5 ก.ย. 2021 เวลา 03:00 • ไอที & แก็ดเจ็ต
อินเตอร์เน็ตช้า โหลดงานไม่ขึ้น ปัญหากวนใจของชาว Work From Home แก้ปัญหาอย่างไรได้บ้าง!!
.กลับมาอีกครั้งสำหรับช่วงเวลา "Work From Home" ซึ่งหลายคนคงมีอุปกรณ์ทำงานพร้อมอยู่แล้ว ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องมือทำงาน แต่ปัญหาในการทำงานก็ยังไม่หมดไปนะคะ เพราะมีอีกสิ่งที่กวนใจ จุกจิก นั้นก็คือ “สัญญาณอินเตอร์เน็ต” ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการสื่อสารและค้นหาข้อมูลในการทำงาน
โดยปัญหาการใช้งานก็มีหลากหลายปัจจัย ทั้งเสาสัญญาณ, รูปแบบที่อยู่อาศัย, จำนวนคนใช้งาน, ช่วงเวลาที่ใช้งาน และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เราเลยขอพามาไขข้อสงสัยพร้อม Tips : เพิ่มสัญญาณอินเตอร์เน็ตภายในบ้านและคอนโดให้เร็วมากยิ่งขึ้น ไปดูรายละเอียดกันค่ะ..
สายสัญญาณอินเตอร์เน็ตในคอนโดและบ้านมีอะไรบ้าง?
VDSL VS Fiber Optic คือ?ต่างกันอย่างไร?
เวลาใช้งานอินเตอร์เน็ตเราจะมีสายสัญญาณที่เชื่อมต่อกับ Router ภายในบ้านหรือคอนโดที่มักเห็นอยู่ในท้องตลาดหลักๆในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ นั้นก็คือ
๐ VDSL : VDSL ถูกพัฒนามาจากยุค Modem และ ADSL แต่ก็ยังเป็นการส่งสัญญาณผ่านเส้น "ลวดทองแดง" ที่มีข้อจำกัด "สัญญาณแนวสูงอาจจะมีคลื่นรบกวน" แถมความเร็วของสัญญาณยังไม่เท่ากันตลอดทั้งสาย ทำให้คนที่อยู่สูงเกินชั้น 20 ขึ้นไป อาจจะใช้งานได้ไม่เร็วมากนักเมื่อเทียบกับคนที่อยู่ชั้นล่างๆ อีกปัจจัยหนึ่งคือ "ไม่สามารถทำความเร็วได้เกิน 75/50 Mbps" ที่ถ้าใช้งานเยอะๆอาจจะไม่เพียงพอ
๐ Fibre Optic : "โครงข่ายใยแก้วนำแสง" เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโครงข่ายอินเตอร์เน็ตยุคนี้ ที่นำเข้ามาทดแทนการใช้สายทองแดงในระบบ VDSL แบบเดิม ทำลายข้อจำกัดทั้งหมดของ VDSL เนื่องจากเป็นการส่งข้อมูลด้วยการยิงลำแสงผ่านใยแก้ว ที่มีความเสถียรมากขึ้น "ใช้ความเร็วได้ถึง 1 Gbps หรือ 1000 Mbps" ส่วนใหญ่นิยมใช้ในโครงการแนวราบ
หน่วยวัดค่าอินเตอร์เน็ตใน Speed Test ที่เราควรเข้าใจ?
Speed Test เป็นการวัดค่าความเร็ว"อินเตอร์เน็ต" ซึ่งจะมีการวัดออกมาเป็น 3 ค่าด้วยกัน นั้นก็คือ Download, Upload และ Ping  ที่ดูจากความเร็วของการรับ-ส่งไฟล์เป็นหลัก โดยค่า Download,Upload ใช้หน่วยเป็น Mbps (Mega bit per sec) ค่าตัวนี้ยิ่งมากยิ่งดี เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่า 1 วินาที > อินเตอร์เน็ตของคุณสามารถรับ-ส่งไฟล์ได้เท่าใด
๐ Download : ความเร็วในการ "รับข้อมูล" ยิ่งมีค่าดาวน์โหลดมากยิ่งดี แปลว่าสามารถรับข้อมูลได้ครั้งละมากๆ โหลดเร็ว เช่นเวลาเราดู YouTube, Facebook, Twitter, Netflix เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีความเร็วสูงสุดถึง 1000 Mbps
๐ Upload : ความเร็วในการ "ส่งข้อมูล" ยิ่งค่าตัวเลขมากแสดงว่าส่งงานได้เร็ว เช่น Upload รูปภาพลง Facebook หรือการส่งไฟล์งานผ่าน Mail เป็นต้น โดยปัจจุบันมีความเร็วสูงสุดถึง 1000 Mbps เช่นกัน
ค่า Ping คืออะไร?
เป็นค่าเวลาซึ่งใช้ในการจัดส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ตัวเอง ไปยัง Server หรือตัว Router และคำนวณเวลาตอบสนอง ซึ่งค่าตัวนี้จะตรงข้ามกับ Download/Upload แปลว่า "ยิ่งค่าปิงน้อยยิ่งดี"  แสดงว่า Server ตอบกลับคอมพิวเตอร์ของคุณเร็วขนาดไหน โดยปิงมีหน่วยวัดเป็น ms (milli-second) ซึ่งเห็นได้ชัดเวลาเล่นเกมส์ออนไลน์ ถ้าค่า Ping ยิ่งเยอะ เวลาเราเล่นเกมส์ภาพจะเกิดการกระตุก และเล่นได้ไม่ลื่นไหลนะคะ
สิ่งที่เราควรสำรวจเบื้องต้นของการใช้งานอินเตอร์เน็ต
ก่อนติดตั้งอินเทอร์เน็ตเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราใช้อินเทอร์เน็ตเพื่ออะไร? ยิ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 นั้นคนหันมาทำงานที่บ้านกันมากขึ้น รวมถึงการสั่งซื้ออาหาร สินคาออนไลน์ หรือแม้กระทั้งความบันเทิงต่างๆ ล้วนจำเป็นต้องใช้ WIFI ทั้งสิ้น ดังนั้นเราควรสำรวจการทำงานของตัวเองก่อน ว่าเราใช้ไปกับการทำอะไรบ้าง? เพื่อให้เลือกความเร็วในการใช้งานได้เหมาะสม
ทำความเข้าใจความเร็วในการใช้งานอินเตอร์เน็ต
คนที่ใช้งานทั่วไป : พิมพ์งานทั่วไป Microsoft Office, Line ใช้ความเร็วประมาณ 5-10 Mbps
คอหนัง : ที่ต้องดาวน์โหลดภาพยนตร์หรือซีรีส์ทั้งเรื่อง จาก YouTube, Netflix ใช้ความเร็วประมาณ 10-20 Mbps
ครอบครัว : คนที่บ้านมีสมาชิกเยอะแชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตจากแหล่งเดียวกัน ใช้ความเร็วประมาณ 15-50 Mbps
สาวกเกมส์ออนไลน์ : สำหรับคนที่ชอบสตรีมเกมต้องใช้ความคมชัดถึง 4K ใช้ความเร็วประมาณ 100-200 Mbps ขึ้นไป
**หมายเหตุ : เราไม่ควรเลือกอินเตอร์ความเร็วสูงโดยไม่จำเป็น เพราะถ้าเราใช้งานไม่ถึงจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ แนะนำให้เราลองสำรวจการใช้งาน WIFI ของบ้านตัวเอง ว่าใช้งานอยู่ที่ประมาณเท่าไร? ซึ่งเราสามารถขอเช็คกับผู้ให้บริการได้นะคะ
การใช้งาน "อินเตอร์เน็ต" สำหรับคนอยู่คอนโด
