสชาติที่เหมือนน้ำผึ้งแต่อย่างใด แต่กาแฟที่ผ่านการโปรเซสด้วยวิธีนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องของรสชาติที่มีความหวานอมเปรี้ยวจนใครๆต่างพากันเข้าใจว่ามันมีรสชาติเหมือนน้ำผึ้งนั่นเอง หรือในบางคนอาจเข้าใจไปถึงว่ามีการใช้น้ำผึ้งในการหมักกาแฟเลยก็เป็นได้
ซึ่งในกระบวนการ Honey Process จะขึ้นอยู่กับจากความร้อน ความชื้น และการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของน้ำตาลกับออกซิเจนในอากาศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ค่อนข้างยาก โดยกาแฟที่ผ่านการผลิตแบบ Honey Process ที่ผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่างจะแบ่งแยกได้ดังนี้
Honey Process สามารถแบ่งแยกออกมาได้ดังนี้คือ White Honey, Yellow Honey, Gold Honey, Red Honey และ Black Honey ซึ่งความแตกต่างของแต่ละแบบนั้นก็สามารถอธิบายได้ดังนี้
อันดับแรก ความแตกต่างง่ายๆ คือ White และ Yellow นั้นจะมีเมือกติดอยู่ที่เมล็ดกาแฟน้อยกว่า หลังจากที่ผ่านกระบวนการโปรเซส แต่ในทางตรงกันข้ามกัน Gold Honey, Red Honey และ Black Honey นั้นจะมีเมือกติดอยู่ที่เมล็ดกาแฟอยู่มากกว่าสองแบบแรกนั่นเอง
White honey จะผ่านกระบวนการล้าง และสีเอาเปลือกของเชอร์รี่กาแฟออกโดยที่หลังจากผ่านกระบวนการดังกล่าวแล้วจะมีเมือกเหลืออยู่ที่เมล็ดกาแฟเพียงเล็กน้อย และเมื่อนำไปตากแห้ง จะมีสีออกเป็นสีขาวคล้าย Washed Process แต่ก็ไม่ได้ขาวเท่ากาแฟที่ผ่านการโปรเซสแบบ Washed
Yellow honey จะผ่านกระบวนการล้าง และสีเอาเปลือกของเชอร์รี่กาแฟออกเช่นเดียวกันกับ White Honey แต่จะต่างกันตรงที่หลังจากผ่านกระบวนการดังกล่าวแล้วนั้นจะมีเมือกที่รอบๆเมล็ดมากกว่า White Honey เล็กน้อย และเมื่อนำไปตากแห้ง กะลากาแฟที่แห้งแล้ว จะมีสีออกไปในโทนสีเหลืองมากขึ้นกว่า White Honey
Gold Honey, Red Honey และ Black Honey ความแตกต่างของทั้ง 3 แบบนั้นคือระดับของเมือกที่เหลืออยู่ที่เมล็ดกาแฟหลังจากการสีเปลือกของเชอร์รี่กาแฟออกแล้ว รวมถึงการควบคุมความชื้นและระยะเวลาที่ใช้ในการตากแห้งนั่นเอง
โดยในแต่ละรูปแบบนั้นก็มีสิ่งที่แตกต่างกันดังนี้
Gold honey จะเป็นการโปรเซสที่เมื่อเชอร์รี่กาแฟผ่านกระบวนการล้าง และสีเอาเปลือกของเชอร์รี่กาแฟออกแล้วมีเมือกเหลืออยู่ที่เมล็ดกาแฟนั้น จะถูกทำให้แห้งในช่วงเวลาที่อบอุ่นและมีแดด ทำให้มีความชื้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Red Honey และ Black Honey ซึ่งการตากในเวลาที่มีแดดนั้นจะช่วยให้กาแฟแห้งเร็วขึ้น จนเมื่อเมือกกาแฟนั้นแห้งแล้วมีสีเหลืองทองที่เข้มกว่าสีเหลืองใน Yellow Honey แต่ไม่ถึงสีแดงแบบ Red Honey
Red honey เป็นการโปรเซสที่เกิดขึ้นโดยใช้พื้นที่ร่มมากขึ้น และโดนแสงแดดน้อยกว่า Gold Honey ทั้งเพื่อชะลอเวลาในการทำให้แห้ง ทำให้ความชื้นที่อยู่ที่กาแฟค่อยๆลดลงทีละน้อย จนเมือกกาแฟที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบนั้นเกิดการพัฒนาตัวเองจนเมื่อแห้งแล้วให้สีออกในโทนสีน้ำตาลแดง นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ Red Honey ในที่สุด
Black honey เป็นการโปรเซสกาแฟในรูปแบบเดียวกันกับ Red Honey คือเมื่อกาแฟผ่านกระบวนการต่างๆจนเหลือเมล็ดกาแฟที่มีเมือกกาแฟอยู่ และถูกนำไปตากแห้งในที่ร่ม โดยให้เมล็ดกาแฟค่อยๆแห้งอย่างช้าๆ และเพิ่มระยะเวลาในการตากแห้งมากขึ้น จนเมื่อแห้งดีแล้วนั้น เมือกของกาแฟได้เปลี่ยนสีเป็นสีออกน้ำตาลเข้ม ไปจนถึงสีดำแต่ไม่ใช่ดำสนิทเสียทีเดียว และด้วยสีที่ออกไปในทางเข้มจนเกือบดำนี้ เป็นเหตุผลที่การโปรเซสในรูปแบบนี้ถูกตั้งชื่อว่า Black Honey Process นั่นเอง
ทั้งนี้การโปรเซสกาแฟในรูปแบบของ Honey Process นั้นต้องใช้เวลาและความอดทนเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องควบคุมปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนารสชาติกาแฟอย่างความชื้น และอุณหภูมิ ในหลายๆครั้งจึงทำให้การโปรเซสในรูปแบบของ Gold Honey, Red Honey และ Black Honey นั้น ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก หรือหากมีก็จะอยู่ในรูปแบบของการโปรเซสในปริมาณที่น้อย แต่ถึงกระนั้น การโปรเซสในรูปแบบ White Honey นั้นเอง ก็อาจทำให้รสชาติของกาแฟที่ได้นั้นไม่แตกต่างกับ Washed Process มากนัก จึงอาจไม่คุ้มค่าที่จะทำ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ Yellow Honey Process นั้นเป็นโปรเซสที่เกษตรกรเลือกใช้มากที่สุดนั่นเอง รวมถึงบลูคอฟก็ด้วยเช่นเดียวกัน
โดยมากแล้วรสชาติที่ได้จากการโปรเซสในรูปแบบ Honey Process นั้น จะให้รสชาติที่สัมผัสได้ถึงความหวานของผลไม้โทนส้มและลิ้นจี่ มีกลิ่นหอมโทนดอกไม้อ่อนๆ มีความสมูทละมุนของโทนช็อกโกแลต ซึ่งนับว่าเหมาะกับคนที่ต้องการกาแฟที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ให้ความสดชื่นทุกครั้งที่ได้ดื่ม ไม่ว่าจะเป็นกาแฟดำ หรือกาแฟใส่นมก็ยังคงความเป็นกาแฟและรสชาติโทนผลไม้ได้อย่างชัดเจน
เห็นแบบนี้แล้วขออนุญาตไปสั่งกาแฟ Americano ร้อนๆสักแก้วไว้ดื่มในวันฝนพรำก่อนดีกว่า และสำหรับใครที่สงสัยว่าแล้วบลูคอฟทำ Honey Process อย่างไรนั้น สามารถติดตามอ่านบทความดีๆแบบนี้ได้ใน Blockdit ของบลูคอฟได้เลย เพราะเราได้พาคุณบุกไปยังหมู่บ้านดอยช้าง จังหวัดเชียงรายกันอีกครั้งเพื่อไขความลับการทำกาแฟ Honey Process ในแบบฉบับของบลูคอฟ
โฆษณา