5 ก.ย. 2021 เวลา 08:07 • ประวัติศาสตร์
มีชาติใดบ้าง!? เผย 5 ประเทศที่ถูกรังเกียจและโดนพูดถึงในแง่ลบมากที่สุดในโลก!! (ภาคสอง)
1
ก่อนอื่นผมขอชี้แจงก่อน บทความนี้ ผมนำข้อมูลมาจาก Quora และ Ranktopten โดยมีข้อมูลจากแห่งอ้างอิงต่าง ๆ จากในไทยและต่างประเทศอีกหลายแห่งมาใช้ประกอบกัน เพื่อนำมาเรียบเรียงและเขียนเป็นบทความนี้
1
โดยผมได้พยายามเขียนโดยอาศัยข้อมูลที่เชื่อถือได้ และมีความเป็นกลางมากที่สุด เพื่อให้บทความนี้ดูไม่เป็นโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้นะครับ แต่ไม่ว่ายังไงก็ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
1
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
1.อิสราเอล
ประเทศแห่งนี้ถูกต่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของชาวยิวหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง อิสราเอลเป็นประเทศขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ใจกกลางกลุ่มประเทศอาหรับ โดยทางตะวันตกเฉียงใต้ติดกับอียิปต์และฉนวนกาซา ทางทิศตะวันออกติดกับจอร์แดน และทางทิศเหนือติดกับซีเรียและเลบานอน เขตเวสต์แบงค์ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของทหารอิสราเอลมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1967
อิสราเอลตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศาสนา ที่เพื่อนบ้านของพวกเขาล้วนเป็นประเทศมุสลิม ด้วยความที่ได้รับการสนับสนุนจากพี่ใหญ่อย่างสหรัฐฯ จึงทำให้อิสราเอลได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวปาเลสไตน์อย่างหนักหน่วย ไม่ว่าจะเป็นการกักบริเวณและการปราบปรามอย่างรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและล้มตายเป็นจำนวนมากในเขตเวสต์แบงค์และฉนวนกาซา จนทำให้กลุ่มประเทศมุสลิมทั่วโลกรังเกียจและไม่อยากคบค้าสมาคมกับพวกเขาด้วย
5
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องขบวนการไซโอนิสต์ (Zionism) กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองและอุดมคติทางการเมือง ที่ว่าด้วยการสนับสนุนและหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้กับชาวยิวที่กระจัดกระจายทั่วโลกให้มารวมกันเป็นหนึ่งเดียว จนทำให้มีทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ที่เชื่อกันว่าชาวยิวต้องการครองโลกและต้องการจัดระเบียบโลกใหม่ ซึ่งชาวมุสลิมมองว่านี่คือเหตุผลที่พวกเขาจะต้องต่อต้านอิสราเอลและลูกพี่ใหญ่อย่างสหรัฐฯ จนทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านชาวอาหรับเกิดขึ้นมากมาย
2
ในมุมมองของอิสราเอล พวกเขาอาจมองตนเองว่าเป็นผู้ถูกเลือกของพระเจ้า แต่ในมุมมองของชาวมุสลิม พวกเขามองว่าชาวยิวคือซาตาน คือศัตรูตัวฉกาจของชาวมุสลิม
อิสราเอล ชนชาติที่ถูกชาวมุสลิมรังเกียจมากที่สุด
2. ฝรั่งเศส
ฝรั่งเศส ประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์เย้ายวนใจ คือจุดหมายของนักท่องเที่ยวเกือบทุกคนบนโลกที่อยากจะไปเยือนประเทศที่สวยงามแห่งนี้สักครั้ง ฝรั่งเศสมีชื่อเสียงด้านอาหาร นักเขียน นักปราชญ์ และศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ประเทศฝรั่งเศสยังมีภูมิประเทศที่สวยงามน่าอยู่
1
แต่ภายใต้ใบหน้าที่งดงาม ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่ากลัวซ่อนอยู่ เพราะแท้จริงแล้ว ฝรั่งเศสก็คือหนึ่งในชาติเจ้าอาณานิคมที่ออกรุกรานดินแดนต่าง ๆ ไปทั่วโลก เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษ และพวกเขาได้ก่อสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนและทรัพยากรจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
2
กล่าวกันว่าชาวฝรั่งเศส ไม่ค่อยชื่นชอบชาวต่างชาติ ไม่ชอบชาวมุสลิมและชาวแอฟริกันอพยพสักที่มาอาศัยในประเทศฝรั่งเศสเท่าไรนัก เนื่องจากพวกเขามองว่าคนกลุ่มนี้มักสร้างความวุ่นวาย และมองว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศสเหมือนพวกตน แต่ก็ยังมีประเด็นที่ย้อนแย้งอยู่บ้าง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของฟุตบอล ในทีมชาติฝรั่งเศส นักเตะส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนผิวสี นับถือศาสนาอิสลาม เป็นผู้อพยพจากแอฟริกัน เมื่อไรก็ตามที่พวกเขาชนะทีมคู่แข่ง หรือได้ผลการแข่งขันที่น่าพอใจ ที่จะถูกยกย่องว่าเป็นชาวฝรั่งเศสเวลาที่พวกเขาชนะทีมคู่แข่ง หรือไปแข่งขันแล้วได้ถ้วยรางวัลกลับมาเท่านั้น
11
นอกจากนี้ เมื่อมองในภูมิภาคอาเซียนแถบบ้านเรา ประเทศไทยและกัมพูชาก็เคยมีประเด็นเรื่องกรณีเขาพระวิหาร ที่ก่อให้เกิดกรณีพิพาทในปี ค.ศ.2008 – 2011 จนทำให้เกิดการปะทะกันของกองกำลังทั้งสองฝ่าย จนภายหลังศาลโลกต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยคู่กรณีทั้งสองฝ่าย และกรณีของเกาะฟูกร๊วก ที่ชาวกัมพูชาเชื่อว่าเกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ในดินแดนของกัมพูชา และกลับกลายเป็นเวียดนามที่ได้ครอบครองเกาะแห่งนี้ไป และเวียดนาม หนึ่งในประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่ต้องต่อสู้เพื่อขับไล่เจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส ลากยาวไปจนถึงชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ กว่าที่พวกเขาจะได้เอกราชและรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว ก็ต้องสูญเสียชีวิตพลเรือนไปนับล้านคน
4
(ตัวอย่างข้อมูลอ้างอิงด้านล่าง)
1
ฝรั่งเศสเองก็ถูกมองว่าไม่ต่างอะไรจากอังกฤษที่เป็นนักล่าอาณานิมคม หลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลง พวกเขาได้ทิ้งปัญหามากมายเอาไว้เบื้องหลังให้ประเทศที่เหลือต้องพบกับปัญหาข้อพิพาทเรื่องดินแดนจนหาข้อสรุปไม่ได้จนถึงทุกวันนี้
ภาพวาดการรุกรานของกองทัพฝรั่งเศสและกองทัพราชวงศ์เหงียน ในการรบที่นาม ดินห์ (Nam Dinh) เมื่อปี ค.ศ.1883
3. ซาอุดิอาระเบีย
ซาอุดิอาระเบีย คือประเทศที่มั่งคั่งร่ำรวยจากการค้าขายน้ำมัน พวกเขาเป็นประเทศที่มีความสุดโต่งในด้านความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นชาติที่เคร่งครัดตามหลักศาสนาอิสลาม ผู้หญิงในประเทศซาอุดิอาระเบียถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพมากมายราวกับเป็นพลเมืองชั้นสอง และต้องได้รับการดูแลและได้รับความเห็นชอบจากผู้ชายเสียก่อน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีผู้หญิงชาวซาอุดิอาระเบียจำนวนมากลี้ภัยออกนอกประเทศ เนื่องจากทนรับการกดขี่ทางเพศในซาอุดิอาระเบียไม่ได้
3
อย่างไรก็ตาม มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมของประเทศ ได้ประกาศปฏิรูปกฎหมายของซาอุดิอาระเบียให้มีความเป็นสากลและเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกมากขึ้น และเริ่มอนุญาติให้ผู้หญิงมีเสรีภาพในบางเรื่อง เช่นเรื่องการขับรถ และอนุญาตให้มีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลหญิง เพื่อผลักดันให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นภายในปี ค.ศ.2030
2
(ตัวอย่างข้อมูลอ้างอิงด้านล่าง)
2
มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน แห่งซาอุดิอาระเบีย ผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศ
ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาที่ซาอุดิอาระเบียต้องพบเจอ คือปัญหาเรื่องความหรูหราฟุ่มเฟือยของราชวงศ์ซาอุฯ ที่ใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งของที่พวกเขาชอบ เนื่องจากพวกเขาเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมันรายใหญ่ของประเทศ และปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิหร่าน ที่กล่าวได้ว่าทั้งสองประเทศนั้นไม่ลงรอยกันมาช้านาน โดยซาอุดิอาระเบียมองว่าการปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ปาห์ลาวี ของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี เมื่อปี ค.ศ.1979 ของอิหร่าน คือความเสี่ยงต่อราชวงศ์ซาอุฯ จนทำให้ทั้งสองประเทศมีประเด็นขัดแย้งกันนับตั้งแต่นั้น และมักมีส่วนเกี่ยวข้องในสงครามที่เกิดในภูมิภาคตะวันออกกลางมากมาย
3
เช่น ในสงครามเยเมน ซาอุดิอาระเบียสนับสนุนรัฐบาลเยเมน แต่อิหร่านสนับสนุนกลุ่มกบฎโค่นล้มรัฐบาล และสงครามกลางเมืองซีเรีย ซาอุดิอาระเบียสนับสนุนกลุ่มกบฏ ในขณะที่อิหร่านให้การสนับสนุนรัฐบาลกลาง
4
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าซาอุดิอาระเบีย เป็นประเทศที่ให้เงินทุนสำหรับกลุ่มผู้ก่อการร้ายชาวอาหรับ และถึงแม้พวกเขาจะเป็นชาติมุสลิม แต่ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบต่อชาติมุสลิมด้วยกันนัก ยกตัวอย่างเช่น อิหร่าน ที่ได้กล่าวถึงไปแล้วนั่นเอง
2
ซาอุดิอาระเบีย ประเทศที่มีความสุดโต่งแบบทุนนิยมแบบชาติตะวันตก และชาติที่เคร่งศาสนา รวมอยู่ในประเทศเดียว
4. อิหร่าน
ก่อนที่จะเกิดเหตุปฏิวัติอิหร่านในปี ค.ศ.1979 กล่าวได้ว่าอิหร่านไม่ต่างอะไรจากประเทศตุรกี ในแง่ของชาติที่เป็นมุสลิม แต่มีความยืดหยุ่นผ่อนคลาย มีเสรีภาพมากกว่า จนกระทั่ง พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ถูกโค่นล้มโดยประชาชนที่ไม่พอใจ เนื่องจากมองว่าพระองค์ใช้ชีวิตอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ยอมยกทรัพยากรธรรมชาติ และผลประโยชน์ที่พึงมีพึงได้ของประชาชนไปให้ชาวต่างชาติจนหมด และปล่อยให้ประชาชนต้องอยู่อย่างยากลำบาก
2
ภาพแฟชั่นการแต่งกายของหญิงสาวชาวอิหร่านในช่วงทศวรรษที่ 1960 ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติมุสลิมในภายหลัง
ภายหลัง รูฮอลเลาะห์ โคมัยนี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของประเทศอิหร่าน และได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ต่อต้านแนวคิดเสรีนิยม และสนับสนุนแนวคิดอนุรักษ์นิยมแบบอิสลาม ผู้หญิงที่เคยมีเสรีภาพในยุคของพระเจ้าชาห์ ก็ถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เช่นการแต่งกายแบบชาวตะวันตก ก่อนเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติอิหร่าน ภายหลังได้ถูก รูฮอลเลาะห์ โคมัยนี ประกาศห้าม และสั่งให้ผู้หญิงทุกคนต้องสวบผ้าคลุมฮิญาบ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอิสลามหรือไม่ก็ตาม
3
รูฮอลเลาะห์ โคมัยนี ผู้นำการปฎิวัติและผู้นำคนแรกของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
ด้วยความที่อิหร่านเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นรัฐอิสลามแบบอนุรักษ์นิยม จึงทำให้กลุ่มราชวงศ์ของซาอุฯ ไม่พอใจ เนื่องจากกลัวว่ากระแสแห่งการปฏิวัติของอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อประเทศซาอุดิอาระเบีย และภายหลังทั้งสองประเทศนี้ก็มีประเด็นขัดแย้งกันตลอดเวลา อีกทั้ง ซาอุดิอาระเบียยังมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอีกด้วย
หลังจากเหตุการณ์ก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2001 ปธน.สหรัฐฯ ในขณะนั้นอย่าง จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ได้ออกมากล่าวถึงแกนนำแห่งความชั่วร้าย (Axis of evil) ที่เป็นกลุ่มประเทศที่สหรัฐฯ มองว่ามีส่วนร่วมในการก่อการร้ายและจัดหาอาวุธทำลายล้างสูง ได้แก่ 1.อิรัก 2.อิหร่าน 3.เกาหลีเหนือ
โดยอิหร่านเองก็เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย ที่สหรัฐฯ เองก็คิดทำสงครามด้วยเช่นกัน เพียงแต่ ในขณะนั้น สหรัฐฯ ยังติดพันการสู้รบที่อิรักและอัฟกานิสถาน และคะแนนความนิยมของของ ปธน. จอร์จ ดัลเบิลยู. บุช ตกต่ำ เนื่องจากประชาชนไม่พอใจนโยบายการทำสงครามนั่นเอง
แต่ไม่ว่าอย่างไร สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านก็ยังถือว่าเป็นอะไรที่สุ่มเสี่ยง และอยู่ภายใต้การเฝ้าดูจากประชาคมโลกอย่างใกล้ชิด ด้วยความหวังว่าจะมีหนทางแห่งสันติภาพหลงเหลืออยู่บ้าง
พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี กษัตริย์ของอิหร่านที่ถูกโค่นล้มโดยกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจพระองค์
5. เกาหลีใต้
เกาหลีใต้ตั้งอยู่ในคาบสมุทรเกาหลี และกล่าวได้ว่าพวกเขาคือชาติที่มีความก้าวหน้าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม เทคโนโลยี การทหาร และความบันเทิง เคียงคู่มากับประเทศญี่ปุ่น ที่พวกเขามองว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญของพวกเขา และทั้งสองประเทศเคยมีประเด็นความขัดแย้งที่ฝังรากลึกเมื่อในสมัยอดีต
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ เพราะในสมัยอดีต ทางการญี่ปุ่นได้บังคับให้เกาหลีลงนามในสนธิสัญญาอึลซาเมื่อปี ค.ศ.1905 ที่ทำให้เกาหลีต้องตกเป็นรัฐในอารักขาของญี่ปุ่น สถาบันกษัตริย์ของเกาหลีก็ถูกล้มล้างโดยญี่ปุ่นโดยปริยาย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ญี่ปุ่นก็ได้บริหารจัดการกิจการภายในเกาหลีได้อย่างอิสระเป็นอิสระ โดยระหว่างที่กองทัพญี่ปุ่นยึดครองเกาหลี ก็ได้มีหญิงสาวชาวเกาหลีถูกส่งไปเป็นนางบำเรอให้กับทหารญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก และยังมีการเกณฑ์ชายหนุ่มชาวเกาหลีไปเป็นแรงงาน และเป็นทหารสู้รบในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอีกด้วย
4
รูปปั้นหญิงบำเรอ ที่ภาคประชาชนชาวเกาหลีใต้สร้างขึ้นหน้าสถานทูตญี่ปุ่นในเมืองปูซาน เพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบจากอีกฝ่าย
จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง เกาหลีใต้ได้รับเอกราช และกว่าที่พวกเขาจะเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น ก็ต้องเวลาให้ล่วงเลยไปกว่า 20 ปี โดยทางการญี่ปุ่นได้ให้เงินช่วยเหลือไปกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทางการญี่ปุ่นมองว่า นั่นคือการแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ญี่ปุ่นเคยทำไว้กับชาวเกาหลีเมื่อครั้งในอดีต เพียงแต่ในมุมมองของชาวเกาหลีนั้นกลับมองในมุมที่ต่างกันออกไป กล่าวคือ ทางการเกาหลีใต้ต้องการให้ญี่ปุ่นเอ่ยปากขอโทษและให้เงินชดเชยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างเป็นทางการเป็นรายบุคคล ซึ่งทางการญี่ปุ่นมองว่าตนเองได้จัดการกับปัญหาดังกล่าวไปแล้วเมื่อปี ค.ศ.1965 และเชื่อว่าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ควรยุติข้อพิพาทนี้ได้แล้ว เพียงแต่ฝ่ายเกาหลีใต้กลับมองในมุมที่ต่างออกไป คือพวกเขามองว่าข้อตกลงเมื่อปี ค.ศ.1965 เป็นที่ยอมรับจากทั้งสองฝ่ายจริง แต่เกาหลีใต้มองว่ามันยังไม่พอ
3
โดยเมื่อช่วงต้นปี ค.ศ.2021 ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นของเกาหลีใต้ ได้สั่งให้รัฐบาลญี่ปุ่นจ่ายเงินชดใช้ให้ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อรายละ 91,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทางการญี่ปุ่นก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า คำตัดสินดังกล่าวไม่สามารถยอมรับได้ และทั้งสองประเทศควรยุติเรื่องนี้ได้แล้ว
3
(ตัวอย่างข้อมูลอ้างอิงด้านล่าง)
2
สรุปคือ ในมุมของชาวเกาหลีใต้ มองว่าญี่ปุ่นไม่มีความจริงใจในการขอโทษและแสดงความรับผิดชอบมากพอ แต่มุมมองของชาวญี่ปุ่น พวกเขาเชื่อว่าตนเองได้ชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาเคยก่อไปแล้ว และไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องเหล่านั้นอีก และมองว่าเกาหลีใต้เรียกร้องมากเกินไปนั่นเอง
1
อาห์น จุง วาน ชายผู้ยิงประตูชัยให้เกาหลีใต้ชนะอิตาลีในศึกฟุตบอลโลกปี 2002
ในมุมที่น่าสงสารของเกาหลีใต้ ก็ยังมีแง่มุมที่เรียกได้ว่าเป็นรอยด่างพร้อยของพวกเขา คือการเป็นชาติที่เจ้าเล่ห์ พร้อมใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาชนะในการแข่งขันกีฬา โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก เมื่อปี ค.ศ.2003 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ เกาหลีใต้เอาชนะตัวเต็งอย่างโปรตุเกส สเปน และอิตาลี โดยเฉพาะอิตาลี ที่มีประเด็นฮือฮา เมื่อชาติเจ้าภาพเกาหลีใต้ได้ประโยชน์จากการตัดสินของกรรมการ จนทำให้อิตาลีตกรอบไปอย่างสุดช้ำ และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ทำให้นักฟุตบอลชาวเกาหลีใต้ผู้ยิงประตูชัยให้เกาหลีใต้อย่าง อาห์น จุง วาน ที่ในขณะนั้นค้าแข้งกับสโมสรเปรูจา ของอิตาลี ต้องย้ายทีมเพราะแรงแค้นของชาวอิตาลีนั่นเอง
4
และในปี ค.ศ.2012 ในช่วงที่บทเพลง 'กังนัม สไตล์' ของศิลปินเกาหลีใต้ชื่อดังอย่าง PSY ได้ไปจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศอิตาลี ในการแข่งขันฟุตบอลโคปา อิตาเลีย แต่กลับถูกชาวอิตาเลี่ยนโห่ไล่ จนทำให้คอนเสิร์ตในครั้งนั้นจบลงแบบไม่สวยงามนัก เนื่องจากชาวอิตาเลี่ยนส่วนใหญ่ยังไม่ลืมว่าพวกทีมรักของพวกเขาถูกเกาหลีใต้ปล้นชัยชนะไปนั่นเอง
1
นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังเป็นประเทศที่มีความกดดันสูง อันเนื่องมาจากการแข่งขันในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงปัญหาเรื่องการกดขี่ทางเพศ ผู้ชายเป็นใหญ่กว่าผู้หญิง เป็นต้น
ภาพการประท้วงญี่ปุ่นของชาวเกาหลีใต้ ที่มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
6. ญี่ปุ่น **พิเศษ**
1
จากตอนที่แล้ว ที่เราได้พูดถึงเยอรมนี หนึ่งในประเทศฝ่ายอักษะ ที่ได้สร้างบาดแผลลึกทางประวัติศาสตร์ด้วยการสังหารหมู่ชาวยิวไปมากกว่า 6 ล้านคน และพวกเขาได้ยืนหยัดเพื่อแก้ไขและรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์ จนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ยังมีประเทศที่น่าสนใจอีกหนึ่งประเทศที่ผมอยากหยิบยกขึ้นมาพูดถึง นั่นก็คือประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งในอดีตญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในสมาชิกของฝ่ายอักษะ และมีแนวทางการปฏิบัติตัวหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงในแนวทางที่แตกต่างจากฝ่ายเยอรมนีเสียหน่อย
1
ญี่ปุ่นในปัจจุบันเป็นชาติที่พัฒนาแล้ว และเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของหลาย ๆ ชาติที่อยากเอาเป็นเยี่ยงอย่างในการพัฒนา โดยเฉพาะไทย เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะวัฒนธรรมการ์ตูนมังงะ เกม หุ่นยนต์ ไอดอลสาว ๆ หน้าตาน่ารัก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมที่ทำให้ทุกคนรู้จักประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างดี
ในมุมมองของคนทั่วไป ที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่น มักจะมองว่าชาวญี่ปุ่นเป็นคนสุภาพ ขยันขันแข็ง มีระเบียบวินัย แต่ถ้าหากลองไปตั้งคำถามความรู้สึกของคนจีนและคนเกาหลีใต้ เราอาจได้คำตอบที่แตกต่างกันออกไป เพราะภาพลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันและในอดีต เรียกได้ว่าแตกต่างกันลิบลับกับที่พวกเราเห็นเลยก็ว่าได้
เกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่น AKB48 ขวัญใจของเหล่าโอตาคุในญี่ปุ่น และบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ฮ่า...)
ญี่ปุ่นนั้นเป็นชาติที่รักษาอัตลักษณ์ของตนไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และปิดประเทศมานานกว่า 200 ปี หลังจากสิ้นสุดยุคสงครามกลางเมือง จนกระทั่งในปี ค.ศ.1854 นายพลเรือ แมทธิว เพอร์รี่ ได้บังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ญี่ปุ่นเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
3
ญี่ปุ่นได้ตระหนักว่า พวกเขาล้าหลังกว่าโลกภายนอก พวกเขาจำเป็นต้องเร่งพัฒนาและปฏิรูปตัวเองให้เจริญเหนือกว่าชาติตะวันตกให้ได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด จนทำให้เขากลายเป็นชาติมหาอำนาจในเอเชีย ที่แม้แต่ชาติตะวันตกยังต้องเกรงใจ
1
การปฏิรูปเมจิ (Meiji Reform) ค.ศ.1868 จุดเริ่มต้นที่ทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก
พอเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับชาติตะวันตก ญี่ปุ่นก็เริ่มทำการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลี และจีน โดยพวกเขามีแนวคิดว่า มีความจำเป็นที่จะต้องขับไล่เจ้าอาณานิคมตะวันตกให้ออกไปจากเอเชีย ชาวเอเชียต้องปกครองชาวเอเชียด้วยกันเท่านั้น (คือทุกชาติในเอเชียต้องอยู่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น) และมองว่าวัฒนธรรมตะวันตกมีแต่จะทำให้ปรัชญาและวัฒนธรรมของชาติตะวันออกเสื่อมทรามลง
ในระหว่างการรุกรานประเทศจีน ญี่ปุ่นได้ก่อเหตุสังหารหมู่ที่นานกิง จนมีผู้คนเสียชีวิตนับแสนคน ยังไม่รวมถึงการกดขี่ข่มเหงชาวเกาหลีในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันนี้ ทางการจีนและเกาหลีใต้ยังไม่เคยลืมในสิ่งที่ญี่ปุ่นเคยกระทำต่อพวกเขา และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ญี่ปุ่นไม่มีความจริงใจในการขอโทษและรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
ข่าวพาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์ของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ว่าด้วยการแข่งขันการตัดศีรษะชาวจีนนับร้อยคนโดยทหารชั้นสัญญาบัตรของกองทัพญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นเองก็ยังเป็นประเทศที่มีแนวคิดชาตินิยมสูง และไม่ค่อยเปิดรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานภายในประเทศของพวกเขามากนัก เพราะมองว่ามาแย่งงานพวกเขาทำ (ยกเว้นนักท่องเที่ยว เพราะพวกเขาถือว่าคนกลุ่มนี้เอาเงินมาให้) และก็ภาพจำเกี่ยวกับความโหดร้ายของยากูซา ที่ปกติแล้วคนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยเข้าไปยุ่งกับชาวต่างชาติเท่าไรนัก
3
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า มุมมองของชาวจีนและชาวเกาหลี (บางส่วน) พวกเขามองว่าญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่เสแสร้ง ไม่จริงใจ และพยายามแกล้งทำเป็นลืมในสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำต่อประเทศเพื่อนบ้านและเพื่อนมนุษย์อย่างโหดร้ายทารุณในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองได้อย่างง่ายดาย
Japan Adult Expo งานจัดแสดงหนัง AV ญี่ปุ่นโดยผู้จัดจากค่ายต่าง ๆ พร้อมกับการเปิดตัวของนักแสดงสาว ๆ มากหน้าหลายตา
และที่สำคัญ ก็ยังมีประเด็นเรื่องอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ หรือหนังโป๊ ที่ญี่ปุ่นทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันจนก่อให้เกิดธุรกิจขนาดใหญ่ จนกลายเป็นภาพจำเกี่ยวกับประเทศนี้ (โดยเฉพาะหนุ่มไทยทั้งหลาย) และดาราสาว ๆ ในหนังโป๊ บางคนก็มีสถานะไม่ต่างจากดาราหรือไอดอลเลย แต่ในอีกแง่มุม ชาวญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้ยอมรับพวกเธอมากนัก บางคนที่มาแสดงหนังผู้ใหญ่ โชว์เนื้อหนังมังสาให้ผู้ชายกลัดมันได้ดู ก็เพราะมีเหตุจำเป็นที่ต้องทำ บางคนก็ต้องการเงินทุนไปทำธุรกิจส่วนตัว มาแสดงไม่กี่เรื่องแล้วก็ไป และบางคนก็รักในอาชีพนี้ และสามารถสร้างฐานแฟนคลับได้อย่างมากมายไม่ต่างจากดาราหรือไอดอลชื่อดังเลยแม้แต่น้อย
4
เรียกได้ว่าประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีความสุดโต่ง เข้าถึงยากและความย้อนแย้งในตัวเองหลายเรื่องเลยทีเดียวก็ว่าได้
2
ท่านสามารถติดตามภาคสามของบทความนี้ได้จากลิงค์ด้านล่างครับ
บทความจาก : QUORA.COM, BBC.COM, WIKIPEDIA, RANKTOPTEN.COM
โฆษณา