คนที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนคอนโดจะมีข้อจำกัดมากกว่าคนที่อยู่บ้านแนวราบ เนื่องจากส่วนใหญ่คอนโดมักเดินสายด้วยระบบ VDSL เพราะมีราคาต่ำกว่าติดตั้งสาย Fiber Optic ซึ่งหมายความว่าแม้เราจะติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงถึง 1000/1000 Mbps ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะตัวสาย VDSL ใช้งานได้ไม่เกิน 75/50Mbps อยู่ดี ซึ่งหลายคนที่ไม่เข้าใจก็มักตำหนิไปที่ผู้ให้บริการ ทั้งที่จริงแล้วปัญหาคือสายสัญญาณของคอนโด ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกบริการใดๆ ควรสอบถามไปที่นิติฯก่อนนะคะ
ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น
1.ตำแหน่งการวาง Router
แนะนำให้วางไว้ตรงกลางของห้อง บริเวณพื้นที่เปิดโล่ง มีสิ่งรบกวนสัญญาณไม่มากนัก ตำแหน่งที่รับสัญญาณดีที่สุดคืออยู่ในระยะไม่เกิน 10 เมตร สำหรับ Router ทั่วไป แต่ก็จะมีรุ่นที่ราคาแพง ซึ่งสามารถกระจายสัญญาณได้ไกลมากยิ่งขึ้น
ยกตัว Router ไว้ที่สูงๆ เพราะช่วยกระจายสัญญาณได้ดี เช่น บนชั้นวางของ รวมถึงไม่ควรวางชิดติดผนังมากนัก เพราะทำให้ตัว Router มีความร้อนและทำงานได้ไม่ดี
สำหรับเสาสัญญาณปรับให้ตั้งตรง เพื่อให้กระจายได้สัญญาณได้ดี หรือถ้ากรณีใช้คนเดียวสามารถปรับเสาสัญญาณให้เอียงชี้ไปทางที่ต้องการใช้งานได้เลย
2.เสียบสาย LAN
สำหรับใครที่มีคอมพิวเตอร์ PC หรือปัจจุบันหลายๆคนเริ่มหันมาใช้ทีวีแบบ Smart TV กันหมดแล้ว แนะนำให้เสียบสาย LAN เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ Router เข้าด้วยกัน เป็นการรับสัญญาณโดยตรงที่มีความเสถียรมากกว่าใช้ WIFI โดย Router 1 ตัว มีช่องต่อสาย LAN มาให้ 3-4 ช่องแล้วแต่รุ่นนะคะ
3.เพิ่มตัวกระจายสัญญาณ
ติดตัวกระจายสัญญาณ WIFI เพื่อขยายพื้นที่การใช้งาน WIFI ให้มีขอบเขตที่กว้างมากยิ่งขึ้น ด้วยการรับสัญญาณ WIFI จากจุดปล่อยมาที่ตัวเอง แล้วค่อยทำการส่งและขยายสัญญาณไปที่อุปกรณ์อีกที ทำให้สัญญาณครอบคลุมทั้งห้อง รวมถึงยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยจัดการกับปัญหาของมุมอับสัญญาณต่างๆได้เป็นอย่างดี
4.เพิ่ม Router 2 ตัว ของ 2 ผู้ให้บริการ
ขั้นตอนสุดท้ายถ้าหากปรับเปลี่ยนหมดทุกอย่างแล้ว อินเตอร์เน็ตยังช้าหรือว่ากระตุก เนื่องจากคอนโดมีความเร็วที่ค่อนข้างจำกัด ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เราแนะนำให้ติดตั้ง Router 2 ตัว จาก 2 ผู้ให้บริการไปเลย โดยแบ่งหน้าที่กันทำงาน ยกตัวอย่าง Router ตัวแรก ติดไว้สำหรับใช้ WIFI กับคอมพิวเตอร์ Notebook หรือมือถือ ส่วน Router ตัวที่สองให้เอาสาย LAN เสียบเชื่อมต่อกับอุปกรณ์โดยตรงทั้ง คอมพิวเตอร์ PC หรือ Smart TV เป็นต้น ที่ไม่ต้องแย่งการใช้งาน แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นด้วย
การใช้งาน "อินเตอร์เน็ต" สำหรับคนอยู่บ้านแนวราบ
สำหรับโครงการแนวราบต้องบอกว่ามีตัวเลือกมากกว่าคนที่ใช้งานคอนโดแน่นอน เพราะส่วนใหญ่บ้านสามารถเดินสาย Fiber Optic หรือเส้นใยแก้วนำแสงที่มีความเสถียรมากกว่า โดยเป็นการต่อตรงเข้ามาจนถึง Router ในบ้านได้เลย ไม่ผ่านการแปลงสัญญาณเป็นรูปแบบอื่น ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตงานจึงได้รับประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วย กรณีที่บ้านมีสมาชิกเยอะ หรือเปิดบ้านเป็นลักษณะ Home Office นั้น Router เพียงตัวเดียวอาจจะไม่เพียงพอ
Tips : เพิ่มสัญญาณ Wifi ภายในบ้านให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับปัญหาของคนที่อยู่อาศัยบ้านแนวราบ น่าจะเป็นเรื่องสัญญาณที่ส่งไม่ถึงห้องชั้นบนๆ ซึ่งในสมัยก่อนบ้าน 1 หลังติด Router ได้ 1 ตัวเท่านั้น แต่ปัจจุบันทางผู้ให้บริการหลายๆเครือข่ายก็ออกมาทำโปรโมชันติดตั้ง Router 2 ตัวภายในบ้านหลังเดียวกัน ที่ช่วยแก้ปัญหาการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคนที่อยู่ชั้นสูงๆได้นะคะ
หากต้องทำงานที่บ้านหรือ Work From Home แล้วนอกจากเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตช้าที่เป็นปัญหาแล้ว หลายๆคนยังเจอปัญหาการจัดบ้านให้เหมาะกับการนั่งทำงาน เรามีเทคนิคการจัดบ้านให้พร้อมWork From Home ตามขนาดพื้นที่และสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพนั้นๆได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
บทความนี้เป็นเนื้อหาสั้นๆ ที่ต้องการให้ผู้อ่านทั่วไปมองเห็นภาพง่ายมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหากวนใจของคนทำงานที่บ้านในช่วงนี้ โดยผู้เขียนหวังว่าบทความเล็กเล็กนี้ จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับคนอ่านที่อยากแก้ไข ปัญหาโหลดงานช้า เน็ตกระตุก ส่งงานไม่ไป ได้ไม่มากก็น้อย และเข้าใจหน่วยวัดในการใช้งานอินเตอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น แอบบอกหน่อยว่าเราควรหมั่นเช็ค Speed Internet บ่อยๆ เพื่อทดสอบว่ายังได้ความเร็วตรงกับแพ็คเกจที่เราเลือกกันรึเปล่า!!
สำหรับผู้อ่านท่านไหนมีประสบการณ์ หรือคำแนะนำ สามารถแบ่งปันเพื่อนๆคนอื่นได้ด้วยการคอมเมนต์บอกเล่าเรื่องราวใต้บทความนี้ได้เลย สุดท้ายนี้หวังว่าปีนี้เราจะผ่านเรื่องราวร้ายๆไปด้วยกัน และขอให้เป็นปีที่ดีของทุกคนนะคะ ครั้งหน้า Think of Living มีบทความดีๆอะไรมานำเสนอ อย่าลืมติดตามกันด้วยน้าาา ^^
ติดตามพวกเราได้ที่
Facebook : ThinkofLiving
LINE Official Account : https://lin.ee/svACOxc
โฆษณา