30 ส.ค. 2021 เวลา 03:49 • หนังสือ
#66 เล่ม 3 บทที่ 14 หน้า 330 ~ 336
N : ผมรู้สึกอึ้ง ทึ่ง และเคารพนับถือเมื่อได้อ่านถ้อยคำเหล่านั้น ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันในลักษณะนี้ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างพวกเราทุกคน เพราะคนนับล้านได้อ่านสิ่งที่เราพูดคุยกันนี้ แล้วยังมีคนอีกไม่รู้กี่ล้านที่จะได้อ่านในอนาคต พวกเราโชคดีเหลือเกินที่พระองค์เข้ามาอยู่ในหัวใจของพวกเรา
G : ลูกรักของฉัน ฉันอยู่ในหัวใจของพวกเธอมาโดยตลอด ฉันดีใจที่ตอนนี้เธอรู้สึกถึงฉันได้จริงๆในหัวใจของเธอ
🌟ฉันอยู่กับเธอเสมอ ไม่เคยจากไปไหน ฉันคือเธอ เธอคือฉัน พวกเราไม่มีวันแยกจากกัน ไม่มีทาง เพราะมัน ‘เป็นไปไม่ได้’🌟
N : เอ๊ะ เดี๋ยวนะครับ❗ นี่มันเดจาวู★ นี่นา เราไม่ได้พูดคำพวกนี้ไปแล้วเหรอ❓
★เดจาวู แปลตรงตัวได้ว่า “เคยเห็นแล้ว” คือความรู้สึกว่าประสบการณ์หรือเหตุการณ์ที่เรากำลังเจออยู่นี้เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อนแล้ว — ผู้แปล
G : ใช่แล้ว❗ ลองย้อนกลับไปอ่านตอนเริ่มต้นของบทที่ 12 สิ เพียงแต่คราวนี้มันจะมีความหมายยิ่งกว่าที่มันหมายถึงในตอนแรก
N : มันจะไม่เจ๋งได้ยังไงหากเดจาวูเป็นเรื่องจริง ว่าบางทีเราก็มีประสบการณ์ถึงบางสิ่ง “ซ้ำอีกรอบ” ได้จริงๆเพื่อจะเข้าใจความหมายของมันได้มากขึ้น❗
G : แล้วเธอคิดว่าไง❓
N : ผมคิดว่าบางทีเดจาวูก็เกิดขึ้นจริงๆ❗
G : เว้นแต่มันจะไม่เกิด
N : เว้นแต่มันจะเกิด❗
G : เยี่ยม พูดได้แค่ว่าเยี่ยมมาก เธอไปได้ไวมากกับความเข้าใจใหม่ ไปได้ไวจนน่าตกใจ
N : อย่างนั้นหรือครับ❓ แต่ตอนนี้ผมมีบางสิ่งที่จำเป็นต้องคุยกับพระองค์อย่างจริงจัง
G : ฉันรู้ ว่ามาเลย
N : วิญญาณเข้ามาอยู่ในร่างตอนไหนครับ❓
G : เธอคิดว่าตอนไหนล่ะ❓
N : ตอนที่มันเลือก
G : ดี
N : แต่ผู้คนต้องการคำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้นะครับ ผู้คนอยากรู้ว่าชีวิตเริ่มขึ้นตอนไหน ชีวิตในความหมายที่เรารู้กันน่ะครับ
G : ฉันเข้าใจ
N : บอกใบ้หน่อยได้มั้ยครับ❓ ตั้งแต่ตอนออกมาจากครรภ์...หรือก็คือตอนที่คลอดออกมา❓ หรือตั้งแต่ตอนเริ่มตั้งครรภ์ที่องค์ประกอบของชีวิตทางกายภาพเกิดขึ้น❓★
★ตรงนี้น่าจะหมายความว่า ตั้งแต่ที่ไข่และสเปอร์มผสมกันจนเกิดเป็นไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว หรือที่เรียกกันว่า ไซโกธ (zygote) — แอดมิน
G : 💥ชีวิตไม่มีจุดเริ่มต้น เพราะชีวิตไม่มีจุดสิ้นสุด ชีวิตเพียงแผ่ขยายงอกเงยออกไป สรรค์สร้างรูปแบบใหม่อันหลากหลายขึ้น💥
1
N : มันต้องเหมือนกับวัตถุเหนียวๆหยุ่นๆในโคมไฟลาวา★ที่ฮิตมากในทศวรรษที่ 60 แน่ๆเลย
ก้อนกลมๆนุ่มๆที่ค่อยๆร่วงลงมาตรงก้นโคมแล้วความร้อนก็จะดันมันให้ลอยขึ้นอีก แล้วก็แตกตัวเป็นก้อนใหม่ เปลี่ยนรูปทรงไปในขณะที่มันค่อยๆลอยขึ้นแล้วก็ไปรวมกับก้อนอื่นๆด้านบน แล้วก็ค่อยๆร่วงลงมาใหม่จนรวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้น แล้วก็เริ่มต้นใหม่แบบนั้นไปเรื่อยๆ
มันไม่เคยมีก้อน “ใหม่” ในหลอดนั่น มันเป็นวัตถุดิบเดียวกันหมด ที่ปรับเปลี่ยนรูปทรงตัวเองให้ “ดูเหมือน” เป็นของ “ใหม่” และ “แตกต่าง” โดยที่รูปทรงก็หลากหลายได้ไม่มีที่สิ้นสุด ดูกระบวนการที่มันแปรสภาพไปเรื่อยๆครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้แล้วก็อดเคลิบเคลิ้มไม่ได้
★ตัวอย่างโคมไฟลาวา — แอดมิน
G : เปรียบเทียบได้ดี วิญญาณก็เป็นแบบนั้นแหละ วิญญาณหนึ่งเดียว (ซึ่งก็คือทั้งหมด) เปลี่ยนรูปหรือแบ่งตัวเองออกเป็นส่วนย่อยๆ ทุก “ส่วน” นั้นมีอยู่แล้วมาตั้งแต่ต้น มันไม่เคยมี “ส่วน” ใหม่ๆเกิดขึ้น มีแต่ส่วนต่างๆของสิ่งที่เคยมีอยู่แล้ว ซึ่งเปลี่ยนรูปตัวเองให้ “ดูเหมือน” เป็นส่วนใหม่ๆและแตกต่าง
N : มันมีเพลงป็อบที่ยอดเยี่ยมอยู่เพลงนึง เขียนและร้องโดย โจน ออสบอร์น เนื้อร้องท่อนหนึ่งในนั้นร้องว่า
“หากพระเจ้านั้นปะปนอยู่ในหมู่ของพวกเราล่ะ? อาจเป็นใครสักคนที่ดูเฟอะฟะเหมือนอย่างพวกเราสักคนหรือเปล่า?” (What if God was one of us? Just a slob like one of us?)
ผมคงต้องขอให้เธอเปลี่ยนเนื้อร้องท่อนนี้ให้เป็น “หากพระเจ้านั้นปะปนอยู่ในหมู่ของพวกเราล่ะ? อาจเป็นใครสักคนที่ดูเหมือนพวกเรานี่แหละ” (What if God was one of us? Just a glob like one of us.)
G : ฮ่า❗ นั่นเป็นเนื้อร้องที่ดีมาก เธอก็รู้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เยี่ยมมาก มันไปกระตุ้นต่อมโมโหของผู้คนทั่วไปหมด ไม่มีใครรับได้กับแนวคิดที่ว่า : ✨ฉันนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเธอ✨
N : ผมขอกลับไปที่คำถามก่อนหน้านี้นะครับ พระองค์จะบอกกับพวกเราสักหน่อยได้มั้ยว่าตอนไหนที่ชีวิตอย่างที่พวกเราเข้าใจได้เริ่มขึ้น❓ วิญญาณเข้าสู่ร่างตรงช่วงเวลาไหน❓
G : 💥วิญญาณไม่ได้เข้าสู่ร่าง
💥วิญญาณห่อหุ้มร่างอยู่
จำที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ได้ไหม❓
🔸 ร่างกายไม่ใช่ที่พำนักของวิญญาณ แต่เป็นไปในทางตรงกันข้าม🔸
🔸ทุกสิ่งมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ตาย” มันไม่มีสภาวะแบบนั้น🔸
🔸สิ่งซึ่งมีชีวิตอยู่ตลอดเวลาเพียงปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นรูปร่างใหม่...เป็นรูปหรือร่างทางกายภาพใหม่ รูปที่ว่านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่มีชีวิต...เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต...เสมอ🔸
💥 ชีวิต (หากเธอเรียกชีวิตว่าเป็นพลังงาน ซึ่งก็คือฉัน) จะอยู่ตรงนั้นเสมอ ไม่มีทางที่จะไม่อยู่ตรงนั้น (ไม่มีทางที่จะไม่มีชีวิต) ชีวิตไม่เคยสิ้นสุด แล้วจะมีจุดที่ชีวิต ‘เริ่มขึ้น’ ได้อย่างไร❓
N : ไม่เอาน่า ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อย พระองค์ก็รู้ว่าผมอยากคุยเรื่องอะไร
G : ใช่ ฉันรู้ เธออยากให้ฉันเข้าร่วมการถกเถียงเรื่องการทำแท้ง
N : ใช่ครับ ผมยอมรับ❗ หมายถึงว่าพระเจ้ามาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว และผมก็มีโอกาสที่จะได้ถามคำถามที่สำคัญเอามากๆ ชีวิตเริ่มต้นตอนไหนครับ❓
G : แล้วคำตอบก็สำคัญมากเสียจนเธอไม่ยอมรับฟัง
N : ลองอีกครั้งได้มั้ยครับ
G : 💥มัน ‘ไม่เคย’ เริ่มต้น — ชีวิต ‘ไม่เคย’ “เริ่มต้น” เพราะชีวิต ‘ไม่เคยสิ้นสุด’💥
เธอต้องการให้ฉันพูดเรื่องกลไกทางชีววิทยาเพื่อจะได้สร้าง “กฎ” ขึ้นมาบนฐานของเรื่องที่เธออยากเรียกว่า “บทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า” (God’s law) ว่าด้วยวิธีที่ผู้คนควรประพฤติปฏิบัติ แล้วก็หาทางลงโทษพวกเขาหากพวกเขาไม่ทำตามนั้น
N : แล้วมันไม่ดีตรงไหนครับ❓ นั่นจะทำให้เราประหารชีวิตหมอในลานจอดรถของแต่ละคลีนิคได้โดยไม่มีความผิด
G : ใช่ ฉันเข้าใจ เธอได้ใช้ฉัน (และใช้สิ่งที่เธออ้างว่าเป็น ‘บทบัญญัติของฉัน’) เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับเรื่องราวต่างๆมาโดยตลอด
N : โอ เถอะน่า❗ ทำไมพระองค์ไม่พูดออกมาง่ายๆว่าการยุติการตั้งครรภ์ (การทำแท้ง) คือการฆาตกรรม❗
G : 🔸เธอไม่สามารถฆ่าใครหรือสิ่งใดได้🔸
N : ใช่ครับ แต่เราสามารถทำให้ “กระบวนการของการมาเป็นปัจเจกวิญญาณ” นั้นสิ้นสุดลงได้❗ และในภาษาของเราก็เรียกมันว่า ‘การฆ่า’
G : เธอไม่สามารถ `หยุด` กระบวนการที่ส่วนหนึ่งของฉันที่กำลังสำแดงตัวเองออกมาในลักษณะใดลักษณะหนึ่งในเชิงปัจเจก 🔸โดยที่ส่วนนั้นของฉันที่กำลังสำแดงตัวเองออกมาไม่ยินยอมได้🔸
1
N : อะไรนะครับ❓ พระองค์กำลังบอกอะไรครับเนี่ย❓
G : ฉันกำลังบอกว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้โดยขัดแย้งกับเจตจำนงของพระเจ้า
💥 ชีวิต และทุกสรรพสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้น คือการสำแดงเจตจำนงของพระเจ้า (ซึ่งก็คือเจตจำนง ‘ของเธอ’) ที่ปรากฏรูป
ฉันได้บอกไปแล้วว่า “เจตจำนงของเธอคือเจตจำนงของฉัน” นั่นก็เพราะว่า “มีเราเพียงหนึ่งเดียว”
✨‘ชีวิต’ คือเจตจำนงของพระเจ้าที่สำแดงตัวออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ✨
หากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นขัดแย้งกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าแล้วไซร้ มันย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ จากนิยามที่ว่าพระเจ้าคือใครและเป็นอะไรแล้ว เรื่องแบบนั้นก็ ‘เป็นไปไม่ได้’
📌 เธอเชื่อว่าวิญญาณดวงหนึ่งสามารถตัดสินใจอะไรบางอย่างแทนวิญญาณอีกดวงได้อย่างนั้นหรือ❓
1
📌 ในฐานะปัจเจกเธอเชื่อว่าพวกเธอแต่ละคนสามารถส่งผลต่อกันและกันในลักษณะที่อีกฝ่ายไม่ต้องการได้รับผลนั้นได้อย่างนั้นใช่ไหม❓
💢 ความเชื่อแบบนี้ต้องมาจากแนวคิดที่ว่าพวกเธอนั้น ‘แยกขาดจากกันและกัน’
📌 เธอเชื่อว่าตัวเธอสามารถส่งผลต่อชีวิตในลักษณะที่พระเจ้าไม่ต้องการให้ชีวิตได้รับผลแบบนั้นได้อย่างนั้นใช่ไหม❓
💢 ความเชื่อแบบนี้ต้องมาจากแนวคิดที่ว่าพวกเธอนั้น ‘แยกขาดจากฉัน’
แนวคิดทั้งสองนี้คือ “แนวคิดที่ผิดพลาด”
💢เป็นความหลงตนอย่างที่สุดที่คิดว่าตัวเองสามารถส่งผลต่อจักรวาลในแบบที่จักรวาลไม่ยินยอมได้💢
พวกเธอกำลังข้องเกี่ยวอยู่กับพลังที่เปี่ยมไปด้วยพลานุภาพอยู่ตรงนี้ และพวกเธอบางคนก็คิดว่าตัวเองมีอานุภาพเหนือกว่าพลังที่มีอานุภาพสูงสุด แต่ไม่ใช่เลย
แล้วพวกเธอก็ ‘ไม่ได้’ มีอานุภาพต่ำกว่าพลังที่มีอานุภาพสูงสุดด้วย
🌟 พวกเธอคือพลังที่มีอานุภาพสูงสุด ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น ฉะนั้นขอพลังจงสถิตอยู่กับเธอ❗
N : พระองค์กำลังบอกว่าผมไม่สามารถฆ่าใครได้โดยที่เขาหรือเธอไม่อนุญาตอย่างนั้นหรือครับ❓
พระองค์กำลังบอกผมว่าจากมุมมองขั้นสูงแล้ว ทุกคนที่ถูกฆ่าต่าง ‘ยินยอม’ ให้ตัวเองถูกฆ่าอย่างนั้นใช่มั้ย❓
G : 🔸เธอกำลังมองเรื่องราวต่างๆจากมุมมองแบบมนุษย์ แล้วก็ทำความเข้าใจมันจากมุมมองแบบมนุษย์เช่นกัน ทั้งหมดนี้เลยฟังดูไม่มีเหตุผลสำหรับเธอ🔸
N : มันช่วยไม่ได้ที่ผมจะคิด “แบบมนุษย์” ก็ผมอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ เป็นมนุษย์อยู่บนโลกในตอนนี้❗
G : ฉันจะบอกกับเธอว่า :
💥เธอนั้น “อยู่ในโลกนี้แต่ไม่ได้เป็นของโลกนี้”💥
1
N : งั้นก็แสดงว่าความเป็นจริงแบบมนุษย์โลกก็ไม่ใช่ความเป็นจริงจริงๆ
G : เธอคิดว่ามันเป็นความจริงจริงๆอย่างนั้นหรือ❓
N : ไม่รู้สิครับ
G : เธอไม่เคยคิดเลยหรือว่า “มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ”❓
N : เคยครับ เคยแน่นอน
G : มันเป็นอย่างนั้นจริงๆนั่นล่ะ ซึ่งฉันกำลังจะอธิบายให้เธอฟัง
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา