5 ก.ย. 2021 เวลา 01:30 • หนังสือ
The Range
วิชารู้รอบ
สำนักพิมพ์ SALT
เขียน David Epstein
แปล ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
จำนวนเนื้อหา 340 หน้า
เรื่องราวมุมมองการมอง วิเคราะห์ปัญหาที่พบเจอในแต่ละเรื่องราว แต่ละปัญหา ผ่านมุมมองการแก้ไขปัญหาแบบ สเปเชี่ยลลิสต์(นักแก้ปัญหาแบบเฉพาะเจาะจง) ,แบบวงกว้าง(นักแก้ปัญหาแบบมุมมองโลกภายนอก) ทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร
การแก้ไขปัญหาแบบที่ต้องอาศัยความสามารถแบบเฉพาะตัว และการแก้ไขปัญหาแบบวงกว้างที่ใช้ความรู้รอบตัวนั้น อาจเปรียบได้กับขั้วตรงข้ามกัน อย่างขั้วลบ และขั้วบวก และปัญหาหลายๆอย่างล้วนถูกแก้ไขได้โดยผู้คนทั้ง 2ประเภทนี้ โดยในหนังสือเล่มนี้จะเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พบเจอกับความสามารถทั้ง2แบบ โดยที่แต่ละแบบต่างมีองค์ความรู้ ของที่มาแตกต่างกัน แต่สามารถนำความสามารถเหล่านั้นมาแก้ไขปัญหาที่พบเจอได้ ทั้งในแง่การกีฬา ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ปัญหานวัตกรรมของโลก ที่วิทยศาสตร์กำลังเป็นแรงขับเคลื่อนการก้าวหน้าไปของโลกในทุกวันนี้ นี่จึงเป็นการแสดงที่พิสูจน์ว่าทุกปัญหาในโลกล้วนสามารถแก้ไขได้
แม้ว่าตอนนี้อาจยังไม่ได้ ไม่มีหนทางแก้ปัญหาในตอนนี้ แต่ในอนาคตปัญหานั้นจะได้รับการปัดฝุ่นผ่านวิธีคิดทั้งสองแบบที่แตกต่างกัน แต่แนวคิดที่แตกต่างกันทั้งสองแบบที่เรารู้จักนี้ต่างนำพาไปสู่การแก้ไขปัญหาที่อาจเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเราไปเลยก็ได้
ในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวไปที่กลุ่มคนที่มีความสามารถแบบวงกว้างหรือถ้าจะเรียกแบบทั่วไปคือ “เป็ด” เป็นความหมายของคนที่มีความสามารถครึ่งๆกลางๆ พวกที่ใครหลายๆคนมองพวกเขาว่าไม่มีความเก่ง ป็นผู้นำไม่ได้ ไปไม่ถึงที่สุด แต่ใครจะรู้ว่าการรู้อะไรอย่างละนิด แต่รู้หลายอย่างก็สามารถทำประโยชน์ให้กับตัวเราเองได้เหมือนกัน ในหนังสือจะเน้นไปที่เรื่องราวในโลกของกลุ่มคนที่นิยามตัวเองว่าเป็น “เป็ด” เป็นหลัก พวกเขาเหล่านั้นสามารถเติบโตจากความไม่สมบูรณ์พร้อมได้อย่างไร อะไรที่เป็นตัวชี้นำให้พวกเขากล้าเดินทางไปบนเส้นทางสายอาชีพนั้นที่มองไม่เห็นปลายทางจนประสบความสำเร็จได้
เพราะในบางครั้งเหตุการณ์ในชีวิตไม่คาดคิดที่ผ่านมา ก็อาจมีหนทางแก้ปัญหาซ่อนอยู่ในเหตุการณ์นั้น อยู่ที่ตัวเราจะค้นพบและนำมาใช้ได้ตอนไหน ถ้ารู้สึกว่าพบเจอกับปัญหาที่กำลงัเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ ลองหลับตาและมองย้อนไปยังเหตุการณ์ต่างๆในอดีต จงลองที่จะมองหาหนทางแก้ปัญหาจากตรงนั้นดู
โดยมีทั้งเรื่องราวของจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ วินเซนต์แวนโก๊ะ ที่กว่าจะทำให้ผลงานเป็นที่ยอมรับต้องผ่านอุปสรรคกในการค้นหาเส้นทางของตัวเองมากมายมากี่เส้นทางแล้ว และในท้ายที่สุดการที่ตัวเองได้พบเจอกับเรื่องราวหลายทาง มารวมกันผลงานในตอนสุดท้ายจึงทำให้คนผู้นั้นสามารถก้าวขึ้นมายืนเหนือผู้คนอีกมากมายได้ในฐานะศิลปิน
โยโกอิ ผู้ที่ได้กำเนิด เกมส์บอย(Game Boy) ที่โด่งดังจนทำยอดขายได้ถล่มทลายจนอาจพูดได้ว่าเปลี่ยนวงการการเล่นเกมไปเลย ครั้งหนึ่งตัวโยโกอิก็ได้ใช้เทคโนโลยีที่ล้าสมัยไปแล้วมาทำเกม โดยที่ตัวเขาเล่าว่าตัวเองได้ดูเพียงข้อมูลเบื้องต้นส่วนแต่ในข้อมูลเชิงลึกยังมีซาโตรุ โอกาดะเป็นผู้ออกแบบเกมส์และคอยจัดการกับการแก้ไขปัญหาเชิงลึกที่เกิดขึ้น นี่จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่กลุ่มคนแบบ “เป็ด” สามารถสร้างผลงานที่พลิกวงการได้ แม้อาจไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนโลกได้
“เขาเลือกไม่เชี่ยวชาญอะไรสักอย่าง ปราถณาจะเฝ้ามองเนื้องานในภาพกว้าง แทนการพุ่งเป้าไปยังส่วนใดส่วนหนึ่ง วิธีนี้เองที่สร้างผลลัพธ์ได้ยอดเยี่ยมที่สุด”
และสำหรับเพื่อนๆที่คิดว่าตัวเองยังมีความสามารถไม่เพียงพอไม่รู้อะไรที่เฉพาะเจาะจงเลยสักอย่างและเริ่มหมดกำลังใจ บางทีหนังสือเล่มนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้สำหรับเหล่าคนที่ไม่เก่งด้านใดด้านหนึ่งเลยหรือกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า “เป็ด” เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้สามารถบอกได้เป็นอย่างดีว่ากลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า “เป็ด” สามารถก้าวขึ้นมาได้เหมือนกันโดยที่รู้อะไรอย่างละนิด ไม่ต้องเชี่ยวชาญเฉพาะทางก็ได้
“ทุกความสามารถยังคงหลับใหลอยู่ในตัวเรา และรอวันที่จะได้พบกับโอกาศแม้เพียงสักครั้งในชีวิตที่จะปลุกความสามารถนั้นให้ตื่นขึ้นมา”
หามาอ่านเถอะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา